ความรู้ทั่วไป สารนิเทศ การศึกษา คอมพิวเตอร์ >>
กฎหมายไทย - พระราชบัญญัติ
พระราชบัญญัติ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี พ.ศ. 2533
หน้า 3
หมวด 3
การบัญชีและการตรวจสอบ
________
มาตรา 34 ให้มหาวิทยาลัยวางและรักษาไว้ซึ่งระบบบัญชีอันถูกต้อง แยกตามประเภทงานส่วนที่สำคัญ มีสมุดบัญชีลงรายการรับและจ่ายเงิน สินทรัพย์ และหนี้สินที่แสดงกิจการที่เป็นอยู่ตามความเป็นจริงและตามที่ควร ตามประเภท งาน พร้อมด้วยข้อความอันเป็นที่มาของรายการนั้น ๆ และให้มีการตรวจสอบ บัญชีภายในเป็นประจำ
มาตรา 35 ให้มหาวิทยาลัยจัดทำงบดุล บัญชีทำการ และบัญชีกำไร ขาดทุน ส่งผู้สอบบัญชีภายในเก้าสิบวันนับแต่วันสิ้นปีบัญชี
มาตรา 36 ให้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินเป็นผู้สอบบัญชีของ มหาวิทยาลัย และให้ทำการตรวจสอบรับรองบัญชีและการเงินทุกประเภทของ มหาวิทยาลัยทุกรอบปี
มาตรา 37 ให้ผู้สอบบัญชีมีอำนาจตรวจสอบสรรพสมุดบัญชีและ เอกสารหลักฐานต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัย เพื่อการนี้ให้มีอำนาจสอบถาม อธิการบดี รองอธิการบดี พนักงาน และลูกจ้างของมหาวิทยาลัย
มาตรา 38 ให้ผู้สอบบัญชีทำรายงานผลการสอบบัญชีและการเงิน เสนอต่อสภามหาวิทยาลัยภายในหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันสิ้นปีบัญชี เพื่อสภา มหาวิทยาลัยเสนอต่อรัฐมนตรี ให้มหาวิทยาลัยโฆษณารายงานประจำปีของปีที่สิ้นไปนั้น แสดงบัญชี งบดุล บัญชีทำการ และบัญชีกำไรขาดทุนที่ผู้สอบบัญชีรับรองว่าถูกต้องแล้ว พร้อมทั้งแสดงผลงานของมหาวิทยาลัยในปีที่ล่วงมาและแผนงานที่จะจัดทำ ในปีต่อไปภายในหนึ่งร้อยห้าสิบวันนับแต่วันสิ้นปีบัญชี
หมวด 4
การกำกับและควบคุม
________
มาตรา 39 รัฐมนตรีมีอำนาจและหน้าที่กำกับและควบคุมโดยทั่วไป ซึ่งกิจการของมหาวิทยาลัยให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ตามมาตรา 5 และ ให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลหรือมติคณะรัฐมนตรี
มาตรา 40 บรรดาเรื่องที่มหาวิทยาลัยจะต้องเสนอไปยัง คณะรัฐมนตรีตามความในพระราชบัญญัตินี้ ให้รัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ
หมวด 5
ตำแหน่งทางวิชาการ
_______
(1) ศาสตราจารย์
(2) รองศาสตราจารย์
(3) ผู้ช่วยศาสตราจารย์
(4) อาจารย์
คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ และวิธีการแต่งตั้งและถอดถอนคณาจารย์ประจำ ตามวรรคหนึ่งให้เป็นไปตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัย
มาตรา 42 อธิการบดีโดยความเห็นชอบของสภาวิชาการ อาจแต่งตั้ง ผู้ซึ่งมีคุณสมบัติเหมาะสมและมิได้เป็นคณาจารย์ประจำของมหาวิทยาลัยเป็นรองศาสตราจารย์พิเศษ ผู้ช่วยศาสตราจารย์พิเศษ และอาจารย์พิเศษได้ โดยคำแนะนำของคณบดีหรือหัวหน้าหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะ เทียบเท่าสำนักวิชา คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ และวิธีการแต่งตั้งรองศาสตราจารย์พิเศษ ผู้ช่วยศาสตราจารย์พิเศษ และอาจารย์พิเศษ ให้เป็นไปตามข้อบังคับของ มหาวิทยาลัย
มาตรา 43 ศาสตราจารย์พิเศษนั้นจะทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งโดยคำแนะนำของสภามหาวิทยาลัย คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ และวิธีการแต่งตั้งศาสตราจารย์พิเศษ ให้ เป็นไปตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัย
มาตรา 44 ศาสตราจารย์ซึ่งมีความรู้ความสามารถและความ ชำนาญพิเศษ และพ้นจากตำแหน่งไปโดยไม่มีความผิด สภามหาวิทยาลัย โดยคำแนะนำของสภาวิชาการอาจแต่งตั้งให้เป็นศาสตราจารย์เกียรติคุณ ในสาขาวิชาที่ศาสตราจารย์ผู้นั้นมีความเชี่ยวชาญเพื่อเป็นเกียรติยศได้ คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ และวิธีการแต่งตั้งศาสตราจารย์เกียรติคุณ ให้เป็นไปตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัย
มาตรา 45 บุคคลใดได้รับพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งหรือได้รับ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ ศาสตราจารย์พิเศษ ศาสตราจารย์ เกียรติคุณ รองศาสตราจารย์ รองศาสตราจารย์พิเศษ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ หรือผู้ช่วยศาสตราจารย์พิเศษ ตามความในหมวดนี้ ให้มีสิทธิใช้ตำแหน่งทาง วิชาการดังกล่าวเป็นคำนำหน้านาม เพื่อแสดงวิทยฐานะได้
การใช้คำนำหน้านามตามความในวรรคหนึ่งให้ใช้อักษรย่อ ดังนี้
(1) ศาสตราจารย์ ศาสตราจารย์พิเศษ หรือศาสตราจารย์เกียรติคุณ ใช้อักษรย่อ ศ.
(2) รองศาสตราจารย์ หรือรองศาสตราจารย์พิเศษ ใช้อักษรย่อ รศ.
(3) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ หรือผู้ช่วยศาสตราจารย์พิเศษ ใช้อักษรย่อ ผศ.
หมวด 6 ปริญญาและเครื่องหมายวิทยฐานะ _________
มาตรา 46 ปริญญามีสามชั้น คือ ปริญญาเอก เรียกว่า ดุษฎีบัณฑิต ใช้อักษรย่อ ด. ปริญญาโท เรียกว่า มหาบัณฑิต ใช้อักษรย่อ ม. ปริญญาตรี เรียกว่า บัณฑิต ใช้อักษรย่อ บ.มาตรา 47 มหาวิทยาลัยมีอำนาจให้ปริญญาในสาขาวิชาที่มีการสอน ในมหาวิทยาลัย การกำหนดให้สาขาวิชาใดมีปริญญาชั้นใด และจะใช้อักษรย่อสำหรับ สาขาวิชานั้นอย่างไร ให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา
มาตรา 48 สภามหาวิทยาลัยอาจออกข้อบังคับให้ผู้สำเร็จการศึกษา ชั้นปริญญาตรี ได้รับปริญญาตรีเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง หรือปริญญาตรีเกียรตินิยม อันดับสองก็ได้
มาตรา 49 สภามหาวิทยาลัยอาจออกข้อบังคับกำหนดให้มี ประกาศนียบัตรบัณฑิต อนุปริญญา และประกาศนียบัตรสำหรับสาขาวิชาใดได้ ดังนี้
(1) ประกาศนียบัตรบัณฑิต ออกให้แก่ผู้สำเร็จการศึกษาในสาขา วิชาหนึ่งสาขาวิชาใดภายหลังที่ได้รับปริญญาแล้ว
(2) อนุปริญญา ออกให้แก่ผู้สำเร็จการศึกษาตามหลักสูตรในสาขา วิชาหนึ่งสาขาวิชาใดก่อนถึงขั้นได้รับปริญญาตรี
(3) ประกาศนียบัตร ออกให้แก่ผู้สำเร็จการศึกษาเฉพาะวิชา
มาตรา 50 มหาวิทยาลัยมีอำนาจให้ปริญญากิตติมศักดิ์แก่บุคคล ซึ่งสภามหาวิทยาลัยเห็นว่าทรงคุณวุฒิสมควรแก่ปริญญานั้น ๆ แต่จะให้ปริญญา ดังกล่าวแก่คณาจารย์ประจำผู้ดำรงตำแหน่งต่าง ๆ ในมหาวิทยาลัยหรือ กรรมการสภามหาวิทยาลัยไม่ได้ ชั้น สาขาของปริญญา และวิธีการให้ปริญญากิตติมศักดิ์ ให้เป็นไป ตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัย
มาตรา 51 มหาวิทยาลัยอาจกำหนดให้มีครุยวิทยฐานะหรือเข็ม วิทยฐานะเป็นเครื่องหมายแสดงวิทยฐานะของผู้ได้รับปริญญา ประกาศนียบัตร บัณฑิต อนุปริญญา และประกาศนียบัตร และอาจกำหนดให้มีครุยประจำตำแหน่ง กรรมการสภามหาวิทยาลัย ครุยประจำตำแหน่งผู้บริหาร หรือครุยประจำ ตำแหน่งคณาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยก็ได้
การกำหนดลักษณะ ชนิด ประเภท และส่วนประกอบของครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่ง ให้ทำเป็นข้อกำหนดของมหาวิทยาลัย โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งจะใช้ใน โอกาสใดโดยมีเงื่อนไขอย่างใดให้เป็นไปตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัย
มาตรา 52 สภามหาวิทยาลัยอาจออกข้อบังคับให้มีเครื่องแบบ เครื่องหมาย หรือเครื่องแต่งกายนักศึกษาได้ โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
หมวด 7
บทกำหนดโทษ
_______
บทเฉพาะกาล
________
มาตรา 54 ให้โอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน หนี้ และเงินงบประมาณ ของสำนักงานปลัดทบวงมหาวิทยาลัย เฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับโครงการจัดตั้ง มหาวิทยาลัยสุรนารีไปเป็นของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีตามพระราช บัญญัตินี้
มาตรา 55 ระหว่างที่ยังมิได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้ง เลือก หรือเลือกตั้งนายกสภามหาวิทยาลัยและกรรมการสภามหาวิทยาลัย ตามมาตรา 14 ให้สภามหาวิทยาลัยประกอบด้วย รัฐมนตรีว่าการทบวง มหาวิทยาลัยเป็นนายกสภามหาวิทยาลัย ปลัดทบวงมหาวิทยาลัยเป็นอุปนายก สภามหาวิทยาลัย ปลัดกระทรวงการคลัง ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เลขาธิการ คณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นกรรมการสภามหาวิทยาลัย และรองปลัดทบวงมหาวิทยาลัยเป็นกรรมการ และเลขานุการสภามหาวิทยาลัย ทั้งนี้ จนกว่าจะได้มีสภามหาวิทยาลัยตาม พระราชบัญญัตินี้ ซึ่งต้องไม่เกินสองปีนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
มาตรา 56 ในวาระเริ่มแรก ให้มหาวิทยาลัยมีส่วนงาน ดังนี้
(1) สำนักงานอธิการบดี
(2) สำนักวิชาวิทยาศาสตร์
(3) สำนักวิชาเทคโนโลยีสังคม
(4) สำนักวิชาเทคโนโลยีการเกษตร
(5) สำนักวิชาเทคโนโลยีอุตสาหกรรม
(6) สำนักวิชาเทคโนโลยีทรัพยากร
(7) สถาบันวิจัยและพัฒนา
(8) ศูนย์บรรณสารและสื่อการศึกษา
(9) ศูนย์เครื่องมือวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
(10) ศูนย์บริการการศึกษา
(11) ศูนย์บริการวิชาการ
(12) ศูนย์คอมพิวเตอร์
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ
นายกรัฐมนตรี
________________________________
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจาก ในปัจจุบันการจัดให้มีการศึกษาระดับอุดมศึกษายังไม่เพียงพอแก่ความต้องการ ของประชาชน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดให้มีการศึกษาระดับอุดมศึกษา ในส่วนภูมิภาคยังมีจำนวนจำกัด เป็นเหตุให้เกิดปัญหาในการผลิตบุคลากรที่ จะทำงานในด้านการวิจัยและพัฒนาทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อเป็นเครื่องมือของรัฐในการพัฒนาประเทศอย่างยิ่ง ดังนั้น เพื่อแก้ไข ปัญหาดังกล่าวและเป็นการกระจายโอกาสทางการศึกษาระดับอุดมศึกษาไปสู่ ภูมิภาคให้กว้างขวางยิ่งขึ้น และโดยที่พิจารณาเห็นว่าการจัดการศึกษาใน ระดับอุดมศึกษาเป็นเรื่องที่ต้องใช้จ่ายงบประมาณในการดำเนินการที่ค่อนข้าง สูงมาก การให้เอกชนได้มีส่วนร่วมในการดำเนินการหรือการจัดให้การ บริหารมหาวิทยาลัยมีความคล่องตัวสูงจึงเป็นวิถีทางหนึ่งที่จะแบ่งเบาภาระ ของรัฐได้เป็นอย่างดี จึงสมควรจัดตั้งมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีขึ้นใน จังหวัดนครราชสีมาเป็นมหาวิทยาลัยภูมิภาคของรัฐ เพื่อให้ดำเนินงานด้าน การเรียน การสอน การวิจัย การให้การศึกษาทางด้านวิชาการและวิชาชีพ ชั้นสูงทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยให้มีการบริหารที่มีอิสระและ ความคล่องตัวมากกว่าที่มหาวิทยาลัยของรัฐมีอยู่ในขณะนี้ จึงจำเป็นต้อง ตราพระราชบัญญัตินี้
« ย้อนกลับ |