สังคมศาสตร์ รัฐศาสตร์ การเมือง เศรษฐศาสตร์ >>

สถานภาพและบทบาทของสตรีอินเดียในสมัยก่อนพุทธกาล

สิทธิ หน้าที่ของสตรีอินเดีย

เรื่องสิทธิเป็นอีกเรื่องหนึ่งซึ่งเกาฏิลียะได้แสดงความใจกว้างต่อผู้หญิงโดยได้กำหนดสิทธิในด้านต่างๆที่ผู้หญิงพึงได้รับแต่ก็มิใช่ว่าผู้หญิงจะมีอิสระเต็มที่ โดยเฉพาะในเรื่องเสรีภาพทางเพศที่ผู้หญิงบางคนบางพวกในปัจจุบันเรียกร้อง เพราะเกาฏิลียะไม่ได้ให้ความสำคัญแก่เรื่องเพศในแง่ที่เป็นความสนุกสนานทางกาย แต่สำคัญในแง่ที่เกี่ยวข้องกับสถาบันครอบครัว ซึ่งเมื่อพิจารณาจากกฎต่าง ๆ ที่เกาฏิลียะกำหนดแล้ว จะเห็นการส่งเสริมครอบครัวแบบผัวเดียวเมียเดียวอย่างชัดเจน สิทธิในพรหมจรรย์เป็นสิทธิพื้นฐานของเรื่องนี้

สิทธิในพรหมจรรย์ ถ้าผู้หญิงไม่ให้ความสำคัญแก่พรหมจรรย์เพศก็ไม่ใช่เรื่องพิเศษที่กฎหมายจะต้องถือปฏิบัติให้แตกต่างไปจากอวัยวะอื่น กฎหมายเกี่ยวกับการละเมิดทางเพศก็ไม่มีเหตุผลจะต้องกำหนดเป็นพิเศษกว่าการทำร้ายร่างกายอย่างอื่นการที่ผู้หญิงซึ่งต้องการให้สังคมยอมรับการมีเพศสัมพันธ์แบบเสรีแต่ต้องการให้ลงโทษผู้ข่มขืนกระทำชำเราด้วยอัตราโทษสูงจึงเป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผล

เกาฏิลียะให้ความสำคัญแก่พรหมจรรย์ของผู้หญิง ดังนั้นจึงมีข้อจำกัดเสรีภาพทางเพศสัมพันธ์ของผู้หญิงไว้ด้วย เกาฏิลียะกำหนดว่า

“ผู้ใดทำลายพรหมจรรย์ของหญิงวรรณะเดียวกัน หญิงนั้นยังไม่โตเป็นผู้ใหญ่ โทษตัดมือหรือปรับ 400 ปณะ หากหญิงนั้นถึงตายผู้กระทำผิดต้องโทษประหาร ผู้ใดทำลายพรหมจรรย์หญิงที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว โทษตัดนิ้วกลาง หรือปรับ 200 ปณะ และยังต้องจ่ายค่าเสียหายแก่บิดาหญิงนั้นด้วย ชายจักยุ่งเกี่ยวทางเพศกับหญิงโดยเธอไม่เต็มใจมิได้ ชายผู้ใดทำลายพรหมจรรย์หญิงโดยหญิงนั้นเต็มใจ ชายเสียค่าปรับ 54 ปณะ หญิงเสียค่าปรับกึ่งหนึ่ง ชายใดสวมรอยชายอื่นผู้จ่ายค่าสินสอดทองหมั้นแก่หญิงแล้ว โทษตัดมือหรือปรับ 400 ปณะ พร้อมทั้งชดใช้ค่าสินสอดทองหมั้นนั้น ด้วย”

เราจะเห็นได้ว่าการทำลายพรหมจรรย์หญิงไม่ว่าหญิงนั้นจะเต็มใจหรือไม่ก็ตามถือเป็นความผิด หากไม่เต็มใจโทษรุนแรงถึงขั้นที่ชายจะต้องกลายเป็นคนพิการ และถูกประจานไปตลอดชีวิต หรือหากหญิงถึงแก่ชีวิต โทษก็หนักถึงขั้นประหารชีวิต กล่าวคือ “โทษฆ่าผู้หญิงเท่ากับโทษฆ่าพราหมณ์”

การลงโทษในเรื่องนี้มิได้ลงโทษแก่ชายเท่านั้นหากยังลงโทษแก่หญิงด้วยเพื่อให้หญิงรักษาพรหมจรรย์ของตนการลงโทษนี้รวมไปถึงผู้จัดการให้หญิงเสียพรหมจรรย์ และผู้กล่าว หาเท็จในเรื่องดังกล่าวด้วย ยิ่งถ้าเป็นการกระทำที่เกิดขึ้นนอกหมู่บ้านซึ่งแสดงให้เห็นเจตนาชัดเจนที่จะทำเรื่องดังกล่าวให้สำเร็จโดยไม่มีผู้รู้เห็น หรือโดยการฉุดคร่าซึ่งเป็นการบังคับด้วยกำลัง และเป็นการกระทำที่อุกอาจด้วยแล้วโทษจะเพิ่มขึ้นดังนี้

เมื่อหญิงใดโดยการจัดการของหญิงอื่นยินยอมมอบกายแก่ชายวรรณะ และชั้นเดียวกัน จะถูกปรับ 12 ปณะ ส่วนหญิงที่เป็นผู้ช่วยจัดการถูกปรับเป็นสองเท่า

“หญิงใดช่วยให้ชายมีเพศสัมพันธ์กับหญิง โดยเธอไม่เต็มใจจะต้องเสียค่าปรับ 100 ปณะ พร้อมทั้งให้ค่าเสียหายแก่เธอจนพอใจ หญิงใดโดยความยินยอมของตนเองมอบกายให้แก่ชาย จักต้องไปเป็นทาสของพระราชา การร่วมประเวณีกับหญิงนั้นนอกหมู่บ้าน หรือการกล่าวหาเท็จในเรื่องดังกล่าว มีโทษปรับเพิ่มเป็นสองเท่าของโทษปกติ ผู้ใดฉุดคร่าเอาหญิงไปด้วยกำลังมีโทษปรับ 200 ปณะ หากหญิงนั้นมีเครื่องทองประดับตัวไปด้วยปรับโทษสูงสุด หากกลุ่มคนลักพาหญิงไปแต่ละคนรับโทษตามกล่าวข้างต้น”

การที่เราจะเข้าใจสถานภาพของสตรี ในทัศนะของพระพุทธศาสนาได้กระจ่างนั้น ก็ต้องกลับไปดูสภาพสังคมอินเดียสมัยก่อนและหลังพุทธกาล คือสถานภาพของสตรีในสังคมพราหมณ์และฮินดูกันสักเล็กน้อย

ยุคพระเวท เราไม่ทราบอะไรมากนัก เพราะคัมภีร์พระเวทว่าด้วยการประกอบพิธีกรรมทั้งหมด ผู้ประกอบพิธีกรรมก็คือพราหมณ์ผู้เชื่อว่าสตรีอินเดียยุคพระเวท ก็คงถูกกีดกันเรื่องการศึกษาและการประกอบพิธีกรรมเช่นในปัจจุบัน นอกจากนี้ศาสนาพราหมณ์ช่วงนี้ไม่มีแนวความคิดเรื่องการออกบวชบำเพ็ญเนกขัมมบารมีเลย สตรีก็คงไม่มีโอกาสได้บวชด้วย

ยุคอุปนิษัท ยุคนี้ศาสนาพราหมณ์เริ่มเรียนอะไร ๆ จากพระพุทธศาสนามากแม้กระทั่งเรื่องการออกบวชก็เริ่มปรากฏตัวละครในคัมภีร์อุปนิษัทบางเรื่อง พฤหทารัณยกอุปนิษัท เล่าเรื่องการโต้วาที เรื่องพรหมัน หน้าพระที่นั่งของกษัตริย์ชนกระหว่างท่านยัชญวัลยกะและนักบวชหญิงชื่อคารคี เป็นต้น

จากจุดนี้ เราก็ควรทราบต่อไปว่า อายุของอุปนิษัทนั้น มิได้เก่าแก่เกินสมัยพุทธกาล อย่างที่นักปรัชญาฮินดูเข้าใจกัน อุปนิษัทนี้จัดเป็นวรรณกรรมทางปรัชญา คงได้รับอิทธิพลนี้จากคำสอนของพระพุทธศาสนาหรือแนวคิดเรื่องการออกบวชไปจากพุทธและเชนแน่นอน มิเช่นนั้นฐานะของสตรีคงไม่สูงส่งขนาดนี้

ยุคคัมภีร์ธรรมศาสตร์ ตามที่ทราบมาวรรณกรรมชุดนี้มีหลายฉบับเรียกรวมๆกันว่า “ธรรมศาสตร์” ในจำนวนนี้ คัมภีร์มนูธรรมศาสตร์หรือมนูสังหิตาซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังและยอมรับว่าได้บรรจุคำสอนพื้นฐานของศาสนาฮินดูไว้ค่อนข้างสมบูรณ์อายุของมนูธรรมศาสตร์ คงหลังพุทธกาลอย่างน้อย ๆ ก็สองร้อยถึงสี่ร้อยปี

ในคัมภีร์นี้เองได้มีการกล่าวถึงสตรีในลักษณะไม่เท่าเทียมกันกับเพศชายไว้มากมายเหลือเกิน เช่น

  1. สตรีไม่มีสิทธิในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา
    “สตรีไม่ควรประกอบพิธีกรรมประจำวันตามที่พระเวทระบุไว้ ถ้าหล่อนประกอบ หล่อนจะต้องตกนรก”
  2. ธรรมชาติของผู้หญิงไม่น่าไว้ใจล่อลวงชายทุกประเภท
    “มันเป็นธรรมชาติของผู้หญิง ที่ล่อลวงชายในโลกนี้ เพราะเหตุนั้นแม้บัณฑิตก็ไม่ปลอดภัย เมื่อคบกับผู้หญิง”
  3. สตรีไม่อาจดูแลตัวเองได้ ต้องมีเพศชายคุ้มครองตลอดเวลา
    “บิดาคุ้มครองหล่อนเมื่อเยาว์วัย สามีปกครองหล่อน (เมื่อเวลาแต่งงาน) ยังสาวอยู่ เมื่อสามีตาย ลูกชายจะดูแลแทนตอนหล่อนแก่เฒ่า สตรีไม่อาจอยู่ตามลำพังได้”

    ด้วยอิทธิพลของคำสอนนี้ จึงเกิดมีประเพณีสตรีขึ้นในอินเดีย และหญิงม่ายแม้ยังสาวบางเผ่ายังคงปฏิบัติอยู่ กล่าวคือ เมื่อสามีตายก็จะถูกเกลี้ยกล่อมให้โดดเข้ากองไฟตายตามสามีไป โดยเชื่อว่าจะได้บุญกุศลมากคือได้ไปเกิดในสวรรค์
  4. ผู้หญิงไม่มีสิทธิในมรดกหรือมีสมบัติเป็นของตนเอง
    “ภรรยา ลูกชาย และทาส ทั้งสามประเภทนี้ ไม่มีสมบัติเป็นของตนเอง ทรัพย์สมบัติที่พวกเขาหามาได้ ย่อมตกเป็นของผู้ชายที่เขาอาศัยอยู่”
  5. ผู้ชายมีสิทธิจะเฆี่ยนตีผู้หญิงหรือแม้แต่สังหารเสีย ก็มีความผิดเพียงเล็กน้อย
    “การดื่มเหล้า, การสังหารสตรี ศูทร แพทย์ กษัตริย์ และคนนอกศาสนาเป็นบาปเพียงเล็กน้อย”

เหล่านี้คือประกาศิตของท่านมนูปรากฏอยู่ในคัมภีร์มนูธรรมศาสตร์ที่กำหนดสถานภาพของสตรีไว้ต่ำที่สุดเพราะเหตุนี้สตรีชาวอินเดียจึงทุกข์ยากมาก นอกจากประเพณีสตรีดังกล่าวแล้ว พวกหล่อนยังต้องเป็นฝ่ายไปขอผู้ชายแต่งงานด้วยการจ่ายค่าสินสอดแพงมาก บางรายผู้ชายเรียกสินสอดเป็นรถเก๋ง มอเตอร์ไซด์ เป็นต้นสะใภ้บางรายทำสัญญาขอผ่อนส่งสินสอด เมื่อมีเหตุจำเป็นจ่ายไม่ทันกำหนด ต้องถูกแม่ผัวและญาติพี่น้องผัวทุบตีทรมานอย่างแสนสาหัสในปีหนึ่ง ๆ นับเป็นพัน เป็นหมื่นราย บางรายถึงกับเอาน้ำมันก๊าดราดส่าหรี แล้วเผาตายทั้งเป็นก็มาก แม้จะถูกทรมานอย่างนี้ หล่อนก็จำยอม เพราะมนูบอกว่าสตรีแต่งงานแล้วขอหย่าไม่ได้เลย

“ไม่ว่าจะด้วยการขายหรือการบอกศาลาเลิกกัน ภรรยาก็ไม่อาจหย่าขาดจากสามีได้”

สถานภาพและบทบาทของสตรีอินเดีย
สิทธิ หน้าที่ของสตรีอินเดีย
กฎเกณฑ์ทางสังคมที่มีผลกระทบต่อสตรีอินเดีย
การยอมรับศักยภาพของสตรีอินเดีย
เสรีภาพและความเสมอภาคของสตรีในสังคมอินเดีย
การคุ้มครองสตรีในสังคมอินเดีย

แชร์ไปที่ไหนดี แชร์ให้เพื่อนสิ แชร์ให้เพื่อนได้ แชร์ให้เพื่อนเลย