ศาสนา ลัทธิ ความเชื่อ นิกาย พิธีกรรม >>

ประวัติและความสำคัญของพระพุทธศาสนา

พระรัตนตรัย

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราชมีพระราชดำรัส เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม พุทธศักราช 2499 ก่อนทรงผนวชในวันที่ 22 ตุลาคม พุทธศักราช 2499 ตอนหนึ่งความว่า “อันพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นศาสนาประจำชาติของเรานี้ ตามการอบรมที่ได้รับมาก็ดี ตามความศรัทธาเชื่อถือส่วนตัวข้าพเจ้าก็ดี เห็นเป็นศาสนาที่ดีศาสนาหนึ่ง มีคำสั่งสอนให้คนประพฤติตนเป็นคนดี ทั้งเพียบพร้อมด้วยบรรดาสัจธรรมอันชอบด้วยเหตุผล น่าเลื่อมใสยิ่งนัก” จากพระราชดำรัส ย่อมเป็นสิ่งยืนยันถึงความสำคัญ และคุณค่าของพระพุทธศาสนาที่มีต่อคนไทยทั้งประเทศพระพุทธศาสนา กอปรด้วยแก้ว 3 ประการ ได้แก่ พระพุทธรัตนะ พระธรรมรัตนะ และพระสังฆรัตนะ รวมเรียกว่า พระรัตนตรัย

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก (2541:42-49) ได้พระนิพนธ์อธิบายความหมายแห่งพระรัตนตรัยว่า รัตนะดวงที่หนึ่ง คือ พระพุทธเจ้าเมื่อครั้งเป็นพระโพธิสัตว์ ผู้รักความรู้ใฝ่หาความรู้ทรงบริบูรณ์ด้วยรัตนะของฆราวาส ทรงมีพระปัญญาเห็นว่ายังมีรัตนะที่ดีวิเศษกว่า คือ พระธรรม ซึ่งเป็นเครื่องช่วยปลดเปลื้องทุกข์ของพระองค์เอง และของโลกให้ประสบสุขอย่างยิ่ง จึงทรงสละรัตนะอื่น ๆ ทั้งหมด ตลอดถึงจักรพรรดิรัตนะที่จะทรงได้รับ ทรงแสวงหาพระธรรมรัตนะ จนทรงได้พบด้วยพระปัญญา แล้วทรงจำแนกธรรมรัตนะแก่โลกด้วยมีพระกรุณาเพื่อให้โลกได้พลอยหลุดพ้นจากทุกข์ประสบสุขอย่างยิ่ง ฉะนั้นพระพุทธเจ้าจึงทรงเป็นรัตนะดวงที่หนึ่ง ของโลก รัตนะดวงที่สอง คือ พระธรรม เพราะพระธรรมที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้เป็นกฎธรรมดาที่คงตัวอยู่เสมอ ใครจะค้นพบหรือไม่ ธรรมก็คงมีเป็นธรรม ถือเป็นกฎธรรมดาอยู่นั่นเอง พระพุทธเจ้าทรงค้นพบพระธรรมก่อนใคร ๆ ทรงนำพระธรรมออกแสดงเปิดเผยแก่ชาวโลก

จึงนับว่าพระธรรมเป็นรัตนะดวงที่สองของโลก พระธรรมเป็นรัตนะ เพราะมีสาระแก่นสารล้วน ๆ พระพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรมในรูปศาสนา คือคำสั่งสอนเป็นสูตรปฏิบัติอย่างมีระเบียบเป็นประมวลระบบของชีวิตทั้งหมด เป็นประทีปส่องให้เห็นความจริงทุกแง่ทุกมุมของชีวิตของตนเองอย่างครบถ้วน ถูกต้อง และทุก ๆ บทของตัวพระธรรมเปี่ยมไปด้วยพระกรุณาของพระพุทธเจ้า พระธรรมเกี่ยวข้องกับตัวเราเองโดยตรง ทรงยกขึ้นแสดงเป็นพระธรรมสั่งสอนกลับไปให้แก่ตัวเราทุก คนเหมือนอย่างประทานกระจกเงาให้ส่องดูตัว เพื่อจะได้เห็นภาพตัว แล้วแก้ไขตกแต่งตัว หรือเหมือนอย่างประทานประทีปโคมไฟส่องให้มองเห็นทาง พระองค์ทรงมีพระเนตรมองเห็นตลอดหมด ใครจะทำ พูด คิดอย่างไร ทรงเห็นตลอด และทรงสั่งสอนว่า อย่างนี้ไม่ดีอย่าทำ อย่างนี้ดีให้ทำเถิด ใครประพฤติตามพระธรรมจึงไม่มีที่จะเสียไม่มีจะตกต่ำ มีแต่จะดีขึ้น เจริญขึ้นโดยส่วนเดียวอย่างบริสุทธิ์ บริบูรณ์ทุก ๆ ด้าน รัตนะดวงที่สาม คือ พระสงฆ์ พระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้าเป็นหมู่ของคนที่เบิกบานแล้วเพราะได้รับแสงพระธรรมของพระพุทธเจ้า เหมือนอย่างดอกบัวที่บานแล้ว เพราะต้องแสงอาทิตย์ เป็นหมู่ของผู้บริบูรณ์ด้วยคุณสมบัติอันดีงาม มีศีล คือประพฤติดี มีทิฐิ คือความเห็นดีเห็นชอบถูกต้องตามพระธรรม ยังแสดงออกซึ่งความประพฤติ และเห็นดีตามพระธรรม เพื่อเป็นประโยชน์สุขแก่โลก เป็นผู้ปฏิบัติดีแล้ว พระสงฆ์จึงเป็นธรรมเขต(นาธรรม) เพราะเป็นผู้สืบรักษาพระธรรมของพระพุทธเจ้า เป็น บุญเขต(นาบุญ) เพราะเป็นที่เพาะปลูกบุญ คือ ความดีต่าง ๆ ของโลก คนที่ไม่ต้องการพระธรรม ไม่ต้องการบุญ จึงไม่เข้าหาพระสงฆ์ แต่เข้าไปหาตามที่ต้องการ การเข้าหาสงฆ์แล้วขอศีลก็ได้ศีล ขอฟังธรรมก็ได้พระธรรม ได้ปฏิสันถารต้อนรับด้วยศีลธรรม ได้ความนิยมในคุณงามความดี พระสงฆ์จึงเป็นเครื่องทำให้ยินดีปลาบปลื้มใจ เป็นพระสังฆรัตนะ ของโลกดวงที่ครบสาม ประกอบด้วย พระพุทธรัตนะ พระธรรมรัตนะ พระสังฆรัตนะ เป็นที่นิยมนับถือบูชาเป็นอุดมรัตนะในโลก จึงหารัตนะอื่นที่พึงนับถือเสมอเหมือนมิได้



พระธรรมปิฎก ( 2538 : 911 ) ได้กล่าวถึง พระรัตนตรัยไว้ดังนี้

  • พระพุทธเจ้า เป็นที่ระลึกให้มั่นใจว่า มนุษย์ คือเราทุกคนมีสติปัญญาความสามารถ ที่อาจฝึกปรือหรือพัฒนาให้บริสุทธิ์ได้ สามารถหยั่งรู้สัจธรรม บรรลุความหลุดพ้นเป็นอิสระไร้ทุกข์ ลอยเหนือโลกธรรม มีความดีสูงเลิศที่แม้แต่เทพเจ้าและพรหมก็เคารพบูชา ดังมีพระธรรมศาสดา เป็นองค์นำมนุษย์ทั้งหลายที่หวังพึ่งเทพเจ้า และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ถ้ารู้จักฝึกฝนตนให้ดีแล้ว ก็ไม่มีสิ่งใดที่จะทำลายและสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นจะทำให้ได้เหมือนดังที่กรรมดี และจิตปัญญาของมนุษย์เองจะสามารถทำ
  • พระธรรม เป็นที่ระลึกให้มั่นใจว่า ความจริงหรือสัจธรรมเป็นภาวะที่ดำรงอยู่โดย ธรรมดา สิ่งทั้งปวงเป็นไปตามเหตุปัจจัย ถ้ารู้จักมองดูรู้เข้าใจ สิ่งทั้งหลายตามสภาวะที่มันเป็นจริงมาใช้ประโยชน์ปฏิบัติต่อสิ่งทั้งหลายด้วยความรู้เท่าทันสภาวะ และการกระทำที่ตัวเหตุปัจจัยก็จะแก้ไข ปัญหาได้ดีที่สุด เข้าถึงธรรมและมีชีวิตที่ดีที่สุด
  • พระสงฆ์ เป็นที่ระลึกให้มั่นใจว่า สังคมดีงามมีธรรมเป็นรากฐาน ประกอบด้วย สมาชิกผู้มีจิตใจไร้หรือห่างทุกข์เป็นอิสระเสรี แม้จะมีพัฒนาการแห่งจิตปัญญาในระดับแตกต่างกัน แต่ก็อยู่ร่วมกันด้วยดี มีความสุขเสมอกันโดยธรรม มนุษย์ทุกคนมีส่วนร่วมอยู่ร่วมสร้างสังคมเช่นนี้ได้ ด้วยการรู้ธรรมและปฏิบัติตามธรรม ถ้าไม่มีความมั่นใจในพระรัตนตรัย ก็ต้องพึ่งปัจจัยภายนอก เช่น เซ่นสรวง อ้อนวอน สิ่งศักดิ์สิทธิ์บนบานเทพเจ้าต่อไป แต่ถ้ามั่นใจในพระรัตนตรัยแล้วก็เรียนรู้หลักการแก้ไขทุกข์ตามหลักอริยสัจ และปฏิบัติตามวิธีการของมรรคในพระพุทธศาสนา

พระวรศักดิ์ วรธัมโม (2525 : 251-263) ได้กล่าวถึงพระรัตนตรัยพอสรุปได้ดังนี้

พระรัตนตรัยดวงแรก คือ พระพุทธเจ้า โดยแบ่งอธิบายได้ 3 ระดับ ได้แก่

  • พระพุทธเจ้า หมายถึง รูปเครื่องหมายที่เป็นสัญลักษณ์แทนพระพุทธเจ้า เช่น พระพุทธรูป พระพุทธบาท พระบรมธาตุ เป็นต้น
  • พระพุทธเจ้า หมายถึง เจ้าชายสิทธัตถะประสูติที่ลุมพินี (รุมมินเด) ประเทศ อินเดียทรงออกผนวชเมื่อพระชนมายุ 35 พรรษา เสด็จดับขันธปรินิพพาน เมื่อพระชนมายุ 80 พรรษา เป็นพระบรมศาสดาเอกของโลก
  • พระพุทธเจ้า หมายถึง พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ พระพุทธองค์ได้ตรัส ไว้ว่า “ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคต ผู้ใดไม่เห็นธรรมผู้นั้นไม่เห็นเราตถาคต”จากพระราชดำรัส หมายความว่า พระพุทธเจ้าที่แท้จริงนั้น คือ พระธรรม พระธรรมที่เป็นความสะอาด สงบ สว่าง อริยมรรค เป็นภาวะธรรมชาติ ความสะอาดตรงกับศีล ความสงบตรงกับสมาธิ ความสว่างตรงกับ ปัญญา อริยมรรคตรงกับระบบอริยธรรมทั้งหมดที่ครอบคลุมการดำเนินชีวิตเพื่อบรรลุจุดหมายแห่ง ความเจริญ ผู้ใดเข้าถึงความสะอาด สว่าง อริยมรรค ผู้นั้นเข้าถึงธรรมผู้นั้นเข้าถึงพระพุทธเจ้า

พระรัตนตรัยดวงที่สอง คือ พระธรรม แบ่งอธิบายได้ 3 ระดับ ได้แก่

  • พระธรรม หมายถึง หนังสือ ใบลาน รอยศิลาจารึก ภาพปริศนาหรือสิ่งอื่นใดที่เป็นการคัดลอกพระธรรมคำสอนรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
  • พระธรรม หมายถึง คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าที่ออกมาจากพระโอษฐ์โดยตรง
  • พระธรรม หมายถึง การที่บุคคลประพฤติปฏิบัติให้เกิดความสะอาด สงบ สว่างขึ้น ในจิตใจจนดับกิเลสได้

พระรัตนตรัยดวงที่สาม คือ พระสงฆ์ ได้แบ่งอธิบายไว้ 3 ระดับ ได้แก่

  • พระสงฆ์ หมายถึง บุคคลที่ห่มผ้าเหลืองเข้ามาบวช ในรูปแบบของพระสงฆ์
  • พระสงฆ์ หมายถึง ผู้ที่ปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า เป็นผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติ ชอบ ได้รับผลการปฏิบัติไปตามลำดับ เป็นพระโสดาบัน พระสกิทาคา พระอนาคา พระอรหันต์ ได้แก่ พระสารีบุตร พระโมคคัลลานะ พระกัสสปะ พระอานนท์ เป็นต้น
  • พระสงฆ์ หมายถึง ใครก็ตามที่ปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้าประพฤติปฏิบัติ ถูกต้องตามกฎของธรรมชาติ ทำให้หมดกิเลสตัณหาได้ เข้าถึงความสะอาด สงบ สว่าง
พระรัตนตรัย
ประวัติพระพุทธศาสนาโดยสังเขป
โครงสร้างหลักของพระพุทธศาสนาและความสำคัญของพระพุทธศาสนา
ความสำคัญของพระพุทธศาสนาในฐานะศาสนาประจำชาติ

แชร์ไปที่ไหนดี แชร์ให้เพื่อนสิ แชร์ให้เพื่อนได้ แชร์ให้เพื่อนเลย