ศาสนา ลัทธิ ความเชื่อ นิกาย พิธีกรรม >>

พระเจ้าสิบชาติ

พระเตมีย์  ผู้ทรงบำเพ็ญเนกขัมมบารมี
พระมหาชนก ผู้ทรงบำเพ็ญวิริยบารมี
สุวรรณสาม ผู้บำเพ็ญเมตตาบารมี
พระเนมิราช ผู้ทรงบำเพ็ญอธิษฐานบารมี
มโหสถบัณฑิต ผู้ทรงบำเพ็ญปัญญาบารมี
พระภูริทัต ผู้ทรงบำเพ็ญศีลบารมี
พระจันทกุมาร ผู้ทรงบำเพ็ญขันติบารมี
พระมหานารทกัสสปะ ผู้ทรงบำเพ็ญอุเบกขาบารมี
วิธุรบัณฑิต ผู้บำเพ็ญสัจบารมี
พระเวสสันดร ผู้ทรงบำเพ็ญทานบารมี

พระภูริทัต ผู้ทรงบำเพ็ญศีลบารมี

หน้า1    หน้า2

               ฝ่ายพราหมณ์ผู้เป็นพราน ซึ่งเป็นผู้ประพฤติเนรคุณ พาหมองูไปจับพระโพธิสัตว์นั้น ได้พบพราหมณ์อาลัมพายน์หมองู ผู้เป็นโรคเรื้อนทั้งตัวได้คิดว่า ผู้นี้เบียดเบียนนาคภูริทัต แล้วจึงเป็นอย่างนี้ จึงไปยังแม่น้ำยมุนาเพื่อลอยบาป เมื่อไปถึงท่าปยาคะ ได้ทำพิธีสารภาพบาป ต่อแม่น้ำแล้วเดินลงไปในแม่น้ำ ถูกสุโภคนาคราชผู้เป็นน้องของพระโพธิสัตว์จับตัว ทำทารุณกรรม แล้วนำไปยังนาคพิภพเพื่อพิจารณาโทษ ที่เป็นต้นเหตุให้พระโพธิสัตว์ถูกจับไป อธิฏฐนาคราชน้องคนสุดท้อง ซึ่งนั่งเฝ้าประตูห้องภูริทัตอยู่ เห็นสุโภคะทรมานพราหมณ์ จึงห้ามไว้ไม่ให้เบียดเบียนพราหมณ์ เพราะพวกพราหมณ์ชื่อว่าเป็นบุตรของพระพรหม หากพระพรหม ทรงทราบจะพิโรธ และบุคคลผู้ทำสักการะนับถือ หรือบูชาพราหมณ์ผู้ทรงพระเวท และบูชาไฟแล้ว ย่อมไปสู่เทวโลกเป็นจำนวนมาก ผู้ใดเลี้งพราหมณ์ทั้งหลายมานาน ด้วยข้าวและน้ำตามกำลัง ผู้นั้นมีจิตเลื่อมใสอนุโมทนาอยู่ เมื่อสิ้นชีพแล้วได้ไปเกิดเป็นเทพเจ้าองค์หนึ่ง
               พระเจ้าภูริทัตโพธิสัตว์ได้ทราบว่า อธิฏฐะผู้น้องมีความเห็นผิด และทำให้ผู้อื่นเชื่อตามผิดๆ เป็นมิจฉาทิฐิ คิดจะช่วยให้พ้นจากความเห็นผิด กลับเป็นสัมมาทิฐิ จึงสั่งให้พวกนาคประชุมกัน แสดงธรรมปรารภอธิฏฐะว่า
               " ดูก่อนอธิฏฐะ ความกาลีคือ ความปราชัยของนักปราชญ์ทั้งหลาย กลายเป็นความมีชัย ของคนโง่เขลาผู้ทรงพระเวท พระเวทเป็นเสมือนพยับแดด เพราะไม่เห็นเสมอไป เป็นเครื่องสำหรับ หลอกลวงคนโง่เขลาเท่านั้น หลอกผู้มีปัญญาไม่ได้ พระเวทมิได้มีไว้เพื่อป้องกันผู้ประทุษร้ายมิตร และผู้ล้างผลาญความเจริญ ถ้าคนทั้งหลายจะเอาไม้ที่มีอยู่ในโลกทั้งหมด พร้อมทั้งทรัพย์สมบัติของตน คลุกกับหญ้าให้ไฟเผา ไฟเผาสิ่งเหล่านั้นทั้งหมดแล้วไม่พอไม่อิ่ม ถ้าบุคคลได้บุญเพียงเพราะ เอาไม้และหญ้าให้ไฟกิน คนเผาถ่าน คนหุงเกลือ พ่อครัว และคนเผาศพ ก็จะพึงได้บุญมาก คนบางพวกนับถือไฟเป็นเทวดา พวกมิลักขะนับถือน้ำเป็นเทวดา คนเหล่านี้ทั้งหมดเข้าใจผิดไป ไฟและน้ำไม่ใช่เทพเจ้า บุคคลใดบำเรอไฟ ซึ่งไม่มีอินทรีย์ ไม่มีกายใจ จะรู้สึกได้เพียงส่องแสงสว่าง เพราะอาศัยเชื้อเท่านั้น เมื่อบุคคลนั้นยังทำบาปกรรมอยู่ จะพึงไปสุคติได้อย่างไร "

               พวกพราหมณ์ผู้ต้องการปัจจัย ในการเลี้ยงชีพกล่าวว่า  " พระพรหมเป็นผู้สร้างทุกสิ่ง พระพรหมบำเรอไฟ และพระพรหมมีอานุภาพกว่าทุกสิ่ง "   แต่พระพรหมกลับกราบไหว้บูชาไฟ เพราะเหตุไร คำของพวกพราหมณ์น่าหัวเราะ ไม่เป็นความจริง พวกพราหมณ์ในกาลก่อนกล่าวไว้ เพราะเหตุแห่งสักการะ เมื่อลาภสักการะเกิดขึ้น พวกพราหมณ์จึงร้อยกรองยัญพิธีว่า เป็นธรรมสงบ ระงับโดยการฆ่าสัตว์บูชายัญ พวกพราหมณ์ถือการเรียนพระเวท พวกกษัตริย์ปกครองแผ่นดิน พวกแพศย์ยึดการไถนาค้าขาย และพวกศูทรยึดการบำเรอ วรรณทั้ง 4 มีหน้าที่การงานตามที่กล่าว เพราะพระเป็นเจ้า คือพระพรหม ทรงจัดสรรกำหนดไว้(พรหมลิขิต) ถ้าคำนี้เป็นจริง คนที่ไม่ใช่กษัตริย์ก็ไม่พึงได้ราชสมบัติ ผู้ที่ไม่ใช่พราหมณ์ก็ไม่พึงศึกษามนต์ คนนอกจากแพศย์ ก็ไม่พึงทำการไถนาค้าขายเลย และพวกศูทรก็ไม่พึงพ้นจากการรับใช้ผู้อื่น
               ถ้าหากพระพรหมเป็นผู้สร้างโลก เป็นเจ้าชีวิต ไฉนจึงจัดโลกให้ยุ่งเหยิง มีความทุกข์ และอยุติธรรม ทำไมจึงไม่จัดโลกให้เรียบร้อย มีสุขและยุติธรรม เมื่อจัดโลกไม่เป็นธรรม พระพรหมนั้นจึงชื่อว่า เจ้าชีวิตอยุติธรรม คำกล่าวนี้ไม่ใช่ของพระอริยะ เป็นความเห็นผิดๆ ของพวกพราหมณ์
               ถ้าหากว่าคนที่ฆ่าผู้อื่นกลายเป็นผู้บริสุทธิ์ และผู้ถูกฆ่าเข้าถึงแดนสวรรค์แล้วไซร้ พวกพราหมณ์ก็พึงฆ่าพราหมณ์ด้วยกัน หรือฆ่าผู้หลงเชื่อถ้อยคำของพราหมณ์ พวกเนื้อปศุสัตว์ และโคตัวไหนๆ ก็ไม่เคยอ้อนวอนเพื่อให้ฆ่าตนเลย ล้วนแต่ดิ้นรนต้องการมีชีวิตอยู่ต่อไปทั้งนั้น พวกพราหมณ์ฆ่าสัตว์บูชายัญ เพื่อต้องการทรัพย์ พอหลอกลวงคนได้ทรัพย์มา ก็ประชุมกินเลี้ยงกันเป็นอันมาก เหมือนฝูงกาตอมนกเค้าฉะนั้น
               ดูก่อนอธิฏฐะ พราหมณ์เช่นนั้นเป็นเสมือนโจร ไม่ใช่สัตบุรุษ เป็นผู้ควรถูกฆ่า แต่ไม่มีใครฆ่าในโลก พวกพราหมณ์กล่าวว่า ไม้ทองหลางเป็นแขนขวา ของพระอินทร์ จึงตัดเอาไม้ทองหลางมาใช้ในยัญนี้ ถ้าคำนั้นจริงพระอินทร์ก็แขนขาด ทำไมยังเอาชนะพวกอสูรได้ คำนั้นจึงเป็นเท็จ พระอินทร์ยังมีแขนพร้อมเป็นเทพผู้ทรงฤทธิ์ ไม่มีใครฆ่าได้ กำจัดอสูรได้ มนต์ของพราหมณ์เหลวเปล่า
               พวกพราหมณ์กล่าวว่า มหาสมุทรซัดท่วมพวกพราหมณ์ ขณะกำลังตระเตรียมน้ำอยู่ที่ริมฝั่ง เพราะเหตุนั้นน้ำในมหาสมุทรจึงเค็มดื่มไม่ได้ ก็แม่น้ำเคยพัดพาเอาพราหมณ์ ผู้เรียนพระเวททรงมนต์ ไปจมน้ำตายมากกว่านั้น เหตุไรน้ำในแม่น้ำจึงมีรส ไม่เค็มไม่เสีย บ่อน้ำทั้งหลายในมนุษย์โลกที่เขาขุดไว้ กลายเป็นน้ำกร่อยเค็มไปก็มี แต่คงไม่ใช่เค็มเพราะ ท่วมพราหมณ์ตาย น้ำในบ่อเหล่านั้นก็ดื่มไม่ได้ ฯลฯ
               พระภูริทัตโพธิสัตว์ ครั้นแสดงธรรมให้พวกนาคเข้าใจ และชื่นชมยินดีแล้ว ได้สั่งให้นาคมานพ นำพราหมณ์นั้นออกไปจากนาคบุรี โทษแม้นิดหนึ่งก็มิได้กระทำต่อพราหมณ์ นั้นเลย พระโพธิสัตว์บำเพ็ญศีลบารมี บริสุทธิ์บริบรูณ์ ด้วยประการฉะนี้

หน้า1    หน้า2
 

แชร์ไปที่ไหนดี แชร์ให้เพื่อนสิ แชร์ให้เพื่อนได้ แชร์ให้เพื่อนเลย