วิทยาศาสตร์ ดาราศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา >>

ชา

ประเภทของชา
ประวัติการปลูกชาในประเทศไทย
พันธุ์ชาที่ปลูกในประเทศไทย

พันธุ์ชาที่ปลูกในประเทศไทย

กลุ่มพันธุ์ชาจีน ( Camellia sinensis vav.sinensis )

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์

ลักษณะลำต้น

เป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก ผิวลำต้นเรียบ สูงประมาณ 1 – 6 เมตร กิ่งอายุน้อยค่อนข้างแข็งแรง กิ่งอ่อนปกคลุมด้วยขนอ่อน กิ่งอายุมากจะเปลี่ยนเป็นสีเทา

ลักษณะใบ

มีก้านใบสั้น แผ่นใบมีปลายใบโค้งมน บางครั้งอาจพบว่าแผ่นใบค่อนข้างกลม ใบมีความกว้างประมาณ 1.6 - 4 เซนติเมตร ยาวประมาณ 4 – 10 เซนติเมตร ขอบใบมีหยักเป็นรูปโค้งเล็กน้อย ส่วนปลายของหยักฟันเลื่อยมีสีดำ แผ่นใบมีตั้งแต่สีเขียวอ่อนถึงสีเขียวเข้ม กาบหุ้มใบประมาณ 3 - 8 มิลลิเมตร ด้านนอกของกาบจะปกคลุมด้วยขนอ่อน

ลักษณะดอก

พบว่ามีการเจริญจากตาบริเวณง่ามใบบนกิ่ง ในแต่ละตาจะประกอบด้วยตาที่เจริญไปเป็นกิ่งใบอยู่ด้านบนของตา ส่วนด้านล่างจะประกอบด้วยตาที่เจริญเป็นดอก 1-2 ดอกต่อตา แต่บางครั้งอาจพบว่ามีจำนวนดอกประมาณ 2-7 ดอก/ตา ก้านและดอกยาวรวมกันประมาณ 10 – 15 มิลลิเมตร ส่วนของก้านดอกยาวประมาณ 6-10 มิลลิเมตร กลีบเลี้ยง มีจำนวน 5 – 6 กลีบ แต่ละกลีบจะมีขนาดไม่เท่ากัน มีรูปทรงโค้งมน ยาวประมาณ 3-5 มิลลิเมตร กลีบดอกติดอยู่กับวง Corolla ที่มีลักษณะคล้ายถ้วยหงายตื้น ๆ ยาวประมาณ 1.5 – 2 เซนติเมตร กลีบดอกมีจำนวน 7 – 8 กลีบ ส่วนโคนกลีบติดกับฐานดอกแคบ ส่วนปลายกลีบบานออก กลีบดอกมีความยาวประมาณ 1-2 เซนติเมตร กว้างประมาณ 0.8 - 2.3 เซนติเมตร เกสรตัวผู้มีจำนวนมาก ประกอบด้วยอับละอองเกสรสีเหลือง ติดอยู่ที่ส่วนปลายของก้านชูอับละอองเกสรสีขาว ยาวประมาณ 8-13 มิลลิเมตร ส่วนล่างของก้านติดกันเป็นวงกว้างประมาณ 1 – 2 มิลลิเมตร วงเกสรตัวเมียยาวประมาณ 8 – 12 มิลลิเมตร ประกอบด้วยรังไข่ที่ปกคลุมด้วยขน ปากเกสรตัวเมีย (style) มีลักษณะเป็นก้านกลม ส่วนปลายแบ่งออกเป็น 3 แฉก ภายในรังไข่แบ่งออกเป็น 3 ช่อง

ลักษณะผล

เป็นผลชนิดแคปซูล ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2-4 เซนติเมตร เมื่อผลแก่เต็มที่เปลือกจะแตกออก

ลักษณะเมล็ด

มีลักษณะกลม เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ10-14 มิลลิเมตร ผิวของเมล็ดเรียบ มีสีน้ำตาล ใช้ยอดอ่อน 1 ยอดตูม 3 – 4 ใบบาน แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ชาเขียว ใช้ใบเพสลาดมานึ่ง แปรรูปเป็นเมี่ยงอื่น ๆ

ลักษณะทั่วไป

ชาจีนเจริญเติบโตช้ากว่าชาอัสสัม ทนทานต่ออุณหภูมิต่ำและสภาพแวดล้อมที่ผันแปรได้ดี แต่ให้ผลผลิตต่ำกว่าชาพันธุ์อัสสัม พื้นที่ปลูกที่เหมาะสมควรปลูกในพื้นที่สูง 800 – 1,200 เมตร พันธุ์ชาจีน ได้แก่ ชิง ชิง อู่หลง ชิงชิงต้าพัง สุ่ยเสียนฟู่หลิน ฟู่หลินตาเป่ย หล่งจิ่ง 43 อู่ติง 1 แม่จอนหลวงเบอร์ 2 แม่จอนหลวงเบอร์ 3 น้ำหนักยอดสดชาจีน 1 กิโลกรัม มียอดชาประมาณ 900 ยอด

 

กลุ่มพันธุ์ชาอัสสัม ( Camellia sinensis vav.assamica )

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์

ลักษณะลำต้น
เป็นไม้พุ่มขนาดกลาง-ใหญ่ ผิวลำต้นเรียบ กิ่งอายุน้อยค่อยข้างแข็งแรง กิ่งอ่อนปกคลุมด้วยขน ชาในกลุ่มนี้มีลักษณะเป็นขนาดใหญ่ บางครั้งอาจพบได้ว่ามีความสูงถึง 17 เมตร และมีขนาดใหญ่กว่าชาในกลุ่มชาจีนอย่างเด่นชัด กิ่งอายุมากจะเปลี่ยนเป็นสีเทา

ลักษณะใบ
มีลักษณะเป็นใบเดี่ยว ปลายแหลม การเรียงตัวของใบบนกิ่งเป็นแบบสลับและเวียน ใบมีความกว้าง 3 – 6 เซนติเมตร ยาว 7 – 16 เซนติเมตร แต่บางครั้งอาจพบได้ว่ามีใบขนาดใหญ่กว่าที่กล่าว คือ กว้าง 5.6 – 7.5 เซนติเมตร ยาว 17 – 22 เซนติเมตร ขอบใบมีหยักเป็นฟันเลื่อยเด่นชัด จำนวนหยักฟันเลื่อยเฉลี่ยประมาณ 9 หยัก / ความยาวขอบใบ 1 นิ้ว ส่วนของก้านใบและด้านท้องใบมีขนปกคลุม แผ่นใบมีตั้งแต่สีเขียวอ่อนจนถึงสีเขียวเข้ม

ลักษณะดอก
พบว่ามีการเจริญจากตาบริเวณง่ามใบบนกิ่ง ในแต่ละตาจะประกอบด้วยตาที่เจริญไปเป็นกิ่งใบอยู่ด้านบนของตา ส่วนใหญ่ดอกจะออกติดกันเป็นกลุ่ม ช่อละประมาณ 2 – 4 ดอก / ตา ก้านดอกยาวประมาณ 10 – 12 มิลลิเมตร กลีบเลี้ยงมีจำนวน 5 – 6 กลีบ แต่ละกลีบจะมีขนาดไม่เท่ากัน มีรูปทรงโค้งมนยาว กลีบดอกติดอยู่กับวง Corolla ที่มีลักษณะคล้ายถ้วยหงาย กลีบดอกมีจำนวน 5 – 6 กลีบ ส่วนโคนกลีบติดกับฐานดอกแคบ ส่วนปลายกลีบบานออก วงเกสรตัวผู้ประกอบด้วยอับละอองเกสรสีเหลือง ติดอยู่ที่ส่วนปลายของก้านชูอับละอองเกสรสีขาวซึ่งยาวประมาณ 5 มิลลิเมตร เกสรตัวเมียประกอบด้วยรังไข่ที่ปกคลุมด้วยขน ส่วนปลายของเกสรตัวเมียมี 3 แฉก ถัดลงไปเป็นก้านเกสรตัวเมีย มีลักษณะเป็นก้านกลม ภายในรังไข่แบ่งออกเป็น 1- 3 ช่อง ดอกเมื่อบานเต็มที่จะมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 3.65 เซนติเมตร

ลักษณะผล
เป็นผลชนิดแคปซูล ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2-4 เซนติเมตร เมื่อผลแก่เต็มที่เปลือกจะแตกออก

ลักษณะเมล็ด
มีลักษณะกลม ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 11 – 12 มิลลิเมตร ผิวของเมล็ดเรียบ แข็ง มีใบ ใช้ยอดอ่อน 1 ยอดตูม 2 ใบบาน แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ชาจีน และชาดำ ใช้ใบเพสลาดมานึ่งแปรรูปเป็นเมี่ยงอื่น ๆ

ลักษณะทั่วไป
ชาอัสสัมเจริญเติบโตเร็ว ทนแล้ง ปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมได้ดี พื้นที่ปลูกที่เหมาะสมตั้งแต่ 100 – 1,000 เมตร ชาอัสสัมมีคาเฟอีนมากกว่าชาจีน ชาอัสสัม 1 กิโลกรัม มียอดชาสดประมาณ 700 ยอด

พันธุ์ชาอัสสัม
ชาอัสสัมสามารถแบ่งออกเป็นพันธุ์ย่อยได้ 5 สายพันธุ์ คือ

  1. พันธุ์อัสสัมใบจาง ( Light leaved Assam jat ) ต้นมีขนาดเล็ก ยอดและใบมีสีเขียวอ่อน ลักษณะใบเป็นมันวาว ขอบใบหยักแบบฟันเลื่อย เป็นพันธุ์ที่อ่อนแอ ให้ผลผลิตต่ำและคุณภาพไม่ดี เมื่อนำมาทำชาจีนจะมีสีน้ำตาล

  2. พันธุ์อัสสัมใบเข้ม ( Dark leaved Assam Jat ) ยอดและใบมีสีเขียวเข้ม ใบนุ่มเป็นมัน มีขนปกคลุม ขอบใบหยักแบบฟันเลื่อย เป็นพันธุ์ที่ให้ผลผลิตสูงและมีคุณภาพดี เมื่อนำมาทำชาจีนจะมีสีดำ

  3. พันธุ์มานิปุริ ( Manipuri Jat ) เป็นพันธุ์ที่แข็งแรง ให้ผลผลิตสูง ใบมีสีเขียวเข้มเป็นประกาย ขอบใบหยักแบบฟันเลื่อย ทนแล้งได้ดี

  4. พันธุ์พม่า ( Burma jat ) ใบมีสีเขียวเข้ม ใบแก่มีสีเขียวแกมน้ำเงิน ใบกว้าง แผ่นใบรูปไข่ ขอบใบหยักแบบฟันเลื่อย ทนต่อสภาพแวดล้อมได้ดีมาก

  5. พันธุ์ลูไซ ( Lushai jat ) ขอบใบหยักลึก ปลายใบเห็นได้ชัด

กลุ่มพันธุ์ชาเขมร ( Camellia sinensis vav.indo – china )

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์

ลักษณะต้น
ชาในกลุ่มนี้มีลักษณะเป็นพุ่มลำต้นเดี่ยวขนาดใหญ่ มีความสูงของทรงพุ่มประมาณ 5 เมตร กิ่งที่มีอายุน้อยจะมีสีเขียวอมแดง มีขนปกคลุมมาก เมื่อมีอายุมาก จะเปลี่ยนเป็นสีเทา

ลักษณะใบ
ใบมีลักษณะเป็นใบเดี่ยว ปลายใบแหลม ขนาดใบใกล้เคียงกับชาในกลุ่มชาจีน ผิวใบแข็ง ขอบใบหยักถี่กว่ากลุ่มพันธุ์ชาอัสสัม ใบมีความกว้างประมาณ 3 – 3.5 เซนติเมตร ยาวประมาณ 7.5 เซนติเมตร ขอบใบมีหยักเป็นฟันเลื่อยเด่นชัด ความยาวของก้านใบใกล้เคียงกับชาจีน ก้านใบและท้องใบมีขนปกคลุม ก้านใบมีสีแดงอมเขียว โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนจะมีสีแดงเด่นชัดขึ้น แผ่นใบมีตั้งแต่สีเขียวอมแดง ถึงสีเขียวเข้มแต่ยังคงมีสีอมแดง ใบแก่ค่อนข้างกรอบ แผ่นใบจะมีลักษณะห่อเป็นรูปตัววี ( V shape )

ลักษณะดอก
พบว่าจะมีการเจริญจากตาบริเวณง่ามใบบนกิ่ง ในแต่ละตาจะประกอบด้วยตาที่จะเจริญไปเป็นกิ่งใบอยู่ด้านบนของตา ส่วนใหญ่ดอกจะออกติดกันเป็นกลุ่ม ก้านดอกยาวประมาณ 10 – 12 มิลลิเมตร กลีบเลี้ยงมีจำนวน 5 – 6 กลีบ มีสีเขียวอมแดง แต่ละกลีบจะมีขนาดไม่เท่ากัน มีรูปทรงโค้งมนยาว กลีบดอกมีสีขาว แต่บางครั้งอาจพบว่ามีสีแดงเรื่อ ๆ ส่วนโคนกลีบติดกับฐานดอกแคบ ส่วนปลายกลีบบานออก วงเกสรตัวผู้ ประกอบด้วยอับละอองเกสรสีเหลืองถึงสีเหลืองอมแดง ติดอยู่ที่ส่วนปลายของก้านชูอับละอองเกสรสีขาวอมแดง เกสรตัวเมียประกอบด้วยรังไข่ที่ปกคลุมด้วยขน ปากเกสรตัวเมียมีลักษณะเป็นก้านกลม ดอกเมื่อบานเต็มที่จะมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 3.54 – 4 เซนติเมตร

ลักษณะเมล็ด
มีลักษณะกลุ่ม มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 11 – 12 มิลลิเมตร ผิวของเมล็ดเรียบ แข็ง มีสีน้ำตาล หรือน้ำตาลอมแดง

แชร์ไปที่ไหนดี แชร์ให้เพื่อนสิ แชร์ให้เพื่อนได้ แชร์ให้เพื่อนเลย