วิทยาศาสตร์ ดาราศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา
ใบพายเขาใหญ่
ลักษณะทั่วไปของใบพายเขาใหญ่
การศึกษาสภาพนิเวศวิทยาของแหล่งเจริญเติบโต
การศึกษาสภาพนิเวศวิทยาของแหล่งเจริญเติบโต
คุณสมบัติของน้ำในแหล่งเจริญเติบโตของใบพายเขาใหญ่
- อุณหภูมิของน้ำ มีค่าอยู่ระหว่าง 24.0-24.5 องศาเซลเซียส ค่าเฉลี่ยในรอบปี 24.1 องศาเซลเซียส อุณหภูมิของอากาศ มีค่าอยู่ระหว่าง 24.6-28.0 องศาเซลเซียส เฉลี่ยในรอบปี 26.1 องศาเซลเซียส
- ความเข้มแสง มีค่าอยู่ระหว่าง 8,100-49,500 LUX ค่าเฉลี่ยในรอบปี 25,650 LUX
- ความขุ่นใสของน้ำ มีค่าอยู่ระหว่าง 3.57- 21.23 FTU ค่าเฉลี่ยในรอบปี 80 FTU
- ความเป็นกรดเป็นด่าง มีค่าอยู่ระหว่าง 6.32-6.95 ค่าเฉลี่ยในรอบปี 6.59
- ปริมาณออกซิเจนที่ละลายน้ำ มีค่าอยู่ระหว่าง 5.4-7.4 มก./ล. ค่าเฉลี่ยในรอบปี 6.5 มก./ล.
- ปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์อิสระในน้ำ มีค่าอยู่ระหว่าง 4.0-7.0 มก./ล. ค่าเฉลี่ยในรอบปี 5.25 มก./ล.
- ความเป็นด่าง มีค่าอยู่ระหว่าง 24-52 มก./ล. ค่าเฉลี่ยในรอบปี 36.5 มก./ล.
- ความกระด้าง มีค่าอยู่ระหว่าง 22-51 มก./ล. ค่าเฉลี่ยในรอบปี 33.75 มก./ล.
- แอมโมเนีย-ไนโตรเจน มีค่าอยู่ระหว่าง 0.0280-0.0437 มก./ล. ค่าเฉลี่ยในรอบปี 0.0380 มก./ล.
- ไนไตรต์-ไนโตรเจน มีค่าอยู่ระหว่าง 0.0029-0.0064 มก./ล. ค่าเฉลี่ยในรอบปี 0.0049 มก./ล.
- ไนเตรต-ไนโตรเจน มีค่าอยู่ระหว่าง 0.0235-0.0478 มก./ล. ค่าเฉลี่ยในรอบปี 0.0384 มก./ล.
- ออร์โธฟอสเฟต มีค่าอยู่ระหว่าง 0.0134-0.0334 มก./ล. ค่าเฉลี่ยในรอบปี 0.0241 มก./ล.
คุณสมบัติของดินในแหล่งเจริญเติบโตของใบพายเขาใหญ่
- ความเป็นกรดเป็นด่าง มีค่าอยู่ระหว่าง 6.05-6.58 ค่าเฉลี่ยในรอบปี 6.26
- อินทรียวัตถุ โดยเปรียบเทียบกับองค์ประกอบของดิน เปอร์เซ็นต์ organic matter มีอัตราส่วนอยู่ระหว่างร้อยละ 0.44-1.37 และมีค่าเฉลี่ยในรอบปีอัตราส่วนร้อยละ 0.84
- ฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ มีค่าอยู่ระหว่าง 5.49-23.43 มก./กก. ค่าเฉลี่ยในรอบปี 13.31 มก./กก.
- โพแทสเซียม มีค่าอยู่ระหว่าง 31.0-149.46 มก./กก. ค่าเฉลี่ยในรอบปี 93.09 มก./กก.
- สัดส่วนอนุภาคของดิน พบว่าเป็นดินที่มีลักษณะเป็นดินทราย (Sandy Loam) และดินเหนียวปนทราย (Sandy Clay Loam)
จากการศึกษาคุณสมบัติของน้ำและดินในแหล่งเจริญเติบโตของใบพายเขาใหญ่
พบว่าน้ำมีความเป็นกรดเป็นด่างอยู่ระหว่าง 6.32-6.95
และดินมีความเป็นกรดเป็นด่างอยู่ระหว่าง 6.05-6.58 สอดคล้องกับรายงานของอรุณี
และณฐกร (2548) ที่รายงานว่าพรรณไม้น้ำสกุล Cryptocoryne
ที่สำรวจในภาคกลางและภาคตะวันออกพบบริเวณที่เป็นลำธารที่น้ำมีกรดเป็นด่างอยู่ระหว่าง
6.06-7.98 และดินมีความเป็นกรดเป็นด่างอยู่ระหว่าง 4.3-7.4
และในภาคใต้พบบริเวณที่เป็นลำธารที่น้ำมีกรดเป็นด่างอยู่ระหว่าง 6.14-7.3
และดินมีความเป็นกรดเป็นด่างอยู่ระหว่าง 5.2-6.7
สำหรับความกระด้างจากการสำรวจมีค่าอยู่ระหว่าง 22-51 มก./ล. สอดคล้องกับ Rataj and
Horeman (1977) ที่รายงานว่า พบ Cryptocoryne balansae
บริเวณที่น้ำมีความกระด้างน้อยจนถึงมาก
หรือลำธารที่เป็นภูเขาหินปูนซึ่งน้ำมีความกระด้างสูง
จากการวิเคราะห์อินทรียวัตถุในดินในการสำรวจครั้งนี้
พบว่ามีอัตราส่วนอยู่ระหว่างร้อยละ 0.44-1.37 ฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์
มีค่าอยู่ระหว่าง 5.49-23.43 มก./กก. และโพแทสเซียม มีค่าอยู่ระหว่าง 31.0-149.46
มก./กก. สอดคล้องกับรายงานของ อรุณี และณฐกร (2548) ที่รายงานว่าพรรณไม้น้ำสกุล
Cryptocoryne
ที่สำรวจในภาคกลางและภาคตะวันออกพบในลำธารที่ดินมีอินทรียวัตถุอยู่ระหว่าง
0.41-6.16 ฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ มีค่าอยู่ระหว่าง 2-25 มก./กก. โพแทสเซียม
มีค่าอยู่ระหว่าง 15-64 มก./กก. สำหรับสัดส่วนอนุภาคของดินจากการวิเคราะห์ครั้งนี้
พบว่าเป็นดินที่มีลักษณะเป็นดินทราย (Sandy Loam) และดินเหนียวปนทราย (Sandy Clay
Loam) สอดคล้องกับรายงานของอรุณี และณฐกร (2548) ที่รายงานว่าพรรณไม้น้ำสกุล
Cryptocoryne ที่สำรวจในภาคกลางและภาคตะวันออก ดินมีลักษณะเป็นดินทราย
และดินเหนียวปนทราย (Sandy Clay Loam / Sandy Loam / Loamy Sand / Sand )
จากคุณสมบัติของน้ำอื่น ๆ เช่น อุณหภูมิของน้ำมีค่าเฉลี่ยในรอบปี 24.1
องศาเซลเซียส อุณหภูมิของอากาศ มีค่าเฉลี่ยในรอบปี 26.1 องศาเซลเซียส
แสดงว่าใบพายเขาใหญ่จะอาศัยในแหล่งน้ำที่มีอุณหภูมิที่ไม่สูงและไม่ต่ำมากเกินไป
ค่าความเข้มแสง มีค่าเฉลี่ยในรอบปี 25,650 LUX
แสดงว่าแสงสว่างมีความจำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตของใบพายเขาใหญ่
สอดคล้องกับการศึกษาของ Boney (1975)
ที่รายงานว่าสาหร่ายที่อยู่ใต้น้ำมีอัตราสังเคราะห์แสงอยู่ในช่วง 20,000 30,000
LUX ปริมาณออกซิเจนที่ละลายน้ำ มีค่าเฉลี่ยในรอบปี 6.5 มก./ล.
เนื่องจากเป็นแหล่งน้ำที่เป็นลำธารน้ำไหลจึงมีค่าออกซิเจนที่ละลายน้ำสูงเพราะมีการแลกเปลี่ยนออกซิเจนของน้ำกับอากาศตลอดเวลา
ปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์อิสระในน้ำ มีค่าเฉลี่ยในรอบปี 5.25 มก./ล.
ซึ่งเป็นค่าที่ค่อนข้างสูงเหมาะสมกับการเจริญเติบโตของพรรณไม้น้ำ
ความลึกและความขุ่นใสของน้ำมีความสอดคล้องกัน คือช่วงเดือนมิถุนายน กันยายน
ระดับน้ำมีความลึก 120 140 ซม. ความขุ่นใสของน้ำ 15.19 21.23 FTU
เนื่องจากน้ำฝนที่ชะล้างลงมาและกระแสน้ำที่แรง
ทำให้เกิดตะกอนดินในน้ำและน้ำมีความขุ่นสูง ในขณะที่ช่วงเดือนธันวาคม มีนาคม
ระดับน้ำมีความลึก 30 ซม. ความขุ่นใสของน้ำ 3.57 5.05 FTU
เนื่องจากช่วงนี้ระดับน้ำลดลง มีการตกตะกอน สำหรับค่าค่าแอมโมเนีย-ไนโตรเจน
มีค่าเฉลี่ยในรอบปี 0.0380 มก./ล. ไนไตรต์-ไนโตรเจน มีค่าเฉลี่ยในรอบปี 0.0049
มก./ล. ไนเตรต-ไนโตรเจน มีค่าเฉลี่ยในรอบปี 0.0384 มก./ล. และออร์โธฟอสเฟต
มีค่าเฉลี่ยในรอบปี 0.0241 มก./ล. ซึ่งฟอสฟอรัส
เป็นธาตุอาหารที่มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของสาหร่ายในแหล่งน้ำจืด
ในแหล่งน้ำมักอยู่ในรูปออร์โธฟอสเฟต (orthophosphate) ซึ่งไมตรีและจารุวรรณ (2528)
อ้างถึงการศึกษาในต่างประเทศว่า หากแหล่งน้ำตามธรรมชาติมีปริมาณฟอสฟอรัสสูงเกินกว่า
0.01 มก./ล. จัดว่าแหล่งน้ำนั้นมีธาตุอาหารมากเกินไป
แหล่งน้ำที่มีปัญหามลภาวะมีปริมาณฟอสฟอรัสสูงกว่า 0.6 มก./ล.
แสดงว่าในแหล่งน้ำที่สำรวจน้ำมีปริมาณธาตุอาหารค่อนข้างสูงเพียงพอต่อการเจริญเติบโตของพรรณไม้น้ำ
โดยเฉพาะแหล่งน้ำที่อยู่บนที่สูงมีการชะล้างของธาตุอาหารจากดินลงสู่แหล่งน้ำเมื่อมีฝนตก
จากการศึกษาผลผลิตมวลชีวภาพของใบพายเขาใหญ่
พบว่ามีผลผลิตมวลชีวภาพสูงสุดในเดือนกันยายน (น้ำหนักสดเฉลี่ย 304 กรัมต่อตารางฟุต)
ต่ำสุดในเดือนมีนาคม (น้ำหนักสดเฉลี่ย 46 กรัมต่อตารางฟุต)
และความยาวเฉลี่ยของใบมีค่าต่ำสุดในเดือนมีนาคม (21.22 ซม.)
และสูงสุดในเดือนกันยายน (41.74 ซม.)
ดังนั้นข้อมูลผลผลิตมวลชีวภาพของใบพายเขาใหญ่จึงสอดคล้องกับค่าความยาวเฉลี่ยของใบ
เนื่องจากเดือนมีนาคมน้ำในลำธารลดปริมาณลงต้นใบพายเขาใหญ่ที่พบจะเป็นต้นที่อยู่บนบกเป็นส่วนใหญ่
จึงมีความยาวเฉลี่ยของใบน้อย ในขณะที่เดือนกันยายนเป็นช่วงที่น้ำมีความลึก
ส่วนใหญ่จะพบต้นใต้น้ำจึงมีความยาวเฉลี่ยของใบมากกว่าช่วงอื่น ๆ
ซึ่งในประเทศไทยยังไม่มีรายงานการศึกษาในลักษณะเช่นนี้
เอกสารอ้างอิง
- กองเกษตรเคมี. มปป. วิธีการเก็บตัวอย่างดินและน้ำเพื่อการวิเคราะห์. กรมวิชาการเกษตร, กรุงเทพฯ. 36 น.
- ไมตรี ดวงสวัสดิ์ และจารุวรรณ สมศิริ. 2528. คุณสมบัติของน้ำและวิธีวิเคราะห์สำหรับการวิจัยทางการประมง.
- สถาบันประมงน้ำจืดแห่งชาติ กรมประมง, กรุงเทพฯ. 115 น.
- วันเพ็ญ มีนกาญจน์ และกาญจนรี พงษ์ฉวี. 2543. พรรณไม้น้ำสวยงาม. สถาบันวิจัยสัตว์น้ำสวยงามและสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ, กรุงเทพฯ. 122 หน้า.
- วิทยา หวังเจริญพร กำชัย ลาวัณยวุฒิ กาญจนรี พงษ์ฉวี และชัชวาลย์ จตุพร. 2540. การจัดตู้และเพาะเลี้ยงพรรณไม้น้ำ. สถาบันพัฒนาปลาสวยงามและพรรณไม้น้ำ กรมประมง.
- ศรีสม สุวรรณวงศ์. มปป. การวิเคราะห์ธาตุอาหารพืช. สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, กรุงเทพฯ. 140 น.
- อรุณี รอดลอย และณฐกร ประดิษฐ์สรรพ์. 2548. การสำรวจและการเลี้ยงพรรณไม้น้ำสกุลใบพาย
- Cryptocoryne. เอกสารวิชาการฉบับที่ 24/2548 สำนักวิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืด กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์. 38 หน้า