ศาสนา ลัทธิ ความเชื่อ นิกาย พิธีกรรม>>

พื้นฐานพระคริสตธรรมคัมภีร์

1 พระเจ้า
2 พระวิญญาณของพระเจ้า
3 พระสัญญาของพระเจ้า
4 พระเจ้ากับความตาย
5 แผ่นดินของพระเจ้า
6 พระเจ้าและความชั่วร้าย
7 การบังเกิดพระเยซู
8 ธรรมชาติของพระเยซู
9 การรับบัพติศมา
10 ชีวิตในพระคริสต์

คำเผยพระวจนะส่วนตัว

ถ้อยคำที่พระเจ้าใช้

    มันจะแสดงว่า พระเจ้าทรงพูดว่าอะไร อย่างไร พระองค์จะทรงพูดด้วยภาษาที่เราใช้อยู่ในปัจจุบัน 

ถ้อยคำที่เกี่ยวกับเวลา

    ดูเหมือนกับว่า พระองค์จะไม่รีบร้อน แต่พระองค์มาทันเวลาเสมอ ดูเหมือนว่าพระองค์ใช้เวลานานกว่าที่เราคาดคิดไว้

    ความล้มเหลวครั้งใหญ่ในภาพเหตุการณ์ในพระคัมภีร์ เป็นผลสืบเนื่องจากความไม่อดทนในพระเจ้า เมื่อพวกเขารอคอยที่จะให้คำเผยพระวจนะสำเร็จตามนั้น ตัวอย่างเช่น อับราฮัม เขาออกนอกเวลาของพระเจ้า และพยายามช่วยพระเจ้าให้สำเร็จตามนั้น ผลคืออิสมาเอล (ปฐม 16) เมื่อเรากระโดดล่ำหน้าตารางเวลาของพระเจ้า เพื่อให้ถ้อยคำสำเร็จตามนั้น เราทำบางสิ่งโดยเนื้อหนัง 

    ซาอูลเป็นตัวอย่างที่ดีอีกตัวอย่างหนึ่ง เขาคิดว่าพระเจ้าล้มเหลวที่จะมาให้ทันเวลา อย่างที่พระเจ้าทรงสัญญาไว้กับซามูเอล ดังนั้นซาอูลจึงผลักดันตัวเองให้ไม่เชื่อฟัง และถวายเครื่องบูชาแทนที่จะรอคอยซามูเอลมาก่อน

    ปัจจุบันนี้ ถึงแม้จะดูเหมือนว่าสายไปเสียแล้ว การหย่าร้างกำลังอยู่ในชั้นศาล ธุรกิจกำลังจะล้มละลาย โอกาสในงานรับใช้กำลังหลุดลอยไป แพทย์บอกว่าหมดหวัง พายุกำลังมุ่งตรงมาที่บ้านของคุณ แต่ถ้าพระเจ้าได้ตรัสถ้อยคำสัญญาที่ชัดเจนกับท่าน พระองค์จะมาตรงเวลา เวลาของพระองค์ พระองค์จะอยู่ที่นั่นกู้สถานการณ์ หรือ พระองค์จะทำให้ฟื้นมีชีวิตอีกครั้งหนึ่ง

  พระเจ้ามีเวลา และเหตุผลที่ให้สิ่งต่างๆเกิดขึ้น ตารางของพระองค์ไม่มีเหตุผลเสมอไป เหมือนกับเหตุผลของมนุษย์ จิตใจของเราอาจถามว่า "ทำไม" ตารางเวลาของพระองค์มีความจำเป็นสำหรับความเต็มบริบูรณ์ การเติบโต และนำทุกสิ่งทุกอย่างเข้ามาตามขั้นตอนที่ถูกต้อง 

    • Fullness of time (กท 4:4 , อฟ 1:10)
    • Due time (1 ทธ 2:6 , รม 5:6)
    • Season , a time , in His time (ปญจ 3:1 , 11 , 17 , สดด 105:19)
    • Times or seasons (กจ 1:7-8)
    • Reap in due season (กท 6:9)

ถ้อยคำจำเพาะของพระเจ้า (God's prophetic terminology concerning certain words)

ทันทีทันใด (Suddenly , Immediately) กจ 2:2 (Suddenly)

บัดนี้ หรือ วันนี้ (Now or this day)

    เมื่อเราได้ยินคำว่า "บัดนี้(เวลานี้)" หรือ "วันนี้" เรามักคิดว่าหมายถึง "ทันทีทันใด" หรือ "ภายใน 24 ชั่วโมง" คำเหล่านี้ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นเสมอไป

    ซามูเอลผู้พยากรณ์ได้บอกกับกษัตริย์ซาอูลว่า "บัดนี้(เวลานี้)(now)" ราชอาณาจักรของซาอูลจะไม่ดำรงอยู่ต่อไป ถ้าเราได้ยินคำเผยพระวจนะนี้ เราอาจคาดหมายว่ามันจะสำเร็จตามนั้นในทันทีทันใด แต่ตามตารางเวลาในคำเผยฯนี้ "บัดนี้" คือ 38 ปีให้หลัง (1 ซมอ 13:1-14)

    "ในวันนี้ (this day) พระเจ้าได้ทรงฉีกราชอาณาจักรอิสราเอลเสียจากท่าน และทรงมอบให้แก่ผู้อื่นที่ดีกว่าท่าน (1 ซมอ 15:28) เป็นเวลา 24 ปีหลักจากนั้นราชอาณาจักรจึงเปลี่ยนมาสู่ดาวิด 

    เราต้องไม่วินิจฉัยคำเผยพระวจนะว่าเท็จ เพียงเพราะมันไม่สำเร็จตามเวลาที่ตนเองได้คาดการณ์ไว้

    ถ้าคำเผยพระวจนะพูดถึงเวลาและวันที่แน่นอน เช่น "พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า เจ้าจะได้รับเช็คจำนวน 1,000,000 เวลาเที่ยงของวันที่ 13 เดือนตุลาคม 1994" ถ้าเช่นนี้เราจึงสามารถระบุว่าคำเผยเท็จ ถ้ามันไม่สำเร็จตามนั้นในเวลาที่กำหนด แต่ถ้าใช้คำว่า "ในเวลาอันใกล้นี้" "วันนี้" "บัดนี้" หรือ "ในอนาคตอันใกล้นี้" เราจึงจะสามารถกำหนดเวลาใดๆในคำเผยพระวจนะได้ 

    บางครั้งเป็นการยากที่เราจะพิจารณาว่า คำเผยพระวจนะนั้นเป็นคำ อดีตกาล หรือ ปัจจุบันกาล หรือ เป็นคำอนาคตกาล

  จากพื้นฐานของตัวอย่างในพระคัมภีร์ และจากประสบการณ์ของผู้เขียนเอง (Dr. Hamon) ตารางเวลาสำหรับถ้อยคำของพระเจ้านี้ อาจจะเป็นประโยชน์แก่ท่านบ้าง แต่ไม่เจาะจงแน่นอนเสมอไป

    • ทันทีทันใด (Immediately) หมายถึง 1 วัน ถึง 3 ปี
    • ในเร็วๆนี้ (Very soon) หมายถึง 1-10 ปี
    • บัดนี้ หรือ วันเวลานี้ (Now or this day) หมายถึง 1-40 ปี
    • เราจะ (I will) โดยปราศจากเวลากำหนดที่แน่นอน หมายถึง พระเจ้าจะกระทำในเวลาใดเวลาหนึ่งของชีวิตของคนนั้น ถ้าเขาเชื่อฟัง
    • ในไม่ช้า (Soon) เป็นคำที่พระเยซูคริสต์ทรงใช้ ว่า พระองค์จะกลับมาในไม่ช้า เกือบ 2000 ปีแล้ว

ถ้อยคำพระเจ้ามีนัยถึงขั้นตอน

อดทน (Patience)

    เมื่อคำเผยพระวจนะสัญญาว่า เราจะต้องมีความอดทนมาก เราต้องระลึกถึง โรม 5:3 ว่า "ความทุกข์ยากนั้นทำให้เกิดความอดทน" ปัญหาต่างๆ , ความกดดันต่างๆ , การทดลองต่าง , และความล่าช้า ทำให้เราให้พระวิญญาณบริสุทธิ์สามารถทำงานโดยผ่านเวลาของ จิตใจที่ฟกช้ำ , ความนึกคิดที่กระเจิดกระเจิง , วิกฤตการณ์ของโลก ให้ประสบการณ์แห่งชัยชนะแก่เรา ซึ่งเพิ่มพูนความหวังของเรา 

สติปัญญา(Wisdom)

    เมื่อพระเจ้าตรัสว่า พระองค์จะทรงประทานสติปัญญาแก่เรา นั่นหมายความว่า พระองค์จะอนุญาติให้ปัญญาต่างๆและสถานการณ์ต่างๆเกิดขึ้น ซึ่งอยู่ในวิสัยความสามารถของท่านที่จะแก้ได้ สิ่งเหล่านั้นจะบังคับให้เราเอาสติปัญญาของพระเจ้าออกมา ให้โอกาสแก่พระองค์ที่จะสำเร็จตามพระสัญญาของพระองค์ เราไม่จำเป็นต้องใช้สติปัญญาของพระเจ้า เว้นไว้แต่ว่า สติปัญญาของมนุษย์จากทุกแหล่งพิสูจน์แล้วว่าไม่เพียงพอในการแก้ปัญหา 

ความรัก
    เมื่อเราได้รับถ้อยคำบอกเราว่า เราต้องสำแดงความรักของพระเจ้า นั่นหมายความว่า เราจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับบุคคลที่ไม่มีความรัก 

ความเชื่อ
    เราสามารถมีความเชื่อได้ 3 ประเภทคือ ความเชื่อแห่งความรอด , ของประทานมีความเชื่อ และ ผลของพระวิญญาณแห่งความเชื่อ เมื่อเราได้รับคำเผยพระวจนะว่าเราจะมีความเชื่อที่ยิ่งใหญ่ เราควรจะระลึกว่า ผลของความเชื่อมีชีวิตบนริมขอบของความหายนะในความต้องการการอัศจรรย์ ถ้าเราไม่เคยถูกพระเจ้าจับใส่สถานการณ์อันหนึ่ง ซึ่งเราไม่สามารถได้ในสิ่งที่เราปรารถนาโดยความต้องการของเราเอง เราจะไม่เติบโตขึ้นในผลของความเชื่อ 

สร้าง ขยาย เพิ่มพูน
    บางครั้งพระเจ้าตรัสว่า "เราจะสร้าง เพิ่มพูน ขยาย" แต่เป็นการสร้างเพิ่มขึ้น เป็นการวางรากฐานที่ลึกมากขึ้นสำหรับสิ่งที่สร้างให้ยิ่งใหญ่ขึ้น (a greater building) และนั่นหมายความว่า เราต้องรื้อสิ่งปลูกสร้างเก่าลง ขุดของเก่าออก รากฐานที่จำกัด และวางอันใหม่ การรับใช้ 10 ชั้น แทนการรับใช้ ชั้นเดียว 

การเก็บเกี่ยวใหญ่
    ถ้อยคำที่บอกเกี่ยวกับการเก็บเกี่ยวฝ่ายจิตวิญญาณ ต้องการการอุทิศถวาย , ความบากบั่นขยันหมั่นเพียร , ความร่วมมือ และการตอบสนอง ความเชื่อที่ปราศจากการกระทำนั้นคือความตาย  

ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่
    เราไม่สามารถมีชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ได้ โดยปราศจากการสงครามที่ยิ่งใหญ่ สงครามเล็กๆให้ชัยชนะเพียงเล็กๆ ดังนั้นเมื่อไรก็ตามที่เราที่เราได้รับทำนองว่า "ชัยชนะ" "มีชัย" หรือ "ยิ่งหว่าผู้พิชิต" เราคาดหมายถึงการต่อสู้ได้ 

การคืนสู่สภาพเดิม (Restoration)
   คำว่า "คืนสู่สภาพเดิม" มีสองความหมาย เมื่อพระเจ้าตรัสว่า พระองค์จะคืนสภาพบางสิ่งบางอย่างที่แน่นอนให้กับเรา นั่นหมายความว่า เราจะได้รับบางสิ่งบางอย่างที่เราได้สูญเสียไปหรือหายไป แต่ถ้าพระองค์ตรัสว่าพระองค์จะคืนสภาพเรา พระองค์กำลังพูดถึงขั้นตอนหลายอย่าง 

การสำแดงใหม่ นิมิต นำมาซึ่งการรับใช้
    นี่เป็นถ้อยคำประเภทที่ทูตสวรรค์กาเบลียลใช้ เมื่อท่านให้คำเผยพระวจนะส่วนตัวกับมารีย์ ถึงการกำเนิดงานรับใช้(พระคริสต์)ที่จะอวยพรทั้งโลก

    ก่อนที่จะเป็นขบวนการกำเนิด เราต้องมีความสัมพันธ์ (Relationship) กับพระเจ้า ที่จะให้โอกาสกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่จะหว่านเมล็ดของความเชื่อและหว่านนิมิต นิมิตก็จะเติบโตขึ้นเหมือนกับทารกในครรภ์ของวิญญาณของเรา ความอดทน การปรับแต่ง และความยืดหยุ่นในพระเจ้า เป็นสิ่งที่ต้องการในขบวนการที่ยาวไกลที่จะปลดปล่อย 

    เหมือนการคาดหมายของแม่ที่ตั้งครรภ์ จิตของเราถูกยืดออก จนกระทั่งเรารู้สึกว่าเราไม่สามารถยืดออกมากกว่านี้อีกต่อไป เราจะงุ้นง้านอุ้ยอ้ายในการเดินฝ่ายวิญญาณของเรา รู้สึกผิดรูปผิดแบบ เหมือนกับหญิงมีครรภ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเดือนสุดท้ายของการตั้งครรภ์ เหมือนกับเธอ เราพบว่าสิ่งต่างๆเลวร้ายลงก่อนที่มันจะดีขึ้น การลงแรงที่เจ็บปวดนำมาซึ่งการปลดปล่อย 

การรับใช้ทั่วโลก การรับใช้ที่จดจำได้ การรับใช้ที่ประสบความสำเร็จ การรับใช้ที่เป็นเศรษฐี

    ผู้คนส่วนมากที่มีโอกาสที่จะจำเริญมั่งคั่งยิ่งใหญ่ และมีเกียรติอำนาจ ล้มเหลวไม่เกิดขึ้น แม้แต่คริสเตียนที่ประกอบเต็มไปด้วยพระวิญญาณ ผู้ซึ่งได้รับคำเผยพระวจนะจำนวนมากเกี่ยวกับโอกาสที่ยิ่งใหญ่ของพวกเขา และน้ำพระทัยพระประสงค์ของพระเจ้าสำหรับชีวิตของพวกเขา ไม่เคยพบว่าคำเผยพระวจนะเหล่านั้นสำเร็จตามนั้น ทำไม เพราะว่าพวกเขาไม่มีความปรารถนาที่จะจ่ายค่างวด (They are not willing to pay the price) ที่จะผ่านตามขบวนการของพระเจ้าที่จำเป็นต้องมี เพื่อที่จะบรรลุพระสัญญา

    ยิ่งการรับใช้ที่ยิ่งใหญ่มากขึ้น พระเจ้าก็ยิ่งต้องใช้เวลาในการสร้างบุคคลมากขึ้น ถ้อยคำพระสัญญที่ยิ่งใหญ่ในการที่มีฤทธิ์เดชมากขึ้น ขบวนการของการจัดเตรียมก็ยิ่งนานขึ้น สิ่งเหล่านี้เป็นความจริงในการจัดเตรียมของพระเจ้าสำหรับ ดาวิด โยเซฟ อับราฮัม และโมเสส 

    บุคคลเหล่านั้นที่ "ประสบความสำเร็จ" แบบทันทีทันใด โดยปราศจากการผ่านขบวนการที่แท้จริง โดยปกติแล้วจะไม่สามารถรักษาความบริสุทธิ์ส่วนตัวของพวกเขาไว้ได้ หรือไม่สามารถเติบโตขึ้นมาได้ ไม่สามารถมีการรับใช้ที่เป็นไปได้อย่างสูงสุด พวกเขาอาจรักษาตำแหน่งยืนของเขาไว้ได้ แต่พวกเขาจะสูญเสียการอยู่จำเพาะพระพักตร์พระเจ้า รวมทั้งลำดับความสำคัญของพวกเขา และการถวายต่อพระประสงค์ของพระเจ้า กษัตริย์ซาอูลและซาโลมอน คือ สองตัวอย่างที่ดีสำหรับโศกนาฏกรรมนี้

    นั่นทำให้เปาโลพูดว่า "ข้าพเจ้าพอใจในความเจ็บปวด เพื่อฤทธิ์เดชของพระคริสต์จะได้อยู่ในข้าพเจ้า" (2 คร 12:9) (I glory in my infirmities) 

    ถ้าเราไม่มีความปรารถนาที่จะผ่านขบวนการที่จำเป็น เราไม่ควรที่จะเชื่อ หรืออธิษฐานเพื่อให้สำเร็จตามคำเผยพระวจนะส่วนตัวเกี่ยวกับเรื่อง ฤทธิ์เดชที่ยิ่งใหญ่ , ตำแหน่งที่ยิ่งใหญ่ หรือความมั่งคั่งที่ยิ่งใหญ่ ถ้าเราไม่มีความปรารถนาที่จะให้พระเจ้าหล่อหลอมหรือสร้างเราสำหรับ การรับใช้ที่กล้าแข็ง เราก็ไม่ควรที่จะคาดหมายถึงการรับใช้ที่กล้าแข็ง เป็นการดีที่จะอยู่อย่างเล็กๆ และรักษาการรับใช้ปัจจุบันไว้ ดีกว่าจะเป็นอย่างกษัตริย์ซาอูล และก็สูญเสียมันทั้งหมด 

เราจะ(พระเจ้าจะ) , เจ้าจะ , เราจะ(พระเจ้ากับเราจะ)

    เมื่อพระเจ้าตรัสว่า "เราจะ" เกี่ยวกับสิ่งต่างๆที่ยิ่งใหญ่ที่พระองค์วางแผนว่าจะทำ พระองค์ไม่ได้หมายความว่า พระองค์จะทรงกระทำด้วยพระองค์เองเพียงลำพัง โดยไม่มีเรามีส่วนเกี่ยวข้อง หรือร่วมด้วย เมื่อพระองค์ตรัสว่า "เราจะ" พระองค์หมายถึง "เราจะ(พระเจ้ากับเราจะ) "เราจะกระทำมันในเจ้าและโดยผ่านเจ้า เราจะให้เจ้าสามารถทำได้"

    อพย 6:6-8 เหตุฉะนี้ จงกล่าวแก่ชนชาติอิสราเอลว่า 'เราคือพระเยโฮวาห์ เราจะนำพวกเจ้าไปให้พ้นจากงานตรากตรำ ที่ชาวอียิปต์เกณฑ์ให้ทำ และจะให้พ้นจากการเป็นทาสเขา เราจะช่วยกู้เจ้าด้วยแขนที่เงื้อง่า และด้วยการพิพากษาอันใหญ่หลวง ๗. เราจะรับพวกเจ้าเป็นประชากรของเรา และเราจะเป็นพระเจ้าของพวกเจ้า พวกเจ้าจะรู้ว่า เราคือพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า ผู้นำเจ้าไปให้พ้นจากงานตรากตรำที่ชาวอียิปต์เกณฑ์ให้ทำ ๘. เราจะนำพวกเจ้าเข้าไปในแผ่นดิน ซึ่งเราได้ปฏิญาณไว้ว่า จะให้แก่อับราฮัม แก่อัสอัค และแก่ยาโคบ เราจะยกแผ่นดินนั้นให้แก่เจ้าเป็นกรรมสิทธิ์ เราคือพระเจ้า' ฟังดูแล้วเหมือนกับว่า ไม่มีเงื่อนไข คำเผยพระวจนะที่บริบูรณ์ซึ่งไม่ขึ้นกับสิ่งต่างๆของมนุษย์โดยสิ้นเชิง 

    อย่างที่เราทราบจากหนังสืออพยพแล้ว่า คำว่า "เราจะ" ของพระเจ้าหมายความว่า พระองค์จะทรงร่วมงานด้วยกับความพยายามของพวกเขาเองด้วย "เราจะทำการอย่างเหนือธรรมชาติในเรื่องที่เจ้าไม่สามารถทำการในทางธรรมชาติได้ เราจะยุ่งในส่วนต่างๆที่เกี่ยวข้องและเราจะดูแลสถานการณ์อื่นๆให้ เราจะเป็นภาระเอง สิ่งที่มองไม่เห็น ฤทธานุภาพจะทำให้เจ้ากระทำให้ได้ชัยชนะ เราจะสำแดงการอัศจรรย์ให้แก่เจ้า สติปัญญา ที่จะเดินในทางต่างๆของเรา และกระทำพระประสงค์ของเรา และอดทนต่อชัยชนะ จนกว่าเจ้าจะได้สำเร็จตามถ้อยคำแห่งพระสัญญา"

    ในทางกลับกัน เมื่อพระเจ้าตรัสว่า "เจ้าจะ" พระองค์ก็หมายความว่า "เรา(ทั้งสอง)จะ" เอาเรื่องกิเดโอนเป็นตัวอย่าง เมื่อทูตสวรรค์ของพระเจ้าให้คำเผยพระวจนะส่วนตัวกับเขา "เจ้าบุรุษผู้กล้าหาญเอ๋ย พระเจ้าทรงสถิตกับเจ้า ...... จงไปช่วยคนอิสราเอลให้พ้นจากเงื้อมมือพวกมีเดียนด้วยกำลังของเจ้านี่แหละ เราใช้ให้ไปแล้ว มิใช่หรือ" (วนฉ 6:12-14)

ไม่ว่าถ้อยคำว่า "เราจะ" หรือ "เจ้าจะ" พระเจ้าหมายถึง "เรากับพระเจ้าจะ" เราจะกระทำการบนแผ่นดินโลก และพระองค์จะเป็นกำลังที่มองไม่เห็นทำการอัศจรรย์ในฟ้าสวรรค์

 

คำเผยพระวจนะส่วนตัว

พระเจ้าต้องการที่จะสื่อสาร

วัตถุประสงค์ของพระเจ้าสำหรับผู้พยากรณ์

ธรรมชาติของการเผยพระวจนะ

การหายโรคและการเผยพระวจนะส่วนตัว

ห้าช่องทางของการเผยพระวจนะ

การเผยพระวจนะส่วนตัวเกี่ยวกับการรับใช้ของประทาน และการทรงเรียก

ให้การเผยพระวจนะในมุมกว้างไกล

พระวจนะ น้ำพระทัย และวิถีทาง

ความพยายามในธุรกิจและความจำเริญมั่งคั่งทางการเงิน

ถ้อยคำที่พระเจ้าใช้

ลักษณะของคำเผยพระวจนะส่วนตัว

แนวทางสำหรับการจัดการคำเผยพระวจนะส่วนตัว

ท่าทีของการตอบสนองที่ถูกต้องต่อคำเผยพระวจนะ

อุปสรรคที่ทำให้คำเผยพระวจนะส่วนตัวไม่สำเร็จตามนั้น

ชีวิตและความตายที่เกี่ยวกับคำเผยพระวจนะส่วนตัว

แชร์ไปที่ไหนดี แชร์ให้เพื่อนสิ แชร์ให้เพื่อนได้ แชร์ให้เพื่อนเลย