วิทยาศาสตร์ ดาราศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา >>

ฟิกสิกส์สมัยใหม่กับปรัชญาศาสนาตะวันออก

โดย นายเชษฐพันธ์ ชูเชื้อ (4.) สป.กษ.

เนื่องจากปี ค.ศ.2005 เป็นปีที่ครบรอบ 100 ปี ของนักฟิกสิกส์ ผู้ยิ่งใหญ่ คือ ท่าน อัลเบิร์ก ไอน์สน์ ดังนั้น องค์การสหประชาชาติ จึงจักให้ปีนี้เป็นปีแห่งฟิกสิกส์ ฟิกสิกส์สมัยใหม่กับปรัชญา/ศาสนาตะวันออกจึงมีความสอดคล้องกัน ดังนั้นจึงขอกล่าวถึง ฟิกสิกส์เท่าหรือฟิกสิกส์ดังเดิมเสียก่อน ฟิกสิกส์ดั่งเดิม มีรากฐานอยู่บนทฤษฎีกลศาสตร์ของนิวตัน นักฟิกสิกส์ผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งแห่ง

ปี ค.ศ.18-19 เป็นทัศนะในเชิงกลจักร กล่าวคือ นิวตัน เชื่อว่า จักรวาล มีลักษณะเป็น 3 มิติ ตามหลักเรขาคณิตหลายเท่าของยูคลิก อวกาศเป็นสิ่งสัมบูรณ์ ส่วนสิ่งไม่เคลื่อนไหวและไม่เคยเปลี่ยนแปลง สำหรับเวลา แล้ว นิวตันเชื่อว่าเป็นสิ่งสัมบูรณือีกอันหนึ่ง เวลาจะไหลเลื่อนอย่างสม่ำเสมอ จากอดีตถึงปัจจุบันและไปสู่อนาคต เวลาจะไม่เกี่ยวข้องกับสสารวัตถุและไม่ขึ้นกับปัจจัยภายนอก ส่วนสสารวัตถุนั้นจะแบ่งเป็นหน่วยเล็กที่สุด เร็วกว่าอะตอม (ปัจจุบันสามารถคำนวณได้ว่ามีขนาด 1/ร้อยล้าน เซนติเมตร) อะตอมเป็นของแข็งไม่สามารถทำลายได้ เป็นสิ่งที่คงตัว คงที่ และไม่มีพลังกระทำในตนเอง แรงที่มากระทำคือแรงโน้มถ่วงของโลกเท่านั้น

ฟิกสิกส์สมัยใหม่ ฟิกสิกส์สมัยใหม่กำเนิดอยู่ในช่วง ค.ศ.20 โดยก่อนหน้านั้น ค.ศ.19 มีปรากฎการณ์ไฟฟ้าและแม่เหล็กที่พบโดยไมเคิลฟาร์เกย์ และเคลิริทแมทว์เวลล์ เป็นการเปลี่ยนจากงานทางกลศาสตร์ เป็นไฟฟ้าได้ โดยการเลื่อนแห่งแม่เหล็กตัดขวางทับแนวขดลวด ซึ่งทฤษฎีของนิวตันไม่สามารถอธิบาย ปรากฏการณ์นี้ได้ ในช่วงนั้นจึงมี 2 ทฤษฎีคือ ทฤาฎีกลศาสตร์ และทฤษฎีรพลศาสตร์ไฟฟ้าของแมกซ์เวลส์ หลังจากนั้นในปี พ.ศ.2448 นักฟิกสิกส์ผู้ยิ่งใหญ่อัลเบิร์ท ไอนัสไตน์ ได้เสนอทฤษฎีสัมพันธภาพพิเศษ ซึ่งเหมือนกับเป็นการรวมเอาทั้งทฤษฎีกลศาสตร์ของนิวตันกับพลศาสตร์ของแมกซ์เวลล์ใช้ด้วยกัน ในทฤษฎีสัมพันธ์ภาพนั้น มีทัศนะว่า อวกาศไม่ได้เป็น 3 มิติ และเวลาไม่สามารถแยกออกจากอวกาศได้ อวกาศและเวลาเชื่อมโยงสัมพันธ์กันเป็นสภาพ 4 มิติ เรียกว่า กาล-อวกาศ (space-time) เวลาก็ไม่สม่ำเสมอกันในอวกาศตลอดทั้งจักรวาล ผู้สังเกตแต่ละคนจะเรียงลำดับเหตุกาณ์ก่อนหลังแตกต่างกันขึ้นอยู่กับความเร็วของผู้สังเกต ดังนั้นเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ ผู้สังเกตุคนหนึ่งเห็นว่าเกิดขึ้นพร้อมกัน แต่ผู้สังเกตอีกคนหนึ่งเห็นว่าเกิดไม่พร้อมกัน อวกาศและเวลามีลักษณะโค้ง จักรวาลและอวกาศไม่ได้หยุดนิ่งแต่จะเคลื่อนตัวขยายออกไปสำหรับอะตอมนั้นไม่ได้เป็นเม็ดแข็ง ตามทัศนะของนิวตัน แต่อะตอมนั้นจะมีลักษระเหมือนเป็นที่ว่างในอาณาจักรของอะตอมจะมีอิเล็กตรอน และนิวเคลียร์ซึ่งประกอบด้วยโปรตอนและนิวตรอน   หากเราลองขยายอะตอมให้มีบทบาทเท่าห้องประชุมใหญ่ ๆ ห้องหนึ่ง นิวเคลียส์จะมีขนาดเท่าก้อนเกลือหรือหัวไม้ขีด ลอยอยู่ในกลาง โดยมโปรตอนและนิวตรอนอยู่คู่กันด้วยทั้งแรงดึงดูดและแรงผลักที่มีผลังมหาศาล ทั้งโปรตอนและนิวตรอนจะหมุนคู่กันไปด้วยความเร็วประมาณ 40,000 ไมส์ต่อวินาที สำหรับอิเล็กตรอนนั้นจะมีขนาดเพียงเท่าผลชุลีที่ที่โคจรรอบนิวเคลียด้วยความเร็วประมาณ 600 ไมส์ต่อวินาที ซึ่งการที่อิเล็กตรอน และนิวเคลียหมุนด้วยความเร็วเช่นนี้จึงทำให้มันมีลักษณะคล้ายเม็ดแข็ง การศึกษาเกี่ยวกับอะตอมนี้นักฟิกส์จะใช้เครื่องเร่งอนุภาค ซึ่งเป็นเครื่องจักรรูปวงกลมมีเส้นรอบรวงยาวหลายไมส์เพื่อเร่งอนุภาคโปรตอนให้มีความเร็วเท่าแล้วพุ่งเข้าชนโปรตอนตัวอื่น ๆ หรือนิวตรอนในอะตอมและดูร่องรอยที่ปรากฏของอนุภาคเหล่านั้นในแผ่นพิมพ์ในบับเบิลแซมเบอร์ เปรียบเสมือนดูควันจากเครื่องบินไอพ่น (ซึ่งตัวเครื่องบินเรามองไม่เห็น) ที่ได้ทิ้งร่องรอยเอาไว้ในอากาศ

อนุภาคภายในอะตอมทั้งอิเล็กตรอน โปรตอน และนิวตรอน ต่างหมุนเหมือนตัวได้เร็วเกือบเก่าแสง อีกทั้งอนุภาคอิเล็กตรอนจะมีลักษณะอีกอย่างหนึ่งคือ เป็นคลื่นด้วย ดังนั้น อิเล็กตรอนจึงเป็นทั้งอนุภาคและคลื่นในเวลาเดียวกัน ดังนั้นภายในอะตอมจึงมีพลังงานอยู่ในตัว ทฤษฎีสัมพันธ์ภาพของไอนัสไตน์ กล่าวว่า “มวลสารคือรูปหนึ่งของพลังงาน”

จากทั้งหมดนี้มีนักฟิกสิกส์ รุ่นใหม่ ๆ ที่ได้ศึกษาสิ่งที่เล็กที่สุดในโลก ในระดับอะตอมและได้พบประกฏการณ์ต่าง ๆ ที่ทำให้ทำพิศวง และตีความหรืออธิบายความอันมีความสอดคล้องกับปรัชญาและศาสนาทางตะวันออก ได้แก่พุทธ ฮินดู เชน เตา ขงจื้อ ทั้งในเรื่องความว่างและรูปลักษณ์ ความมีตัวคนและไม่มีตัวคน ความแตกต่างของสองสิ่งในสิ่งอันเดียวกัน

ดังนั้น ชาวตะวันออก เช่น คนไทย ควรหมั่นศึกษา หาความรู้ และสนใจปฏิบัติตามธรรมะของพระพุทธเจ้าอย่างเคร่งครัดโดยไม่ต้องสงสัยต่อไป

แชร์ไปที่ไหนดี แชร์ให้เพื่อนสิ แชร์ให้เพื่อนได้ แชร์ให้เพื่อนเลย