ศาสนา ลัทธิ ความเชื่อ นิกาย พิธีกรรม >>
ตำรายืดหดเส้นเอ็น ล้างพิษเพิ่มไขกระดูก
โดย : ท่านปรมจารย์ตักม้อโจวซือ (พระโพธิธรรมมหาเถระ)
กระบวนท่าที่สอง : ล้างพิษเพิ่มไขกระดูก
ท่าที่ 1
นั่งตัวตรงกับพื้น ไม่ควรใช้เบาะหรือสิ่งอื่นรองนั่ง จะทำให้ตัวเอียงไปมา
ไม่เกิดดุลยภาพเป็นผลเสียต่อเส้นเอ็น ที่จะพลิกตามไป ทำให้เกิดอาการเคล็ดขัดยอกได้
ตำรานี้ไม่นิยมการนั่งสมาธิราบ แต่ต้องขัดสมาธิเพชร คือหลังเท้าขวาทับขาซ้าย
หลังเท้าซ้ายทับขาขวา สองมือวางบนเข่า ค่อยๆกำมือให้แน่นเข้า
ให้หัวแม่มืออยู่ด้านนอกของนิ้วทั้งหมด
- การหายใจเข้าช้าๆ ต้องสัมพันธ์กับการกำมือให้แน่นเข้า ช้าๆพร้อมกัน
- การหายใจออกช้าๆ ต้องสัมพันธ์กับการคลายมือ ช้าๆพร้อมกัน
ผู้ที่ยังฝึกขัดสมาธิเพชรไม่ได้ อนุโลมให้นั่งสมาธิราบไปพลาง
แต่ต้องหัดทำสมาธิเพชรทุกวัน เมื่อทำได้แล้วอีก 11 ท่า ก็ทำได้เช่นกัน
ท่านี้ เน้นการตั้งจิตให้เป็นสมาธิ
ท่าที่ 2
นั่งอย่างสงบนิ่งตรงอย่างสมดุล เริ่มคลายมือที่กำอยู่ในท่าที่ 1 ออก ยกแขนขึ้นช้าๆ
ทำมุมฉากกับลำตัว หงายมือไว้แล้วเคลื่อนแขนไปด้านหลัง
ประสานมือทั้งสองไว้ที่ท้ายทอยแบนใบหู เชิดคางนิดหน่อย หน้าอกก็จะยึดได้เต็มที่
แขนทั้งสองอยู่ในลักษณะสามเหลี่ยม
เริ่มใช้จินตนาการเดินลมปราณ ตั้งต้นจากจุดตันเถียนกลาง
แล่ยตรงผ่านในกลางสะดือไปถึงเยื่อหุ้มหัวใจ ผ่านลูกกระเดือก แล่นตรงไป กลางกระหม่อม
หยุดไว้อึดใจหนึ่ง
แล่นต่อไปตรงๆ ผ่านจุดแป๊ะหวย ไปทางท้ายทอย
ผ่านกระดูกสันหลังลงไปก้นกบ แล้วผ่านระหว่างจุดทวารหนัก ไปทวารเบา (ตันเถียนล่าง)
จนถึงใต้สะดือซึ่งเป็นจุดเริ่มต้น ครบหนึ่งวงจรของพลังชีวิต หยุดสักอึดใจ
เริ่มทำใหม่ให้ครบ 3 ครั้ง ก็หยุดพักได้
จินตนาการนี้ ฝึกไปทุกวันๆ นานไป ก็จะกลายเป็นจริงได้
สังเกตจากเส้นทางที่คลื่นพลังชีวิต แล่นเป็นกระแสไปตามจิตสั่งนั้น
จะมีความร้อนน้อยๆ เกิดขึ้นก่อน เวลาเดินลมปราณ พลังชีวิตจะพาโลหิต
ไหลไปตามทิศทางที่กำหนดให้ ผู้ฝึกจะรู้สึกได้เองว่า เป็นความร้อนที่สบายๆ ยิ่งนัก
เกิดความสดชื่นกระปี้กระเปร่า หลังฝึกเสร็จแล้ว
ต่อไปต้องการให้พลังชีวิตนำโลหิตไปเลี้ยงอวัยวะใดหรือเส้นเอ็นใดก็ได้ดังใจ
ท่านี้ ช่วยให้การไหลเวียนของโลหิตคล่องตัว หลุดพ้นอาการปวดเมื่อย ปวดหัว ตามัว เวียนหัว เป็นไข้บ่อยๆ
ท่าที่ 3
ทุกครั้งที่ฝึกหมดไปท่าหนึ่ง ก็ให้ขัดสมาธิเพชร กำมือไว้บนหัวเข่าทุกครั้งไป
เริ่มเหยียดขาให้ตรง เท้าตั้งตรงชิดกัน
- ค่อยๆ ขยับแขนทั้งสองยืดตรงไปข้างหน้าขนานกับเท้า โน้มตัวไปข้างหน้า
โอบเท้าทั้งสองไว้อย่างช้าๆ และอย่าให้เอียง
- เริ่มใช้มือที่โอบอยู่ดึงเท้าเข้าหาตัว เท้าทั้งสองก็ต้านมือไว้ อย่างสุดแรง
นิ่งอยู่อึดใจหนึ่ง ค่อยๆหายใจออกพร้อมทั้งคลายทั้งมือออก แล้วหยุดพัก
*** อย่าเผลองอเข่า หรือเอียงไปมา
ท่านี้ จะทำให้เอวอ่อน หลังไม้แข็ง ทำให้ไตแข็งแรง
ท่าที่ 4
- ขัดสมาธิเพชร กำมือบนเข่าตามเดิม
- ค่อยๆยกแขนขึ้น หงานมือประสานกันเหนือศีรษะ
- เริ่มเดินลมปราณจากจุดเริ่มต้น คือจุดตันเถียนกลาง แล่นตรงผ่านสะดือ
แล้วแยกซ้ายขวา ไปสู่แขนทั้งสอง แล่นไปจนสุดปลายนิ้วแต่ละนิ้ว
นิ่งอยู่สักอึดใจหนึ่ง จึงค่อยๆ ปล่อยแขนลงสู่ท่าเดิม
ท่านี้ ทำให้เส้นเอ็นตามลำแขนแข็งแรง รักษาอาการเจ็บปวดเคล็ดขัดยอก
ท่าที่ 5
- ค่อยๆ เหยียดขาตรงไปข้างหน้า ห่างกันพอสมควร
- แขนทั้งสองไปด้านหลัง ประสานมือไว้ที่ก้นกบ หันฝ่ามือแนบเนื้อ
เริ่มใช้สองมือประสานกัน ถูขึ้นลงตามจังหวะลมหายใจ ถูขึ้นหายใจเข้า
ถูลงหายใจออก ถูแรงๆ ช้าๆ ให้แขนและไหล่ยกขึ้นลงตามจังหวะของมือ แล้วเดินลมปราณ
ไปตามมือและเส้นเอ็นบริเวณหลัง จะเกิดความร้อนผ่าวไปด้วย จะรูสึกสบาย
ท่านี้ ป้องกันไข้หวัด แรกเป็นจะหายได้เองไม่ต้องพึ่งยา และทำให้กล้ามเนื้อหลังทั้งหมดแข็งแรง มีภูมิต้านทานความเย็นที่จะจู่โจม
ท่าที่ 6
นั่งในท่าเดิม
- ค่อยๆเคลื่อนแขนมาที่หน้าท้อง สองมือประสานใต้สะดือ
- เริ่มเดินลมปราณจากจุดตันเถียนกลาง แล่นสู่อวัยวะเพศ
หยุดนิ่งสักอึดใจ เริ่มเดินลมปราณกลับสู่จุดเดิม พร้อมกับออกแรงดึงมือที่ประสานกันอยู่ โดยมิให้หลุดออกจากกัน แล้วนิ่งสักอึดใจหนึ่ง ค่อยๆผ่นคลายอย่างช้าๆ
ท่านี้ ทำ 12 ครั้ง หากเป็นชาย สามารถควบคุมอารมณ์เพศได้ อย่างฉับพลัน ป้องกันการกระทำทางเพศชั่ววูบได้ หากเป็นหญิง จะไม่มีโรคอันเกิดจากบริเวณช่องคลอด มดลูก รังไข่ และทางเดินปัสสาวะ รักษาครรภ์ด้วย
ท่าที่ 7
นั่งท่าเดิมไม่ไหวติง
- ค่อยๆเคลื่อนมือไปที่ข้างลำตัว หัวแม่มืออยู่ในอุ้งมือ ปลายนิ้วทั้ง 4
อยู่ด้านหน้า เหยียดตรง
- เริ่มหายใจแผ่วๆ ช้าๆ กดมือลงแนบพื้น ให้แขนออกแรงมากกว่าแรงกดของมือ
ทำท่าว่าจะยกลำตัวท่อนบนขึ้นจากพื้น แต่เป็นเพียงจินตนาการเท่านั้น
เพื่อให้ลมปราณเดินไปตามบริเวณหน้าอก อึดใจสักครู่ ก็ค่อยๆผ่อนคลายแรงทั้งหมด
พร้อมทั้งหายใจออกช้าๆ จิตไปอยู่ที่เดิม หยุดพักสักอึดใจ เริ่มต้นใหม่ 12 ครั้ง
การกำหนดให้พลังชีวิตแล้นไปพร้อมกับโลหิต หยุดนิ่งบริเวณหน้าอก
ก็เพื่อให้โอกาสอ๊อกซิเจนทำงานในบริเวณนี้นานกว่าธรรมดา
ท่านี้ ทำให้ไม่มีความอึดอัดหลงเหลืออยู่ ป้องกันโรคบริเวณทรวงอก ปอดและหัวใจ
ท่าที่ 8
- นั่งนิ่งๆ ในท่าเดิม หายใจเข้าลึกๆ
ค่อยๆเคลื่อนแขนข้างหน้าแนบมือทั้งสองลงบนฝ่ามือ ปลายนิ้วชิดกัน ค่อยๆ หายใจออก
- เริ่มเดินลมปราณ พร้อมทั้งออกแรงที่แขน เพื่อให้ฝ่ามือกดฝ่าเท้าได้แนบสนิท
ลมปราณเดินจากตันเถียนกลาง แล่นผ่านหัวเหน่า แล้วเวียนกลับสู่ที่เดิม
หยุดพักหนึ่งอึดใจ
- ขั้นที่สาม เริ่มจากจุดเดิม ตันเถียนกลาง ชายเลี้ยวซ้ายลงเอว
หญิงเลี้ยวขาวลงเอว วนรอบเอวหนึ่งรอบ กลับสู่จุดเดิม หยุดพักอึดใจหนึ่ง
เริ่มต้นใหม่ ให้ได้ 9 ครั้ง
*** ผู้หญิง ให้วบขวาทุกกรณี ห้ามย้อนศรเป็นอันขาด
ท่านี้ จะทำให้ท้องแข็งแรง ถูกชกไม่เจ็บ หัวเข่าใช้งานได้ดี
ท่าที่ 9
นั่งในท่าเดิม
- ค่อยๆ ยกแขนขึ้น มือจับบ่าไว้
- เริ่มออกแรงบีบบ่า พร้อมกับเดินลมปราณจากจุด ตันเถียนกลาง
ไปสู่บริเวณหลังและไหล่ที่มือบีบอยู่ สักอึดใจหนึ่ง ก็ผ่อนคลายเอาแขนลงได้
- เหยียดขาไปด้านหน้า หยุดพักสักครู่
ท่านี้ ทำให้บริเวณไหล่ไม่ปวดเมื่อย ไม่เคล็ดขัดยอกไม่มีสิ่งตกค้างที่ จะทำให้เกิดปัญหาในภายหน้า
ท่าที่ 10
- คุกเข่า นั่งบนหลังเท้าที่แนบกับพื้น
- ค่อยๆ ยกแขนขึ้น มือจับราวนม
- เดินลมปราณจากจุดเดิมให้ไปบริเวณราวนม
- จินตนาการให้พลังชีวิตนำโลหิตเข้าสู่นมทั้งสองข้าง อย่างหนาแน่น
อึดใจสักครู่ แล้วจึงค่อยๆ ผ่อนคลาย ปล่อยจิตกลับสู่ที่ ตุนเถียนกลาง ทำดังนี้
9 ครั้ง
ท่านี้ ป้องกันโรคมะเร็งที่ผู้หญิงเป็นกันมากในเวลานี้
ท่าที่ 11
- คุกเข่าในท่านั่ง
- มือทั้งสองข้างเคลื่อนไปวางไว้ที่หัวเข่า
- เริ่มหงายหลังให้ศีรษะแหงนตามจนต่ำสุดเท่าที่ทำได้
- เดินลมปราณจากจุด ตันเถียนกลาง ผ่านสะดือ แล่นสู่หัวใจ แล่นต่อถึงลูกกระเดือก
แล้วสงบนิ่ง สักอึดใจหนึ่ง จึงค่อยๆผ่อนคลาย ตั้งตัวตรง จิตจับอยู่จุดเดิม
ทำเช่นนี้ 9 ครั้ง
ท่านี้ เป็นประโยชน์มากสำหรับ ผู้ที่เจ็บคอบ่อยๆ เป็นการป้องกันโรคที่เกิดกับคอ
ท่าที่ 12
- นั่งในท่าสมาธิเพชร
- สองมือประกบกัน ถู 72 ครั้ง จนร้อนจัด
- เคลื่อนแขนมาแนบหลัง ยกชายเสื้อขึ้น สองมือแนบบั้นเอว
- หมุนมือ จากซ้ายไปขวา ถูจากบั้นเอวลงสู่ก้นกบ จากก้นกบสู่บั้นเอว 72 ครั้ง
แล้วเปลี่ยนหมุนมือจากขวาไปซ้ายถูอีก 72 ครั้ง
จบกระบวนท่า
ท่านี้ ทำให้บริเวณบั้นเอวถึงก้นกบไม่เย็น ไม่เป็นโรคขัดหนักฝึกทุกวันทำให้เส้นเอ็นบริเวณนี้แข็งแรง ลุกเดินเหินคล่องตัว