ศาสนา ลัทธิ ความเชื่อ นิกาย พิธีกรรม >>

พระเจ้าสิบชาติ

พระเตมีย์  ผู้ทรงบำเพ็ญเนกขัมมบารมี
พระมหาชนก ผู้ทรงบำเพ็ญวิริยบารมี
สุวรรณสาม ผู้บำเพ็ญเมตตาบารมี
พระเนมิราช ผู้ทรงบำเพ็ญอธิษฐานบารมี
มโหสถบัณฑิต ผู้ทรงบำเพ็ญปัญญาบารมี
พระภูริทัต ผู้ทรงบำเพ็ญศีลบารมี
พระจันทกุมาร ผู้ทรงบำเพ็ญขันติบารมี
พระมหานารทกัสสปะ ผู้ทรงบำเพ็ญอุเบกขาบารมี
วิธุรบัณฑิต ผู้บำเพ็ญสัจบารมี
พระเวสสันดร ผู้ทรงบำเพ็ญทานบารมี

พระเนมิราช ผู้ทรงบำเพ็ญอธิษฐานบารมี

หน้า1     หน้า2 

              ขุมที่ 8   เป็นแดนล้อมแทงสัตว์นรกด้วยอาวุธ เหมือนนายพรานล้อมเนื้อไว้แทงนั่นแล สัตว์พวกนี้เมื่อเป็นมนุษย์ เป็นคนลักสิ่งของ ของคนอื่นมาเลี้ยงชีพ
               ขุมที่ 9  เป็นแดนผูกคอสัตว์นรก ด้วยเชือกเหล็กร้อน ให้นอนบนแผ่นเหล็กร้อน แล้วทุบตี แทงฟันด้วยอาวุธต่างๆ สัตว์พวกนี้เมื่อเป็นมนุษย์ เป็นผู้ชอบฆ่าสัตว์ขาย เป็นอาชีพ ฯลฯ
               ขุมที่ 10   เป็นแดนที่อยู่ของพวกมิจฉาทิฐิ ซึ่งมีรูปร่างแปลกประหลาด พิลึกพิลั่น เนื่องจากเมื่อเป็นมนุษย์นั้น เป็นผู้มีความเห็นเป็นบาป หลงทำกรรมด้วยความคุ้นเคย และชักชวนผู้อื่นในทิฐินั้น
               ต่อจากนั้นมาตลี ก็ขับรถมุ่งไปเทวโลก ผ่านวิมานแก้วมณี 5 ยอด ของเทพธิดาวรุณี ถึงวิมานทอง 7 วิมาน ของโสณทินนเทพบุตร ต่อไปถึงวิมานแก้วผลึก เป็นต้น พร้อมทั้งได้ทูลบอกถึงการกระทำ ที่ส่งผลให้มาเกิดในวิมานนั้นๆ ด้วย จนกระทั่งถึงเทพสภา ในดาวดึงส์ เทวดาทั้งหลายมีท้าวสักกเทวราช เป็นประธาน ได้พากันต้อนรับด้วยความยินดี และเชิญเสวยทิพยกามารมณ์ ในหมู่เทพเจ้าชาวดาวดึงส์ พระเนมิราชรัสห้ามว่า สิ่งที่ได้มาเพราะผู้อื่นให้ ก็เสมือนยวดยาน หรือทรัพย์ที่ยืมเขามา ข้าพระองค์จึงไม่ปรารถนา สิ่งซึ่งผู้อื่นให้ บุญที่ข้าพระองค์ทำไว้ย่อมเป็นทรัพย์ ที่ติดตามข้าพระองค์ไป ข้าพระองค์จักกลับไป สร้างกุศลในหมู่มนุษย์ ด้วยการบริจาคทาน ประพฤติสม่ำเสมอ สำรวมและฝึกอินทรีย์ อันจะเป็นทางนำไปสู่ความสุข ไม่ต้องเดือดร้อนในภายหลัง

               พระเนมิราชโพธิสัตว์ ประทับอยู่ในดาวดึงส์เทวโลกนั้น เป็นเวลา 7 วัน ยังหมู่เทพเจ้าให้ชื่นชมยินดี แล้วทูลลาท้าวสักกเทวราช เสด็จกลับเมืองมิถิลา ท้าวสักกเทวราช ทรงบัญชาให้มาตลีเทพบุตร นำเวชยันตรถไปส่งจนถึงพระราชวัง ในเมืองมิถิลา แล้วกลับไปยังพิภพดาวดึงส์ มหาชนแวดล้อมพระราชา ทูลถามเกี่ยวกับเรื่องเทวโลก พระเนมิราชทรงเล่าเรื่องเทวโลก และเรื่องท้าวสักกะ ให้มหาชนฟัง แล้วตรัสว่า แม้พวกท่านก็จงทำบุญ มีทาน เป็นต้น ก็จักไปบังเกิดในเทวโลกนั้นเหมือนกัน
               ในกาลต่อมา เมื่อนายภูษามาลากราบทูลว่า มีเส้นพระเกศาหงอกแล้ว จึงทรงให้ถอนออกมา เมื่อทอดพระเนตรเห็น พระเกศาหงอกนั้นแล้วสลดพระทัย พระราชทานบ้านส่วย แก่นายภูษามาลา และมอบราชสมบัติแด่พระราชโอรส เพื่อจะทรงผนวช ทรงได้บอกพระราชโอรสว่า
               " ผมหงอกที่งอกบนศีรษะของพ่อนั้น เกิดขึ้นแล้วก็นำความหนุ่มไปเสีย เป็นเสมือนเทวทูต มาเตือนว่าแก่แล้ว ครั้งนี้จึงเป็นคราวที่พ่อควรจะบวช "
               จากนั้นพระเนมิราชโพธิสัตว์ ก็ทรงผนวชเป็นดาบส แล้วประทับอยู่ ณ อัมพวันในราชวัง นั่นเอง ทรงเจริญพรหมวิหาร 4 มีฌานไม่เสื่อม เมื่อละโลกนี้ไปแล้ว ได้ไปสู่พรหมโลก

หน้า1     หน้า2
 

แชร์ไปที่ไหนดี แชร์ให้เพื่อนสิ แชร์ให้เพื่อนได้ แชร์ให้เพื่อนเลย