ศาสนา ลัทธิ ความเชื่อ นิกาย พิธีกรรม >>

พระเจ้าสิบชาติ

พระเตมีย์  ผู้ทรงบำเพ็ญเนกขัมมบารมี
พระมหาชนก ผู้ทรงบำเพ็ญวิริยบารมี
สุวรรณสาม ผู้บำเพ็ญเมตตาบารมี
พระเนมิราช ผู้ทรงบำเพ็ญอธิษฐานบารมี
มโหสถบัณฑิต ผู้ทรงบำเพ็ญปัญญาบารมี
พระภูริทัต ผู้ทรงบำเพ็ญศีลบารมี
พระจันทกุมาร ผู้ทรงบำเพ็ญขันติบารมี
พระมหานารทกัสสปะ ผู้ทรงบำเพ็ญอุเบกขาบารมี
วิธุรบัณฑิต ผู้บำเพ็ญสัจบารมี
พระเวสสันดร ผู้ทรงบำเพ็ญทานบารมี

พระเตมีย์ ผู้ทรงบำเพ็ญเนกขัมมบารมี

หน้า1   หน้า2

               พระเตมิยฤาษีทูลตอบพระราชาว่า   " การบวชเป็นเรื่องของคนหนุ่ม คนหนุ่มนั่นแหละ ควรประพฤติพรหมจรรย์ ข้อนี้บัณฑิตทั้งหลายสรรเสริญแล้ว อาตมภาพจักประพฤติพรหมจรรย์ ไม่ต้องการราชสมบัติ อาตมภาพเคยเห็นพวกเด็กเป็นอันมาก เกิดมาแล้วยังไม่แก่ก็ตาย ของที่น่ารักต้องสิ้นไปตายไป บุคคลไม่ว่าจะเป็นชายหนุ่ม หรือหญิงสาวก็ล้วนต้องตาย ใครจะประกันได้ว่า เรายังหนุ่มสาว ยังไม่ตาย อายุของคนเราเป็นของน้อย วันคืนล่วงไปๆ ก็ย่อมทำให้ อายุของเราแก่มากขึ้น ใกล้ความตายมากขึ้น เหมือนปลาในน้ำน้อย ฉะนั้น เมื่อโลกถูกครอบงำ ห้อมล้อม ด้วยสิ่งอันไม่เป็นประโยชน์ มหาบพิตรจะอภิเษกอาตมภาพในราชสมบัติทำไมกัน "  พระเตมิยฤาษี ตรัสต่อไปว่า
               " สัตว์โลกถูกความตายครอบงำไว้ ถูกความแก่ห้อมล้อมไว้ สิ่งไม่เป็นประโยชน์คือ คืนและวันอันเป็นไปอยู่ มหาบพิตร เมื่อด้ายที่เรากำลังทออยู่ ช่างถูกทอไปได้เท่าใด ส่วนที่จะต้องทอ ก็เหลือน้อยเท่านั้นฉันใด ชีวิตก็ฉันนั้นเหมือนกัน แม่น้ำไม่ไหลกลับไปสู่ที่สูงฉันใด อายุของคนเรา ก็ไม่ถอยกลับไปสู่ความเป็นเด็กอีกฉันนั้น แม่น้ำที่เต็มฝั่งย่อมพัดพา เอาต้นไม้ที่เกิดริมฝั่ง ให้หักโค่นลอยไปฉันใด ปวงชนก็ย่อมถูกชรา และมรณะพัดพาไปฉันนั้น "
               พระเจ้ากาสิกราช ทรงอ้อนวอนอีก ให้เสด็จกลับพระราชวัง แล้วพระองค์จะทรงมอบกองทัพ ทั้งมวลให้ ตลอดจนถึงราชสมบัติ รวมทั้พระสนม กำนัลผู้งามสะคราญ ล้วนแต่เป็นราชธิดา ผู้สูงศักดิ์คอยห้อมล้อม ปรนนิบัติรับใช้ พระเตมิยฤาษีจึงทูลว่า

               " มหาบพิตรจะให้อาตมภาพเสื่อม เพราะทรัพย์ทำไม บุคคลจะพึงตายเพราะภริยาทำไม ประโยชน์อะไร ด้วยความเป็นหนุ่มสาวที่ต้องแก่ ทำไมจะต้องให้ความแก่ครอบงำ จะมามัวเพลิดเพลินทำไม ในโลกอันมีความแก่ และความตายนี้ ประโยชน์อะไร ด้วยการแสวงหาทรัพย์ ด้วยบุตรภริยา อาตมภาพเป็นผู้พ้นแล้วจากเครื่องผูก จะไม่ยอมกลับ ไปหาเครื่องผูกนั้นอีก ผลไม้ที่สุกแล้วย่อมถึงภัยคือร่วงหล่น ไปฉันใด สัตว์ทั้งหลายที่เกิดแล้ว ย่อมถึงภัยคือความตายฉันนั้น ชนเป็นอันมากเห็นกันอยู่ในเวลาเช้า บางพวกพอตกเวลาเย็น ก็ไม่ได้เห็นกัน หรือเห็นกันอยู่ในเวลาเย็น พอถึงเวลาเช้าก็ไม่เห็นกัน ในสงครามคือความตายนั้น ย่อมไม่มีการรบด้วยกำลังกองทัพ ไม่อาจเอาชัยมฤตยูด้วยเวทมนตร์ หรือยุทธวิธี หรือสินทรัพย์ได้ ความตายไม่มียกเว้นให้ใคร ไม่ว่ากษัตริย์ พราหมณ์ พ่อค้า ลูกจ้าง คนจัณฑาล หรือคนขนขยะใดๆ ย่อมย่ำยีทั้งหมดทีเดียว บุคคลควรรีบทำความเพียรในวันนี้ ใครจะพึงรู้ได้ว่าความตาย อาจจะมาในวันพรุ่ง เพราะมัจจุราชจะไม่ผัดผ่อนให้ใครเลย เชิญเสด็จกลับเถิดมหาบพิตร อาตมภาพไม่ต้องการราชสมบัติ "
               พระราชากาสิกราชทรงสดับคำสอน ของพระเตมิยฤาษีแล้ว ทรงมีศรัทธาเลื่อมใส ขอผนวชในสำนักพระเตมิยฤาษีด้วย แม้พวกเสนาข้าราชบริพาร และประชาชนที่มาประชุมกัน ในที่นั้นต่างก็มีความเลื่อมใส ได้บวชตามพระราชาเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ได้มีพระราชา อีกหลายพระองค์ ทรงผนวชตามพระเตมิยฤาษี

หน้า1   หน้า2
 

แชร์ไปที่ไหนดี แชร์ให้เพื่อนสิ แชร์ให้เพื่อนได้ แชร์ให้เพื่อนเลย