ความรู้ทั่วไป สารนิเทศ การศึกษา คอมพิวเตอร์ >>
กฎหมายไทย - พระราชบัญญัติ
ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 294
โดยที่คณะปฏิวัติได้พิจารณาเห็นว่า ในปัจจุบันมีเด็กกำพร้าอนาถา
ที่ขาดผู้อุปการะเลี้ยงดู เด็กซึ่งประพฤติตนไม่สมควรแก่วัย และเด็กซึ่งตกอยู่ใน
สภาพแวดล้อมอันเป็นเหตุให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย จิตใจและศีลธรรมเป็น จำนวนมาก
หากไม่ได้รับการปฏิบัติดูแล สงเคราะห์และคุ้มครองที่เหมาะสมแล้ว
จะเป็นภัยแก่สังคมและประเทศชาติ คณะปฏิวัติตระหนักดีว่าการให้สวัสดิการ
แก่เด็กอย่างได้ผลนั้น นอกจากจะเป็นหน้าที่ของรัฐที่จะต้องดำเนินการดังกล่าวแล้ว
ยังสมควรกำหนดให้บิดามารดาหรือผู้ปกครองของเด็กเข้ามามีส่วนช่วยในการอบรม
เลี้ยงดูเด็กของตนอีกด้วย และเพื่อกำหนดวิธีการให้การสงเคราะห์และการ
คุ้มครองเด็กที่เหมาะสมแก่เด็กและแก่สภาพของสังคม หัวหน้าคณะปฏิวัติจึงมีคำสั่ง
ดังต่อไปนี้
หมวด 1
บททั่วไป
--------
ข้อ 1 ในประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้ เด็ก หมายความว่า
ผู้ซึ่งอายุไม่ครบสิบแปดปีบริบูรณ์และยังไม่ บรรลุนิติภาวะด้วยการสมรส
ประพฤติตนไม่สมควร หมายความว่า ประพฤติตนไม่สมควรแก่วัย ตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
สถานแรกรับเด็ก หมายความว่า สถานที่รับเด็กไว้ชั่วคราว
เพื่อวิเคราะห์และพิจารณาวิธีการสงเคราะห์หรือคุ้มครองสวัสดิภาพที่เหมาะสม แก่เด็ก
สถานรับเลี้ยงเด็ก หมายความว่า สถานที่รับเลี้ยงเด็กซึ่งมีอายุ
ไม่เกินเจ็ดปีบริบูรณ์ และมีจำนวนเกินห้าคนซึ่งไม่เกี่ยวข้องเป็นญาติกับผู้เลี้ยง
แต่ ไม่รวมถึงสถานพยาบาลหรือโรงเรียนอนุบาล สถานสงเคราะห์เด็ก หมายความว่า
สถานที่ให้การอุปการะ เลี้ยงดูเด็กซึ่งพึงได้รับการสงเคราะห์ และมีจำนวนเกินเจ็ดคน
สถานคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก หมายความว่า สถานที่ให้การศึกษา อบรมฝึกอาชีพ
และแก้ไขความประพฤติแก่เด็กซึ่งมีปัญหาทางความประพฤติ และมี อายุเกินเจ็ดปีบริบูรณ์
สถานแนะแนวปัญหาเด็กและครอบครัว หมายความว่า สถานที่
ให้คำแนะนำแก้ไขปัญหาของเด็กและครอบครัวเกี่ยวกับอันตรายอันอาจเกิดขึ้นแก่
เด็กทั้งทางร่างกาย จิตใจ และศีลธรรม ผู้ปกครอง หมายความว่า
บุคคลซึ่งรับเด็กไว้ในความอุปการะ เลี้ยงดู หรือซึ่งให้เด็กอาศัยอยู่เป็นประจำ
ผู้ปกครองสวัสดิภาพ หมายความว่า ผู้ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้ปฏิบัติการ
ตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้ พนักงานเจ้าหน้าที่ หมายความว่า
ผู้ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้ปฏิบัติการ ตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้
ผู้ว่าราชการจังหวัด หมายความว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดในท้องที่
ที่ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้ใช้บังคับ นอกจากนครหลวงกรุงเทพธนบุรี และ
หมายความรวมถึงผู้ซึ่งได้รับมอบหมายด้วย อธิบดี หมายความว่า
อธิบดีกรมประชาสงเคราะห์ และหมายความ รวมถึงผู้ซึ่งได้รับมอบหมายด้วย
ข้อ 2 ให้อธิบดีมีอำนาจจัดตั้งสถานแรกรับเด็ก สถานรับเลี้ยงเด็ก สถานสงเคราะห์เด็ก สถานคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก และสถานแนะแนวปัญหาเด็กและ ครอบครัวได้ตามความจำเป็น การจัดตั้งสถานแรกรับเด็กและสถานคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กให้ประกาศ ในราชกิจจานุเบกษา ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจจัดตั้งสถานรับเลี้ยงเด็กและสถาน แนะแนวปัญญาเด็กและครอบครัวได้ตามความจำเป็นภายในเขตจังหวัดของตน ให้สถานแรกรับเด็ก สถานรับเลี้ยงเด็ก สถานสงเคราะห์เด็ก หรือ สถานคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กตามวรรคหนึ่งและวรรคสาม มีผู้ปกครองสวัสดิภาพ คนหนึ่งมีอำนาจปกครองดูแลเด็กเท่าที่เกี่ยวกับความประพฤติและความเป็นอยู่ ของเด็กตลอดเวลาที่เด็กอยู่ในสถานดังกล่าว
ข้อ 3 ให้อธิบดีมีอำนาจแต่งตั้งผู้ปกครองสวัสดิภาพและพนักงาน เจ้าหน้าที่ เพื่อปฏิบัติการตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจแต่งตั้งผู้ปกครองสวัสดิภาพสำหรับ สถานรับเลี้ยงเด็ก และพนักงานเจ้าหน้าที่สำหรับสถานแนะแนวปัญหาเด็กและ ครอบครัวที่ตั้งขึ้นตามข้อ 2 วรรคสาม ให้ถือว่าผู้ปกครองสวัสดิภาพและพนักงานเจ้าหน้าที่ เป็นเจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมายอาญา
ข้อ 4 เมื่อเด็กตกอยู่ในความปกครองดูแลของผู้ปกครองสวัสดิภาพ ครบกำหนดหนึ่งปีแล้ว ถ้าบิดามารดาหรือผู้ปกครองขอรับเด็กนั้นกลับไปอุปการะ เลี้ยงดูเอง ให้อธิบดีหรือผู้ว่าราชการจังหวัด แล้วแต่กรณี วินิจฉัยสั่งการตามที่ เห็นสมควร
ข้อ 5 บิดามารดาหรือผู้ปกครองเด็กอาจโต้แย้งคำสั่งของอธิบดี หรือผู้ว่าราชการจังหวัดที่สั่งตามข้อ 4 ข้อ 10 วรรคสี่ หรือข้อ 14 วรรคสองได้ โดยยื่นคำร้องต่อศาลคดีเด็กและเยาวชนหรือศาลจังหวัดในกรณีที่ไม่มีศาลคดีเด็ก และเยาวชนในท้องที่ที่บิดามารดาหรือผู้ปกครองของเด็กนั้นมีภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่ ในเขตอำนาจ คำวินิจฉัยของศาลคดีเด็กและเยาวชนหรือศาลจังหวัดดังกล่าวให้ เป็นที่สุด
ข้อ 6 บิดามารดาหรือผู้ปกครองของเด็กซึ่งได้รับการสงเคราะห์
หรือคุ้มครองสวัสดิภาพตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้ มีหน้าที่ชำระค่าอุปการะ
เลี้ยงดูหรือค่าบริการเกี่ยวกับการที่ทางราชการให้การสงเคราะห์หรือคุ้มครอง
สวัสดิภาพเด็กตามระเบียบและในอัตราที่อธิบดีกำหนด
ในกรณีที่อธิบดีหรือผู้ว่าราชการจังหวัดเห็นว่าเด็กใดได้รับการ สงเคราะห์หรือคุ้มครองสวัสดิภาพเพียงพอแล้ว และบิดามารดาหรือผู้ปกครอง ของเด็กมีความสามารถเหมาะสมที่จะอุปการะเลี้ยงดูเด็กได้ ให้อธิบดีหรือผู้ว่า ราชการจังหวัดแล้วแต่กรณี มีอำนาจมอบตัวเด็กนั้นคืนบิดามารดาหรือผู้ปกครอง ถ้าบิดามารดาหรือผู้ปกครองไม่รับเด็กคืนภายในกำหนดสามสิบวันนับแต่วันที่ได้ รับแจ้งให้รับมอบตัวเด็กกลับไป บิดามารดาหรือผู้ปกครองต้องชำระค่าอุปการะ เลี้ยงดูหรือค่าบริการเป็นจำนวนสองเท่าของอัตราตามที่อธิบดีกำหนดตามวรรคหนึ่ง สำหรับระยะเวลานับแต่วันที่ครบกำหนดสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งดังกล่าว การชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูหรือค่าบริการตามข้อนี้ อธิบดีหรือผู้ว่า ราชการจังหวัด แล้วแต่กรณี มีอำนาจผ่อนผันหรือยกเว้นได้ตามที่เห็นสมควร
ข้อ 7 เพื่อประโยชน์ในการสงเคราะห์หรือคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก
ให้พนักงานเจ้าหน้าที่หรือข้าราชการตำรวจซึ่งมียศตั้งแต่ร้อยตำรวจตรีขึ้นไปซึ่งรับ
ราชการอยู่ในท้องที่ที่บิดามารดา ผู้ปกครองหรือเด็กมีภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่
มีอำนาจ ดังต่อไปนี้
(1) ซักถามเด็กเมื่อมีเหตุอันควรสงสัยว่าเด็กนั้นพึงได้รับการ สงเคราะห์หรือคุ้มครองสวัสดิภาพ หรือนำเด็กนั้นไปกักตัวไว้ ณ ที่ทำการเท่าเวลา ที่จะสอบถามถ้อยคำที่จำเป็นจากเด็ก บิดามารดาหรือผู้ปกครองของเด็กหรือจาก ผู้เกี่ยวข้องรู้เห็น แล้วแต่กรณี และให้กระทำโดยมิชักช้า ห้ามมิให้ใช้วิธีกักตัวเด็ก เพื่อป้องกันการหลบหนีเกินความจำเป็น
(2) เรียกบิดามารดาหรือผู้ปกครองของเด็ก หรือบุคคลอื่นที่สามารถ ให้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความเป็นอยู่หรือความประพฤติของเด็ก มาให้ถ้อยคำ
(3) สั่งให้บิดามารดาหรือผู้ปกครองของเด็ก เจ้าของ หรือ ผู้ครอบครองสถานที่ที่เด็กอาศัยอยู่หรือที่เด็กกำลังศึกษาหรือทำงาน ส่งพยาน หลักฐานเกี่ยวกับความเป็นอยู่หรือความประพฤติของเด็ก
(4) เข้าไปในสถานที่อยู่อาศัยของบิดามารดาหรือผู้ปกครองของ เด็กหรือของบุคคลที่เด็กเข้าไปเกี่ยวข้อง เพื่อสอบถามและรวบรวมพยานหลักฐาน เกี่ยวกับความเป็นอยู่หรือความประพฤติของเด็ก
(5) มอบตัวเด็กคืนบิดามารดาหรือผู้ปกครอง หรือมอบตัวเด็กคืนบิดา มารดาหรือผู้ปกครองพร้อมทั้งว่ากล่าวตักเตือนบิดามารดาหรือผู้ปกครองให้ปกครอง ดูแลและอุปการะเลี้ยงดูมิให้เด็กนั้นประพฤติตนไม่สมควรอีก หรือส่งเด็กไปสถาน แรกรับเด็ก
ข้อ 8 เมื่อได้รับตัวเด็กตามข้อ 7 (5) ข้อ 11 ข้อ 13 (1) และข้อ 15 ไว้แล้ว ให้สถานแรกรับเด็กทำการวิเคราะห์และพิจารณาวิธีการ สงเคราะห์หรือคุ้มครองสวัสดิภาพของเด็กแต่ละรายแล้วเสนอความเห็นพร้อมทั้ง ประวัติของเด็กไปยังอธิบดีหรือผู้ว่าราชการจังหวัด แล้วแต่กรณี โดยมิชักช้า
หมวด 2
การสงเคราะห์เด็ก
--------
ข้อ 9 เด็กที่พึงได้รับการสงเคราะห์ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับนี้ได้แก่เด็กซึ่ง
(1) ไม่มีบิดามารดาหรือผู้ปกครอง
(2) บิดามารดาหรือผู้ปกครองทอดทิ้งไว้ ณ ที่ใดที่หนึ่งหรือเป็นเด็ก พลัดหลง
(3) บิดามารดาหรือผู้ปกครองให้ความอุปการะเลี้ยงดูไม่เหมาะสม หรือไม่สามารถให้ความอุปการะเลี้ยงดูได้เพราะเหตุที่ถูกจำคุก กักขัง พิการ ทุพพลภาพ ป่วยทางร่างกายหรือทางจิตใจ หรือตกอยู่ในภาวะอื่นใดอันอาจเป็น เหตุให้เกิดอันตรายแก่เด็กทั้งทางร่างกาย จิตใจ หรือศีลธรรม
(4) พิการทางร่างกาย สมอง สติปัญญา หรือจิตใจ
ข้อ 10 พนักงานเจ้าหน้าที่อาจดำเนินการให้การสงเคราะห์แก่เด็ก ตามข้อ 9 และหรือครอบครัวของเด็กดังกล่าวตามความเหมาะสม ดังต่อไปนี้
(1) พิจารณาช่วยเหลือครอบครัวของเด็กนั้นเพื่อให้บิดามารดาหรือ ผู้ปกครองของเด็กสามารถอุปการะเลี้ยงดูเด็กได้ตามควรแก่อัตภาพ
(2) มอบเด็กให้อยู่ในความอุปการะของบุคคลอื่น หรือสถานรับ เลี้ยงเด็ก หรือสถานสงเคราะห์เด็กของเอกชน
(3) มอบเด็กให้เป็นบุตรบุญธรรมของบุคคลอื่นภายใต้บทบัญญัติแห่ง กฎหมายว่าด้วยการนั้น
(4) รับเด็กไว้ในสถานรับเลี้ยงเด็กหรือสถานสงเคราะห์เด็กของทาง ราชการ การดำเนินการให้การสงเคราะห์ตาม (2) หรือ (4) ต้องได้รับ อนุญาตจากอธิบดีหรือผู้ว่าราชการจังหวัดเสียก่อน และต้องได้รับความยินยอมเป็น หนังสือตามแบบพิมพ์ของทางราชการจากบิดามารดาหรือผู้ปกครองของเด็กด้วย
เมื่ออธิบดีหรือผู้ว่าราชการจังหวัดเห็นสมควรให้เด็กซึ่งรับการ สงเคราะห์ตาม (2) หรือ (4) กลับไปอยู่ในความปกครองของบิดามารดาหรือ ผู้ปกครอง ให้มีอำนาจสั่งให้เด็กนั้นพ้นจากการสงเคราะห์และมอบตัวเด็กคืนบิดา มารดาหรือผู้ปกครองได้ ถ้าอธิบดีหรือผู้ว่าราชการจังหวัดเห็นว่าเด็กคนใดซึ่งรับการสงเคราะห์ ตาม (2) หรือ (4) ประพฤติตนไม่สมควร อันพึงได้รับการคุ้มครองสวัสดิภาพ ให้มี อำนาจสั่งให้ส่งเด็กนั้นไปยังสถานคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กได้
ข้อ 11 ภายใต้บังคับข้อ 10 วรรคสอง วรรคสาม และวรรคสี่
บิดามารดาหรือผู้ปกครองอาจนำเด็กมายังที่ทำการของพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อขอ
รับการสงเคราะห์ได้ เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ได้สอบถามข้อเท็จจริงจากบิดามารดา
หรือผู้ปกครองที่นำเด็กและหรือจากเด็กนั้นเองแล้วเห็นว่าเด็กนั้นสมควรได้รับการ
สงเคราะห์ตามข้อ 10 ให้ดำเนินการให้การสงเคราะห์ได้ตามที่เห็นสมควร แต่ถ้า
พนักงานเจ้าหน้าที่เห็นสมควรทำการวิเคราะห์และพิจารณาวิธีการสงเคราะห์ที่
เหมาะสมแก่เด็กเสียก่อน จะส่งตัวเด็กนั้นไปยังสถานแรกรับเด็กก็ได้
|
หน้าถัดไป »