ความรู้ทั่วไป สารนิเทศ การศึกษา คอมพิวเตอร์ >>

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับการว่ายน้ำ

ประวัติว่ายน้ำในต่างประเทศ

การว่ายน้ำในสมัยก่อนจึงไม่มีรูปแบบที่แน่นอนตายตัว เป็นการว่ายน้ำแบบอิสระ (Free Style) โดยเฉพาะการว่ายน้ำเพื่อให้สามารถพยุงตนเองได้ โดยการถีบเท้าขึ้น-ลงใต้น้ำ พร้อมกับการใช้มือสองข้างพุ้ยน้ำขึ้นลงสลับกัน ซึ่งต่อมามีชื่อเรียกว่า “ท่าลูกหมาตกน้ำ” (Dog Paddle) จากนั้นก็เริ่มมีการพัฒนากีฬาว่ายน้ำให้มีรูปแบบและลักษณะท่าทางการว่ายให้สะดวกและรวดเร็วขึ้น จนได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง โดยมีลำดับการพัฒนาและความเปลี่ยนแปลงต่างๆ พอสรุปได้ ดังนี้

ปี ค.ศ. 1837 (พ.ศ. 2380) ได้มีการก่อตั้งสโมสรว่ายน้ำขึ้นในประเทศอังกฤษ และลักษณะท่าทางของการว่ายน้ำที่นิยมทั่วไปในขณะนั้น นิยมว่ายกันแบบกบ ซึ่งเป็นการเลียนแบบมาจากการว่ายน้ำของกบ

ปี ค.ศ. 1844 (พ.ศ. 2387) มีนักว่ายน้ำอเมริกัน 2 คน ชื่อฟลายอิ้ง กัล (Flying Cul) และโทแบคโค (Tobacco) ได้รับเชิญไปที่กรุงลอนดอนโดยสมาคมกีฬาอังกฤษในฐานะนักว่ายน้ำโดยการพลิกหน้าหายใจเพียงด้านเดียว ซึ่งก็คือ การว่ายน้ำในท่าวัดวา หรือที่รู้จักในชื่อท่าว่ายน้ำแบบครอว์ล (Crawl Stroke) ที่ได้รับความนิยมมากจนปัจจุบัน

ปี ค.ศ. 1875 (พ.ศ. 2418) นาวาเอกแมทธิว เวบบ์ (Matthew Webb) ใช้ท่าการว่ายน้ำแบบกบ ว่ายข้ามช่องแคบอังกฤษ โดยใช้เวลาว่ายทั้งหมด 21 ชั่วโมง 45 นาที ซึ่งผลแห่งความพยายามและความสำเร็จครั้งนั้น ทำให้กีฬาว่ายน้ำได้รับความสนใจมากขึ้น



ปี ค.ศ. 1896 (พ.ศ. 2439) ในการแข่งขันว่ายน้ำในกีฬาโอลิมปิก มีการแข่งขันเฉพาะท่าฟรีสไตล์เท่านั้น จนกระทั่งถึงปี ปี ค.ศ. 1900 (พ.ศ. 2443) จึงมีการบรรจุท่าว่ายน้ำแบบกรรเชียง (Back Stroke)

ปี ค.ศ. 1902 (พ.ศ. 2445) ผู้คนส่วนใหญ่หันมาให้ความสนใจและนิยมการว่ายน้ำแบบยกแขนสลับกันประกอบกับการเตะเท้าเพิ่มมากขึ้น สมัยนั้นเรียกการว่ายน้ำดังกล่าวว่า ครอว์ล (Crawl) หรือท่าฟรีสไตล์(Free Style) ในปัจจุบัน

ปี ค.ศ. 1908 (พ.ศ. 2451) สหพันธ์กีฬาว่ายน้ำระหว่างประเทศ หรือสหพันธ์ว่ายน้ำโลก มีชื่อเรียกย่อๆว่า FINA (Federation International De Nation A Meteur) ได้ถูกริเริ่มก่อตั้งขึ้นโดยประเทศอังกฤษ

ปี ค.ศ. 1935 (พ.ศ. 2478) การว่ายน้ำแบบกบได้ถูกบรรจุอยู่ในการแข่งขันสากลซึ่งเป็นการทดลองแข่งขัน ก่อนมีการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก จากการทดลองในครั้งนั้นปรากฏว่าการว่ายน้ำของชาวยุโรปสู้การว่ายน้ำของชาวเอเชีย (ชาวญี่ปุ่น) ไม่ได้ เนื่องจากชาวญี่ปุ่นสามารถดำน้ำได้นานกว่าประกอบกับว่ายน้ำด้วยความรวดเร็ว ดังนั้นชาวยุโรปจึงคิดหาหนทางป้องกันการว่ายน้ำของชาวญี่ปุ่น โดยตั้งกติกาห้ามดำน้ำแต่ผู้ฝึกสอนชาวญี่ปุ่นก็ไม่ละความพยายาม จึงได้คิดค้นท่าผีเสื้อขึ้น โดยการใช้เท้าถีบน้ำแบบกบแต่ยกแขนขึ้นแบบผีเสื้อ แทนการว่ายใต้น้ำและสามารถทำลายสถิติโลกลงได้อย่างงดงาม แต่นักว่ายน้ำชาวอเมริกันก็มิได้นิ่งนอนใจในการทำลายสถิติ จึงคิดค้นท่าว่ายน้ำที่เลียนแบบผีเสื้อขากบของชาวญี่ปุ่นด้วยการเตะเท้าคู่ คล้ายการสะบัดหางของปลาโลมา (Dolphin Kick) และความสำเร็จก็เป็นของชาวอเมริกันด้วยการลบสถิติของการว่ายน้ำแบบผีเสื้อขากบลงได้ในที่สุด

ปี ค.ศ. 1953 (พ.ศ. 2496) ได้มีการประชุมของสหพันธ์ว่ายน้ำโลกขึ้น มีการกำหนดเป็นมาตรฐานมาจนปัจจุบัน ซึ่งมีด้วยกัน 4 แบบ คือ

  1. การว่ายน้ำแบบครอว์ล (Crawl Stroke) หรือท่าฟรีสไตล์ (Free Style)
  2. การว่ายน้ำแบบกรรเชียง (Back Stroke)
  3. การว่ายน้ำแบบกบ (Breast Stroke)
  4. การว่ายน้ำแบบผีเสื้อ (Butterfly Stroke)

ชนิดของการแข่งขัน (จะมีการบันทึกเป็นสถิติโลก) ได้แก่

  1. ฟรีสไตล์ 50, 100, 200, 400, 800 และ 1,500 เมตร
  2. กรรเชียง 100 และ 200 เมตร
  3. กบ 100 และ 200 เมตร
  4. ผีเสื้อ 100 และ 200 เมตร
  5. เดี่ยวผสม 200 และ 400 เมตร
  6. ผลัดฟรีสไตล์ 4 x 100 และ 4 x 200 เมตร
  7. ผลัดผสม 4 x 100 เมตร

ประวัติว่ายน้ำในต่างประเทศ
ประวัติว่ายน้ำในประเทศไทย
สระว่ายน้ำและอุปกรณ์ว่ายน้ำ
หลักความปลอดภัยในการว่ายน้ำ
ประโยชน์ของการว่ายน้ำ
การอบอุ่นร่างกาย (Warm Up)
การลดสภาวะร่างกาย (Cool Down)
ทักษะพื้นฐานการว่ายน้ำ

แชร์ไปที่ไหนดี แชร์ให้เพื่อนสิ แชร์ให้เพื่อนได้ แชร์ให้เพื่อนเลย