ศาสนา ลัทธิ ความเชื่อ นิกาย พิธีกรรม >>
อภินิหารครั้งสุดท้ายของหลวงพ่อเดิม
ในวันนั้นหลวงพ่อเดิมมีอาการเพียบหนัก
แต่สติของหลวงพ่อเดิมยังดีอยู่ คงหลับตานอนอยู่กับที่พร้อมกับเจริญภาวนาเป็นลำดับ
สลับกับการลืมตาถามเวลาว่าเวลาเท่าใดแล้วเป็นระยะๆ ไป
ไม่แสดงอาการกระสับกระสายให้เห็นเลย
คงมีความอดทนอย่างเยี่ยมยอดสมกับเป็นนักปฏิบัติธรรมอย่างเยี่ยม เป็นเวลาประมาณ
17.00 น. หลวงพ่อลืมตาแล้วถามเวลาเป็นครั้งสุดท้าย
คราวนี้หลวงพ่อถามว่าน้ำในสระทั้งสองลูกมีระดับเป็นอย่างไร พอกินกันไหม
เพราะหลวงพ่อไม่ได้ออกไปตรวจตรา จึงเป็นห่วง
ด้วยน้ำในสระนั้นคือเส้นโลหิตใหญ่ที่หล่อเลี้ยงชีวิตของชาวบ้านหนองโพด้วยเป็นที่ดอนกันดารน้ำ
หลวงพ่อพยายามขยายสระให้กว้างขึ้นเป็นลำดับเพื่อเก็บกักน้ำ
ผู้ดูแลท่านจึงตอบว่าแห้งขอดลงไปแล้วเพราะฝนไม่ตกมาเป็นระยะนานแล้งมาก
ถ้าฝนไม่ตกลงมาในวันสองวันนี้น่ากลัวจะอดน้ำกันแน่นอน
เมื่อหลวงพ่อได้ยินดังนั้นก็ไม่กล่าวว่าอะไร
สองมือของท่านประคองขึ้นไว้บนหน้าอกของท่าน
นัยน์ตาของท่านหลับสนิทมองเห็นทรวงอกของท่านสะท้อนขึ้นลงแผ่วๆ
ในลักษณะการเข้าสมาธิเป็นลำดับ
ทันใดนั้นเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้นเป็นที่เล่าสืบกันมาถึงทุกวันนี้
กล่าวคือฟ้าที่สว่างไม่มีเค้าแห่งเมฆฝนเลยแม้แต่น้อย
กลับมืดครึ้มลงเป็นลำดับด้วยเมฆฝนที่ตั้งเค้า พร้อมกับสายลมกระโชกแรงขึ้น
และฝนก็พร่างพรมลงจากฟากฟ้าดุจเทพมนต์ ตกหนักมากตกอย่างไม่ลืมหูลืมตา
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในระยะเวลาอันสั้นไม่มีใครคิดเหนือความคาดหมายว่าฟ้าที่สว่างๆ
ไม่มีวี่แววฝนนั้นจะมีเมฆฝนและฝนตกลงมาก่อนเลย
ฝนตกลงมาจนกระทั่งน้ำไหลลงไปในสระได้ครึ่งสระทั้งสองลูกเป็นระยะเวลาประมาณ 30 นาที
ฝนจึงเริ่มขาดเม็ดลง
พร้อมกันนั้นลมหายใจของหลวงพ่อก็ขาดหายไปพร้อมกับสายฝนเป็นอัศจรรย์
อันเป็นสิ่งที่แสดงว่าหลวงพ่อได้บันดาลให้ฝนตกลงมาเพื่อต่อชีวิตชาวหนองโพไม่ให้อดน้ำ
โดยอาศัยบารมีศีลอันบริสุทธิ์ของท่าน
และอำนาจฌานสมาบัติอันสูงส่งของหลวงพ่อเป็นอภินิหารครั้งสุดท้าย
ที่หลวงพ่อแสดงให้เห็นประจักษ์ชัดถึงบารมีของท่าน
ด้วยเมตตาบารมีที่ท่านมีต่อสัตว์ผู้ยากคือชาวหนองโพที่จะอดน้ำกันเดือดร้อน
นี่แหละเมตตาธรรมของท่านแม้ชีวิตท่านจวนจะดับสูญแล้วยังอุตส่าห์เป็นห่วงเป็นใยในผู้ที่อาศัยบารมีท่าน
ร่มโพธิ์ใหญ่ในวัดหนองโพล้มลงแล้ว
ร่มโพธิ์ที่เคยให้ร่มเงากับสานุศิษย์ได้ถูกพายุแห่งการเวลาพัดกระโชกจนถึงการล่มสลาย
เป็นที่น่าเสียดาย
เมื่อผู้ใกล้ชิดจับชีพจรดูจนแน่ใจว่าหลวงพ่อมรณภาพจึงแจ้งข่าว
กับผู้อยู่ข้างนอกและต่อกันออกไปจนถึงในหมู่บ้าน
วงปี่พาทย์ประจำวัดประโคมขึ้นพร้อมกัน กลองเภรีประจำวัดลั่นตูมขึ้นรัวกระหน่ำ
ช้างของหลวงพ่อส่งเสียงร้องกันลั่น ราวแผ่นดินจะถล่มทะลาย น้ำตาไหลพรากทุกตัว
ต่างเดินมาเอางวงจับหน้ากุฏิของหลวงพ่อเหนี่ยวไว้ร้องระรัวอาลัย
ในมรณกรรมของหลวงพ่อที่เคยดูแลมันมาแต่น้อยคุ้มใหญ่
ขณะนั้นชาวบ้านกำลังง่วงอยู่กับงานในหมู่บ้าน และละแวกใกล้เคียง จู่ๆ
ก็ได้ยินเสียงกลองเภรีดังรัวขึ้น และมีเสียงบอกกันต่อๆไปว่า หลวงพ่อมรณภาพไปแล้ว
เท่านั้นเองทุกคนทิ้งงานทุกอย่าง เหมือนนัดกันไว้พากันรีบมาที่วัดหนองโพ
เพื่อแสดงความไว้อาลัยในการมรณภาพของหลวงพ่อ ที่เป็นหญิงก็ร้องไห้โฮอย่างไม่อายใคร
ที่เป็นชายใจแข็งก็ได้แต่ตาแดงๆ แต่ในส่วนลึกของหัวใจอาลัยหลวงพ่อยิ่งนัก
ทางคณะกรรมการได้จัดศพหลวงพ่อไว้ในกุฏิเพื่อจะจัดพิธีอาบน้ำศพขึ้นในวันรุ่นขึ้น
ชาวบ้านก็ได้แต่เข้าไปกราบศพของหลวงพ่อ
คณะกรรมการได้จัดกุฏิของหลวงพ่อได้จัดกุฏิของหลวงพ่อให้เข้ารูป
พร้อมทั้งค้นดูของหลวงพ่อมีอะไรเป็นของมีค่า
ที่จะเก็บรักษาไว้เป็นสมบัติของวัดต่อไป จากการค้นตรวจสอบทั่วทุกตารางนิ้ว
ไม่ปรากฏว่ามีของมีค่าหรือเงินทองอยู่แม้แต่สลึก ในย่ามของหลวงพ่อก็ไม่มี
มีอยู่สิ่งเดียวที่นายธนิต อยู่โพธิ์
กล่าวว่ามีค่าที่สุดของหลวงพ่อก็คือคัมภีร์ใบลานเก่าๆ เล่มเล็กๆ
ที่หลวงพ่อใช้อ่านสอนตัวเองอยู่จนตลอดชีวิต
จากการนี้เองทำให้ทุกคนประจักษ์ความจริงว่า หลวงพ่อเป็นพระแท้
เป็นพระที่เป็นผู้ให้ไม่สะสม ไม่ติดในลาภสักการะและโลกธรรมแปด
เป็นพระพุทธบุตรที่ซื่อตรงต่อคำสั่งสอนแห่งองค์สมเด็จพระบรมศาสดา
และดำเนินตามทางมรรคผลนิพพาน ที่องค์พระบรมครูวางไว้ทุกประการ
ชีวิตเมื่อเยาว์วัยของหลวงพ่อเดิม
ชีวิตในวัยรุ่นของหลวงพ่อเดิม
สู่ความเป็นพระพุทธบุตร
การศึกษาหาความรู้ของหลวงพ่อเดิม
ปฏิปทา วัตรปฏิบัติของหลวงพ่อเดิม
ล่วงรู้วาระสุดท้าย
มรณะสัญญาณมาถึงหลวงพ่อเดิม
หลวงพ่อเดิมมรณภาพ
อภินิหารครั้งสุดท้ายของหลวงพ่อเดิม
จีวรไม่พอครองศพหลวงพ่อเดิม
น้ำอาบศพเป็นน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์
อัฐิเถ้าอังคารคนแย่งกันทั้งยังร้อนระอุ