ความรู้ทั่วไป สารนิเทศ การศึกษา คอมพิวเตอร์ >>
องค์ประกอบของการขนส่ง
ผลกระทบของการขนส่ง
การขนส่งทางน้ำ (Water Transportation)
การขนส่งทางบก (Land Transportation)
การขนส่งทางอากาศ (Air Transportation)
การขนส่งทางบก (Land Transportation)
การขนส่งทางบก แบ่งออกเป็น ทางรถไฟ และทางรถยนต์ การเดินทางโดยรถไฟ ปลอกภัย
สะดวกสบาย แต่ก็ไม่สามารถแวะพักระหว่างทาง หรือออกไปนอกเส้นทางได้
แต่การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวสามารถแวะพักตามเส้นทางที่ต้องการได้
ในปัจจุบันมีรถยนต์หลายประเภทบริการรับส่งผู้โดยสาร เช่น รถประจำทาง
รถยนต์รับจ้าง(Taxi) รถเช่า การมีรถยนต์หลายประเภท
ทำให้การเดินทางสะดวกสบายและสอดคล้องกับความต้องการในการเดินทางมากขึ้น
การคมนาคมทางบกได้เริ่มต้นมาตั้งแต่สมัยโบราณ พาหนะที่สำคัญได้แก่ ม้า อูฐ
เกวียนและรถม้า ชาวโรมันในสมัยโบราณได้เริ่มสร้างถนนเชื่อมระหว่าง
กรุงโรมกับเมืองต่างๆ ในอาณาจักรโรมัน ตั้งแต่ 315 ปี ก่อนคริสตศักราช เช่น
สร้างถนนเชื่อมระหว่างกรุงโรมกับอังกฤษ กรุงโรมกับซีเรีย ตลอดจนเมืองท่าสำคัญอื่นๆ
ของโรมัน จนมีคำกล่าวว่า ถนนทุกสายมุ่งสู่กรุงโรม (All roads lead to Rome)
(Lundberg , 1985 :62) การขนส่งทางบกด้วยเกวียน รถม้า อูฐ ช้างและม้า
หรือยานพาหนะโดยใช้แรงงานสัตว์ชนิดอื่นๆ
ยังคงมีบทบาทสำคัญในการขนส่งสินค้าและผู้โดยสารตลอดมา
การขนส่งทางรถไฟ โทมัส นิวโคเมน (Thomas Newcomen, ค.ศ.1663-1729)
ชาวอังกฤษได้ปรับปรุงเครื่องจักรไอน้ำ โดยใช้ลูกสูบได้เป็นผลสำเร็จ หลังจากนั้น
เจมส์ วัตต์ (James Watt , ค.ศ.1736-1817)
ก็ได้นำเครื่องจักรไอน้ำมาใช้ในอุตสาหกรรมทอผ้าและติดตั้งหัวรถจักรและเรือกลไฟ
ต่อมาจอร์จ สตีเฟนสัน (George Stephenson , ค.ศ.1781-1848)
ได้ปรับปรุงและสร้างหัวรถจักรได้สำเร็จ ในปี ค.ศ.1814
หลังจากนั้นได้นำหัวรถจักรมาลากจูงรถไฟ
และรถไฟก็มีบทบาทในการขนส่งสินค้าและผู้โดยสารมากขึ้น
หลังจากรถไฟมีบทบาทในการขนส่งผู้โดยสารแทนยานพาหนะแบบเก่าไม่นาน โทมัส คุก
ก็ได้จัดรายการนำเที่ยวทางรถไฟขึ้นเป็นครั้งแรก ในประเทศอังกฤษ ในปี ค.ศ.1841
การค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์ทำให้ รูดอล์ฟ ดีเซล (Rudolf Diesel , ค.ศ.1858-1913)
ชาวเยอรมัน ได้ประดิษฐ์เครื่องยนต์ดีเซล
แล้วนำมาใช้ในการขับเคลื่อนขบวนรถไฟได้สำเร็จในปี ค.ศ.1892
การสร้างทางรถไฟในยุโรป ซึ่งได้เริ่มต้นระหว่าง ค.ศ.1830-1850
ได้ขยายกว้างขวางออกไปสอดคล้องกับการพัฒนาด้านเทคโนโลยีเกี่ยวกับการรถไฟ
ได้มีการสร้างทางรถไฟเชื่อมระหว่างประเทศต่างๆ ในยุโรป
และการรถไฟก็ขยายไปยังทวีปอเมริกา เอเชีย ออสเตรเลีย และ แอฟริกา
ในยุโรปมีทางรถไฟจากอิตาลี่ สู่ ฝรั่งเศส จากปารีสในฝรั่งเศส
ทางรถไฟแยกไปสู่สเปนและอีกสายหนึ่งแยกขึ้นไปสู่เบลเยี่ยม เยอรมนี โปแลนด์
จากโปแลนด์ขึ้นไปสู่เมืองเลนินกราด (Laningrad) แล้วอีกสายหนึ่งแยกไปออสเตรีย
ยูโกสลาเวีย บัลแกเรียและตุรกี ทางรถไฟสายสแกนดิเนเวียน ได้เชื่อมกลุ่มประเทศ
นอรเวย์ สวีเดน ฟินแลนด์และเดนมาร์ก
นอกจากนั้นทางรถไฟสายนี้ยังมีทางแยกจากฟินแลนด์ไปเชื่อมเลนินกราด
ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของทางรถไฟสาย ทรานส์ ไซบีเรียน (Trans Siberian Express) ยาว
9,298.81 กิโลเมตร จากเมืองเลนินกราด ผ่านมอสโก (Moscow) ไปยังเมืองวิลาดิวอสต็อก
(Vladivastok) สำหรับทวีปอื่นๆ ก็ได้พัฒนา
เส้นทางรถไฟเชื่อมระหว่างประเทศเช่นเดียวกัน
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 (ค.ศ.1939-1945) ประเทศต่างๆ
ได้พัฒนาการขนส่งทางรถไฟให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิม
พลังขับเคลื่อนรถไฟตามรางได้ใช้พลังงานไฟฟ้าแทนพลังงานน้ำมัน
ทำให้สามารถแล่นได้เร็วกว่าเดิม ในปี ค.ศ.1964 ได้เปิดการเดินรถไฟ ชินกันเซน
(Shinkansen) ขึ้นเป็นครั้งแรก ระหว่างกรุงโตเกียวและโอซาก้า
เนื่องในมหกรรมกีฬาโอลิมปิค รถไฟชินกันเซนแล่นระหว่างเมืองทั้งสองระยะทาง 885
กิโลเมตร ในเวลา 3 ชั่วโมง 10 นาที
ในขณะที่รถไฟแบบเก่าของญี่ปุ่นแล่นในระยะทางดังกล่าวแล้วใช้เวลา 18 ชั่วโมง
ในฝรั่งเศสได้สร้างรถไฟ เต.เช.เว. (Train A Grande Vitesse) แล่นระหว่างปารีส กับ
ลียง และปารีส กับ มาร์เซย ในอัตราเร็วเฉลี่ย 282 กิโลเมตร/ชั่วโมง
รถไฟดังกล่าวแล่นได้ราบเรียบมาก ขณะถือแก้วน้ำในมือน้ำยังไม่กระฉอกออกจากปากแก้ว
(Lundberg , 1985 :54)
ในสหรัฐอเมริกา ได้สร้างทางรถไฟสาย แอมแทรก (Amtrak) ขึ้นในปี ค.ศ.1971
เพื่อเชื่อมเมืองต่าง ๆ ระหว่างชายฝั่งทะเลตะวันออกกับตะวันตก
ทางรถไฟสายแอมแทรกที่สำคัญ เช่น จากเมืองชิคาโกไปสู่เมืองซานดิเอโกและลอสแองเจลิส
ฝั่งทะเลด้านตะวันออกมีทางรถไฟสายแอมแทรกเชื่อมระหว่างเมืองไมอามี่กับนิวยอร์ก
และจากนิวยอร์กสายหนึ่งแยกไปฝั่งวอชิงตัน ดี.ซี. อีกสายหนึ่งแยกขึ้นไปฝั่ง
มอนทรีออล ในประเทศแคนนาดา
ในปัจจุบันนอกจากรถไฟที่มีอัตราความเร็วเพิ่มขึ้นกว่าเดิมแล้ว
ความสะดวกสบายก็มีเพิ่มขึ้นกว่าเดิม เพราะในรถไฟมีห้องนอนปรับอากาศ ห้องอาหาร
และรายการบันเทิงต่างๆ ดังนั้นผู้โดยสารที่ชื่นชอบกับธรรมชาติสองข้างทางรถไฟ
ก็ยังนิยมการเดินทางประเภทดังกล่าวแล้ว
พร้อมกับการพัฒนาเส้นทางรถไฟที่ผ่านเข้าไปยังพื้นที่สูงเช่น
ประเทศจีนพัฒนาเส้นทางรถไฟไปสู่ทิเบตเรียกว่าเส้นทางสายชิงไห่ - ทิเบต
ทั้งนี้เพราะการเดินทางโดยรถไฟ สะดวกสบาย เพลิดเพลิน ค่าโดยสารถูกกว่าเครื่องบิน
และสามารถเดินทางเข้าถึงย่านใจกลางเมืองได้
เพราะสถานีรถไฟตั้งอยู่ในจุดใจกลางของแต่ละเมือง ดังนั้นการขนส่งทางรถไฟ
จึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้โดยสารที่ต้องการราคาประหยัด
การเดินทางในระยะสั้นและไม่มีความเร่งรีบในเรื่องของเวลา
ทางรถยนต์ ถึงแม้ว่าการขนส่งทางบกได้มีมาแต่โบราณ
แต่ยานพาหนะทางบกถูกขับเคลื่อนด้วยแรงงานสัตว์
จนกระทั่งได้มีการผลิตเครื่องจักรไอน้ำขึ้น โจเซฟ คูเยต์ (Joseph Cugnot,
ค.ศ.1825-1904) วิศวกรชาวฝรั่งเศส เป็นคนแรกที่ประดิษฐ์ยานยนต์สามล้อ
โดยใช้พลังงานจากไอน้ำ ใน ค.ศ.1770 ต่อมา คาร์ล เบนซ์ (Carl Benz , ค.ศ.1844-1929)
ชาวออสเตรียและกอตต์เลียบ เดมเลอร์ (Gottlieb Daimler, ค.ศ.1834-1900) ชาวเยอรมัน
ได้สร้างรถยนต์โดยใช้พลังงานน้ำมันเป็นแรงขับเคลื่อนเป็นผลสำเร็จ ใน ค.ศ1885
นับเป็นรถยนต์คันแรกของโลก ต่อมาเฮนรี ฟอร์ด (Henry Ford, ค.ศ.1863-1947)
ชาวอเมริกันได้ประดิษฐ์รถยนต์ขึ้นเป็นผลสำเร็จในปี ค.ศ.1896
หลังจากนั้นการผลิตรถยนต์เพื่อการค้าก็เริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1901 ต่อมาในปี
ค.ศ.1908 ก็ได้มีการสร้างถนนรถยนต์ในประเทศสหรัฐอเมริกา
สำหรับในยุโรปก็ได้ปรับปรุงเส้นทางรถม้าหรือเส้นทางเดิมเป็นถนนรถยนต์ ในปี ค.ศ.1912
ประเทศต่างๆ ได้สร้างถนนรถยนต์มากยิ่งขึ้น (Lundberg , 1985 :62)
ก่อนครึ่งแรกของคริสต์ศตวรรษที่ 20 รถไฟมีบทบาทในการขนส่งมากที่สุด
แต่หลังจากทศวรรษที่ 1950 รถยนต์ได้มีบทบาทในการขนส่งแทนรถไฟ
ทั้งนี้เพราะการเดินทางที่สะดวกสบาย สามารถแวะพักได้อย่างอิสระ
และมีความอิสระในการเดินทางมากกว่ารถไฟ
รถยนต์จึงมีบทบาทสำคัญในทางด้านการท่องเที่ยว
ในสหรัฐอเมริกามีการเดินทางโดยรถยนต์ในวันหยุดร้อยละ 80 (Davidson , 1994 :43)
การขนส่งโดยพาหนะรถยนต์มีข้อเสียในด้านความปลอดภัยในการเดินทาง
การส่งเสียงดังและอากาศเป็นพิษ
รถยนต์ได้มีบทบาทสำคัญในด้านการท่องเที่ยว
เพราะว่ารถยนต์สามารถให้บริการด้านการท่องเที่ยวได้หลายประเภท เช่น
รถยนต์นั่งส่วนบุคคล (Car) รถเช่า (Car Hire) รถรับจ้าง (Taxi) รถโดยสาร (Coach)
และรถประจำทาง (Bus) ยานพาหนะดังกล่าวจัดบริการผู้โดยสารระหว่างสนามบินกับที่พัก
การเดินทางภายในเมือง การเดินทางระหว่างเมืองหรือระหว่างประเทศ
การบรรจุผู้โดยสารของรถยนต์แต่ละประเภทสามารถยืดหยุ่นได้ตามวัตถุประสงค์ของการเดินทาง
เช่น ถ้าต้องการเดินทางท่องเที่ยวกลุ่มเล็กประมาณ 3-4 คน
ก็สามารถเลือกรถเช่าขนาดเล็ก ถ้าเป็นกลุ่มใหญ่ประมาณ 30-40 คน
ก็สามารถเลือกรถโดยสารขนาดใหญ่ ซึ่งสามารถบรรจุผู้โดยสารได้ประมาณ 42 คน
นอกจากสามารถเลือกยานพาหนะให้เหมาะกับผู้โดยสารแล้ว
ภายในรถยนต์ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เช่น ติดตั้งเครื่องปรับอากาศ
ห้องสุขภัณฑ์ วิทยุ โทรทัศน์ หรือรายการบันเทิงอื่นๆ
รวมทั้งจัดอาหารและเครื่องดื่มไว้บริการ
ถึงแม้ว่ารถยนต์จะมีความสะดวกสบายดังกล่าวแล้ว
แต่การเดินทางท่องเที่ยวโดยรถยนต์ก็ต้องตระหนักว่าผู้โดยสารหรือนักท่องเที่ยวไม่ต้องการนั่งรถยนต์ในระยะเวลานานติดต่อกันหลายวัน
เพราะทำให้เกิดการเหนื่อยอ่อน
ถ้าเป็นรถโดยสารประเภทเช่าเหมาก็ควรจัดให้มีการสับเปลี่ยนที่นั่ง (Seat Rotation)
ในการเดินทางแต่ละวัน เพื่อให้บุคคลที่นั่งแถวหลัง
ได้มีโอกาสหมุนเวียนขึ้นมานั่งแถวหน้าบ้าง
เพื่อได้ชื่นชมกับธรรมชาติและสถานที่สองข้างทางชัดเจนขึ้น (Mancini,1990 :60-61)
เนื่องจากรถยนต์มีความสะดวกสบายและสามารถจัดบริการได้สอดคล้องกับจำนวนและวัตถุประสงค์ของผู้เดินทาง
จึงทำให้การเดินทางโดยทางรถยนต์เป็นที่นิยมมากขึ้นและมีบทบาทในการขนส่งผู้โดยสารทางบกมากกว่ารถไฟซึ่งมีข้อจำกัดในการหยุดพักและการเสรีภาพส่วนบุคคลหรือการจัดกิจกรรมของหมู่คณะ