ความรู้ทั่วไป สารนิเทศ การศึกษา คอมพิวเตอร์ >>

กฎหมายไทย - พระราชบัญญัติ

พระราชบัญญัติ การจัดการศึกษาระดับปริญญาตรี ในสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ พ.ศ. 2541

หน้า 2

หมวด 2
การดำเนินกิจการ
______

มาตรา 11 ให้มีคณะกรรมการสถาบัน ประกอบด้วย

(1) ประธานกรรมการสถาบัน ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวง ศึกษาธิการแต่งตั้ง
(2) รองประธานกรรมการสถาบัน ได้แก่ อธิบดีกรมศิลปากร
(3) กรรมการสถาบันโดยตำแหน่ง ได้แก่ อธิการ เลขาธิการ คณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ เลขาธิการคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครู และผู้แทนทบวงมหาวิทยาลัย
(4) กรรมการสถาบันจำนวนสามคน ซึ่งเลือกจากรองอธิการ คณบดี และหัวหน้าหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าคณะ
(5) กรรมการสถาบันจำนวนสามคน ซึ่งเลือกจากคณาจารย์ประจำ ของสถาบัน
(6) กรรมการสถาบันผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนเจ็ดคน ซึ่งรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงศึกษาธิการแต่งตั้งจากบุคคลภายนอก ให้คณะกรรมการสถาบันแต่งตั้งรองอธิการคนหนึ่งเป็นกรรมการและ เลขานุการคณะกรรมการสถาบันโดยคำแนะนำของอธิการ คุณสมบัติของผู้รับเลือกตลอดจนหลักเกณฑ์และวิธีการเลือกกรรมการ สถาบันตาม (4) และ (5) ให้เป็นไปตามข้อบังคับของสถาบัน หลักเกณฑ์ วิธีการได้มาและคุณสมบัติของประธานกรรมการสถาบัน และกรรมการสถาบันผู้ทรงคุณวุฒิให้เป็นไปตามข้อบังคับของสถาบัน

มาตรา 12 กรรมการสถาบันตามมาตรา 11 (4) และ (5) มีวาระการดำรงตำแหน่งสองปี และอาจได้รับเลือกใหม่อีกได้ แต่จะดำรง ตำแหน่งเกินสองวาระติดต่อกันมิได้ ประธานกรรมการสถาบันและกรรมการสถาบันผู้ทรงคุณวุฒิมีวาระ การดำรงตำแหน่งสองปี และอาจได้รับการแต่งตั้งใหม่อีกได้

มาตรา 13 นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระตามมาตรา 12 ประธานกรรมการสถาบันและกรรมการสถาบันพ้นจากตำแหน่งเมื่อ

(1) ตาย
(2) ลาออก
(3) ขาดคุณสมบัติของการเป็นประธานกรรมการสถาบันหรือกรรมการ สถาบันในประเภทนั้น ๆ

ในกรณีที่ประธานกรรมการสถาบันหรือกรรมการสถาบันพ้นจากตำแหน่ง ก่อนวาระ และได้แต่งตั้งหรือได้มีการเลือกผู้ดำรงตำแหน่งแทนแล้วให้ผู้ซึ่งได้รับการ แต่งตั้งหรือผู้ซึ่งได้รับเลือกนั้นอยู่ในตำแหน่งเพียงเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของผู้ซึ่ง ตนแทน ในกรณีที่ประธานกรรมการสถาบันหรือกรรมการสถาบันพ้นจากตำแหน่ง ตามวาระแต่ยังมิได้แต่งตั้งหรือยังมิได้เลือกผู้ดำรงตำแหน่งแทน ให้ประธานกรรมการ สถาบันหรือกรรมการสถาบันซึ่งพ้นจากตำแหน่งนั้นปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะได้แต่งตั้ง ประธานกรรมการสถาบันหรือกรรมการสถาบันหรือได้มีการเลือกกรรมการสถาบัน ขึ้นใหม่ ในกรณีที่ประธานกรรมการสถาบันหรือกรรมการสถาบันพ้นจากตำแหน่ง ก่อนครบวาระไม่เกินเก้าสิบวัน สถาบันจะไม่ดำเนินการแต่งตั้งประธานกรรมการ สถาบัน หรือไม่ดำเนินการแต่งตั้งหรือเลือกกรรมการสถาบันขึ้นแทนตำแหน่งที่ว่าง ก็ได้

มาตรา 14 คณะกรรมการสถาบันมีอำนาจและหน้าที่ ดังนี้

(1) วางนโยบายและกำกับแผนพัฒนาของสถาบันเกี่ยวกับการศึกษา การวิจัย การให้บริการทางวิชาการแก่สังคม และการทะนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม
(2) วางระเบียบและออกข้อบังคับต่าง ๆ เกี่ยวกับการดำเนิน กิจการของสถาบัน
(3) พิจารณาการจัดตั้ง การรวม และการยุบเลิกสำนักงานอธิการ คณะ หรือภาควิชา หรือหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าคณะหรือ ภาควิชา
(4) พิจารณาให้ความเห็นชอบหลักสูตรการศึกษาของสถาบัน
(5) อนุมัติการให้ปริญญา อนุปริญญา และประกาศนียบัตร (
6) พิจารณาดำเนินการเกี่ยวกับการแต่งตั้งและการถอดถอน อธิการ ศาสตราจารย์ ศาสตราจารย์พิเศษ และศาสตราจารย์เกียรติคุณ
(7) พิจารณาแต่งตั้งและถอดถอนรองอธิการ คณบดี รองคณบดี หัวหน้าภาควิชาหรือหัวหน้าหน่วยงาน หรือรองหัวหน้าหน่วยงานที่เรียกชื่อ อย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าคณะหรือภาควิชา รองศาสตราจารย์พิเศษ และผู้ช่วย ศาสตราจารย์พิเศษ
(8) พิจารณาให้ความเห็นชอบงบประมาณของสถาบันเพื่อเสนอต่อ กรมศิลปากร รวมทั้งวางระเบียบและออกข้อบังคับเกี่ยวกับการจัดทำงบประมาณ การเงิน และทรัพย์สินของสถาบัน
(9) พิจารณากำหนดเครื่องหมายของสถาบัน
(10) พิจารณาให้ความเห็นเกี่ยวกับการศึกษาด้านศิลปวัฒนธรรม ปัญหาทางการศึกษาด้านศิลปวัฒนธรรมและด้านอื่นตามที่กระทรวงศึกษาธิการ หารือ
(11) แต่งตั้งคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ หรือบุคคลใดบุคคลหนึ่ง เพื่อกระทำการใด ๆ อันอยู่ในอำนาจและหน้าที่ของคณะกรรมการสถาบัน
(12) อำนาจหน้าที่อื่นเกี่ยวกับกิจการของสถาบันที่มิได้ระบุให้เป็น อำนาจหน้าที่ของผู้ใดโดยเฉพาะ

มาตรา 15 การประชุมของคณะกรรมการสถาบัน ให้เป็นไปตาม ข้อบังคับของสถาบัน

มาตรา 16 ให้มีอธิการคนหนึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาและรับผิดชอบ การบริหารงานของสถาบัน และจะให้มีรองอธิการหรือผู้ช่วยอธิการ หรือมีทั้งรอง อธิการและผู้ช่วยอธิการตามจำนวนที่คณะกรรมการสถาบันกำหนดเพื่อทำหน้าที่ และรับผิดชอบตามที่อธิการมอบหมายก็ได้ อธิการนั้น ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการแต่งตั้งโดย คำแนะนำของคณะกรรมการสถาบันจากบุคคลผู้มีคุณสมบัติตามมาตรา 17 อธิการมีวาระการดำรงตำแหน่งสี่ปี และจะได้รับการแต่งตั้งใหม่อีกได้ แต่จะดำรงตำแหน่งเกินสองวาระติดต่อกันมิได้ รองอธิการและผู้ช่วยอธิการนั้น ให้คณะกรรมการสถาบันแต่งตั้งโดย คำแนะนำของอธิการจากคณาจารย์ประจำของสถาบันผู้มีคุณสมบัติตามมาตรา 17 เมื่ออธิการพ้นจากตำแหน่ง ให้รองอธิการและผู้ช่วยอธิการพ้นจาก ตำแหน่งด้วย

มาตรา 17 อธิการ รองอธิการและผู้ช่วยอธิการต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้

(1) ได้รับปริญญาเอกหรือเทียบเท่าจากสถาบันอุดมศึกษาที่สถาบัน รับรองและได้ทำการสอนในสถาบันหรือสถานศึกษาอื่นในสังกัดกรมศิลปากร หรือ สถาบันอุดมศึกษาอื่นที่สถาบันรับรอง หรือมีประสบการณ์ในด้านการบริหารมาแล้ว เป็นเวลาไม่น้อยกว่าสองปี หรือเคยดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการสถาบันหรือ ในสภาสถาบันอุดมศึกษาอื่นมาแล้วเป็นเวลาไม่น้อยกว่าสองปี หรือ

(2) ได้รับปริญญาชั้นใดชั้นหนึ่งหรือเทียบเท่าจากสถาบันหรือสถาบัน อุดมศึกษาอื่นที่สถาบันรับรอง และได้ทำการสอนในสถาบันหรือสถานศึกษาอื่นใน สังกัดกรมศิลปากรหรือสถาบันอุดมศึกษาอื่นที่สถาบันรับรอง หรือมีประสบการณ์ ในด้านการบริหารมาแล้วเป็นเวลาไม่น้อยกว่าสี่ปี หรือเคยดำรงตำแหน่งใน คณะกรรมการสถาบันหรือในสภาสถาบันอุดมศึกษาอื่นมาแล้วเป็นเวลาไม่น้อยกว่า สี่ปี

มาตรา 18 อธิการมีอำนาจและหน้าที่ ดังนี้

(1) บริหารกิจการของสถาบันให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับของทางราชการและของสถาบัน รวมทั้งนโยบายและวัตถุประสงค์ของ สถาบัน
(2) ควบคุมดูแลบุคลากร การเงิน การพัสดุ สถานที่ และ ทรัพย์สินอื่นของสถาบันให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับของทาง ราชการ และข้อบังคับของสถาบัน
(3) เป็นผู้แทนของสถาบันในกิจการทั่วไป
(4) จัดทำรายงานประจำปีเกี่ยวกับกิจการของสถาบันเพื่อเสนอ ต่อคณะกรรมการสถาบัน
(5) ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามระเบียบและข้อบังคับของสถาบัน หรือตาม ที่คณะกรรมการสถาบันมอบหมาย

มาตรา 19 ในกรณีที่ผู้ดำรงตำแหน่งอธิการไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้รองอธิการเป็นผู้รักษาราชการแทน ถ้ามีรองอธิการหลายคน ให้รองอธิการ ที่อธิการมอบหมายเป็นผู้รักษาราชการแทน ถ้าอธิการมิได้มอบหมาย ให้รองอธิการ ที่มีอาวุโสสูงสุดเป็นผู้รักษาราชการแทน ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งอธิการ หรือไม่มีผู้รักษาราชการแทน อธิการตามวรรคหนึ่ง หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้ประธานกรรมการสถาบัน แต่งตั้งผู้มีคุณสมบัติตามมาตรา 17 เป็นผู้รักษาราชการแทน ให้ผู้รักษาราชการแทนตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสองมีอำนาจหน้าที่ เช่นเดียวกับอธิการ และในกรณีที่มีกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ คำสั่ง หรือมติ คณะรัฐมนตรีแต่งตั้งให้ผู้ดำรงตำแหน่งอธิการเป็นกรรมการหรือให้มีอำนาจหน้าที่ อย่างใด ให้ผู้รักษาราชการแทนนั้นทำหน้าที่กรรมการหรือมีอำนาจหน้าที่เช่นเดียว กับอธิการในระหว่างที่รักษาราชการแทนด้วย

มาตรา 20 ในคณะหรือหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะ เทียบเท่าคณะ ให้มีคณบดีหรือหัวหน้าหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่า คณะเป็นผู้บังคับบัญชาและรับผิดชอบงานของคณะหรือหน่วยงานนั้น และจะให้มี รองคณบดีหรือหัวหน้าหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าคณะ คนหนึ่งหรือหลายคนตามจำนวนที่คณะกรรมการสถาบันกำหนดเพื่อช่วยปฏิบัติงาน ตามที่คณบดีหรือหัวหน้าหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าคณะมอบหมาย ก็ได้ ในกรณีที่มีการแบ่งภาควิชาในคณะ หรือแบ่งหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่น ที่มีฐานะเทียบเท่าภาควิชา ให้มีหัวหน้าภาควิชาหรือหัวหน้าหน่วยงานที่เรียกชื่อ อย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าภาควิชาเป็นผู้บังคับบัญชาและรับผิดชอบงานของภาควิชา หรือหน่วยงานนั้น และจะให้มีรองหัวหน้าภาควิชาหรือรองหัวหน้าหน่วยงานที่เรียกชื่อ อย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าภาควิชาคนหนึ่งหรือหลายคนตามจำนวนที่คณะกรรมการ สถาบันกำหนดเพื่อช่วยปฏิบัติงานตามที่หัวหน้าภาควิชาหรือหัวหน้าหน่วยงานที่เรียกชื่อ อย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าภาควิชามอบหมายก็ได้ คณบดี รองคณบดี หัวหน้าภาควิชา รองหัวหน้าภาควิชา หัวหน้า หน่วยงานและรองหัวหน้าหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าคณะหรือ ภาควิชา ให้คณะกรรมการสถาบันแต่งตั้งจากคณาจารย์ประจำของสถาบันโดย คำแนะนำของอธิการ

มาตรา 21 คณบดี หัวหน้าภาควิชา หัวหน้าหน่วยงานที่เรียกชื่อ อย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าคณะหรือภาควิชาให้มีวาระการดำรงตำแหน่งสี่ปี และอาจได้รับแต่งตั้งใหม่อีกได้ แต่จะดำรงตำแหน่งเกินสองวาระติดต่อกันมิได้ เมื่อคณบดี หัวหน้าภาควิชา หัวหน้าหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่น ที่มีฐานะเทียบเท่าคณะหรือภาควิชาพ้นจากตำแหน่ง ให้รองคณบดี รองหัวหน้า ภาควิชาหรือรองหัวหน้าหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าคณะหรือ ภาควิชาพ้นจากตำแหน่งด้วย

มาตรา 22 คณบดี รองคณบดี หัวหน้าภาควิชา หัวหน้าและรอง หัวหน้าหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าคณะหรือภาควิชาต้องได้รับ ปริญญาชั้นใดชั้นหนึ่งหรือเทียบเท่าจากสถาบันหรือสถาบันอุดมศึกษาอื่นที่สถาบัน รับรอง และได้ทำการสอนหรือมีประสบการณ์ด้านการบริหารในสถาบันหรือสถาน ศึกษาอื่นในสังกัดกรมศิลปากรหรือสถาบันอุดมศึกษาอื่นที่สถาบันรับรอง มาแล้ว เป็นเวลาไม่น้อยกว่าสามปี

มาตรา 23 วิธีการสรรหาบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นอธิการ คณบดี หัวหน้าภาควิชา และหัวหน้าหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าคณะ หรือภาควิชาให้เป็นไปตามข้อบังคับของสถาบัน

มาตรา 24 ผู้ดำรงตำแหน่งอธิการ รองอธิการ ผู้ช่วยอธิการ คณบดี รองคณบดี หัวหน้าภาควิชา รองหัวหน้าภาควิชา หัวหน้าและรองหัวหน้า หน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าคณะหรือภาควิชาจะดำรงตำแหน่ง ดังกล่าวเกินหนึ่งตำแหน่งในขณะเดียวกันมิได้ ผู้ดำรงตำแหน่งตามวรรคหนึ่งอยู่หนึ่งตำแหน่งแล้ว จะรักษาราชการ แทนตำแหน่งอื่นอีกหนึ่งตำแหน่งก็ได้ แต่ต้องไม่เกินหกเดือน

« ย้อนกลับ | หน้าถัดไป »

แชร์ไปที่ไหนดี แชร์ให้เพื่อนสิ แชร์ให้เพื่อนได้ แชร์ให้เพื่อนเลย