ความรู้ทั่วไป สารนิเทศ การศึกษา คอมพิวเตอร์ >>
กฎหมายไทย - พระราชบัญญัติ
พระราชกำหนด ให้อำนาจกระทรวงการคลังปรับโครงสร้างเงินกู้ต่างประเทศ พ.ศ. 2528
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
ให้ไว้ ณ วันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2528
เป็นปีที่ 40 ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราช โองการโปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรให้มีกฎหมายว่าด้วยการให้อำนาจกระทรวง การคลังปรับโครงสร้างเงินกู้ต่างประเทศ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 157 ของรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชกำหนด ขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้
มาตรา 1 พระราชกำหนดนี้เรียกว่า พระราชกำหนดให้อำนาจ กระทรวงการคลังปรับโครงสร้างเงินกู้ต่างประเทศ พ.ศ. 2528
มาตรา 2* พระราชกำหนดนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศ ในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป *
[รก.2528/172/1พ/20 พฤศจิกายน 2528]
มาตรา 3 ในกรณีที่กระทรวงการคลังได้กู้เงินตามกฎหมายว่าด้วย การให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินจากต่างประเทศ กฎหมายว่าด้วย การให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินจากรัฐบาลต่างประเทศเพื่อจัดซื้อ ยุทโธปกรณ์ทางทหาร หรือกฎหมายว่าด้วยการกู้เงินเพื่อการป้องกันประเทศ หรือในกรณีที่กระทรวงการคลังได้ก่อหนี้ผูกพันด้วยการค้ำประกันตามกฎหมาย ว่าด้วยการกำหนดอำนาจกระทรวงการคลังในการค้ำประกันหรือตามกฎหมาย อื่น ถ้ากระทรวงการคลังเห็นสมควรปรับโครงสร้างเงินกู้ขยายระยะเวลา ชำระหนี้ หรือลดภาระหนี้เดิม ให้กระทรวงการคลังโดยอนุมัติคณะรัฐมนตรี มีอำนาจกู้เงินรายใหม่ในนามรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย เพื่อชำระหนี้ เงินกู้ต่างประเทศของกระทรวงการคลัง หรือของส่วนราชการ องค์การ ของรัฐ บริษัทจำกัดที่เป็นรัฐวิสาหกิจและสถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วย การกำหนดอำนาจกระทรวงการคลังในการค้ำประกันรายเดิมได้ ม
าตรา 4 การกู้เงินตามมาตรา 3 ให้กู้ได้จาก
(1) สถาบันการเงินระหว่างประเทศ
(2) รัฐบาลต่างประเทศ
(3) สถาบันการเงินของรัฐบาลต่างประเทศ หรือ
(4) แหล่งเงินกู้ของเอกชนในต่างประเทศ
มาตรา 5 การกู้เงินตามมาตรา 4 ในปีงบประมาณหนึ่ง ๆ จะต้อง มียอดเงินกู้ไม่เกินจำนวน ดังต่อไปนี้
(1) ในกรณีที่เป็นการกู้เงินเพื่อชำระหนี้เงินกู้ตามกฎหมายว่าด้วย การให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินจากต่างประเทศ กฎหมายว่าด้วยการ ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินจากรัฐบาลต่างประเทศเพื่อจัดซื้อยุทโธปกรณ์ ทางทหาร หรือตามกฎหมายว่าด้วยการกู้เงินเพื่อการป้องกันประเทศ ไม่เกิน ร้อยละยี่สิบห้าของยอดเงินคงค้างชำระทั้งหมดที่กระทรวงการคลังเป็นหนี้ผูกพัน อยู่ในฐานะผู้กู้
(2) ในกรณีที่เป็นการกู้เงินเพื่อชำระหนี้เงินกู้ที่กระทรวงการคลัง ค้ำประกันตามกฎหมายว่าด้วยการกำหนดอำนาจกระทรวงการคลังในการ ค้ำประกันหรือตามกฎหมายอื่น ไม่เกินร้อยละยี่สิบห้าของยอดเงินคงค้างชำระ ทั้งหมดที่กระทรวงการคลังเป็นหนี้ผูกพันอยู่ในฐานะผู้ค้ำประกัน การคำนวณเงินตราต่างประเทศสกุลใดเป็นเงินบาท ให้ใช้วิธีเทียบ ค่าเสมอภาคของเงินตราสกุลนั้น ในกรณีที่เงินตราสกุลนั้นไม่มีค่าเสมอภาค ให้ใช้อัตราแลกเปลี่ยนตามประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทยในวันที่ทำ สัญญากู้
มาตรา 6 ในการกู้เงินตามพระราชกำหนดนี้ จะทำเป็นสัญญากู้ หรือจะออกพันธบัตรหรือตราสารอย่างอื่นเป็นคราว ๆ ก็ได้ เงินที่ได้จากการกู้ตามวรรคหนึ่งให้นำไปชำระหนี้เงินกู้ต่างประเทศ รายเดิมโดยไม่ต้องนำส่งเป็นรายได้ตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณและ กฎหมายว่าด้วยเงินคงคลัง ในกรณีที่เป็นการกู้เงินเพื่อนำมาชำระหนี้เงินกู้ของบริษัทจำกัดที่เป็น รัฐวิสาหกิจ หรือสถาบันการเงินที่กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกันตามกฎหมาย ว่าด้วยการกำหนดอำนาจกระทรวงการคลังในการค้ำประกันหรือตามกฎหมายอื่น ให้ถือว่าจำนวนเงินที่กระทรวงการคลังกู้ตามพระราชกำหนดนี้เป็นจำนวนที่ นับรวมกับจำนวนเงินค้ำประกันที่กระทรวงการคลังก่อหนี้ผูกพันตามกฎหมาย ดังกล่าวด้วย
มาตรา 7 อัตราดอกเบี้ย เงื่อนไข ค่าธรรมเนียม ค่าใช้จ่าย การจัดการและวิธีการทุกอย่างเกี่ยวกับการกู้เงินต่างประเทศแต่ละคราว ให้เป็นไปตามที่คณะรัฐมนตรีกำหนด ในกรณีที่เป็นการกู้เงินเพื่อนำมาชำระหนี้เงินกู้ต่างประเทศของ องค์การของรัฐ บริษัทจำกัดที่เป็นรัฐวิสาหกิจหรือสถาบันการเงินตามกฎหมาย ว่าด้วยการกำหนดอำนาจกระทรวงการคลังในการค้ำประกัน ให้องค์การ ของรัฐ บริษัทจำกัดที่เป็นรัฐวิสาหกิจ หรือสถาบันการเงินดังกล่าวอยู่ในฐานะ ลูกหนี้ของกระทรวงการคลังเป็นจำนวนไม่เกินยอดเงินคงค้างชำระที่มีอยู่เดิม และค่าภาระต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอันจะพึงเกิดขึ้นใหม่ ทั้งนี้ ให้เป็นไปตาม เงื่อนไขที่คณะรัฐมนตรีกำหนด
มาตรา 8 ระยะเวลาชำระต้นเงินคืน ต้องไม่เกินห้าสิบปีนับแต่ วันทำสัญญากู้ หรือออกพันธบัตร หรือตราสารของการกู้เงินต่างประเทศรายเดิม
มาตรา 9 การกู้เงินต่างประเทศแต่ละคราวต้องประกาศในราชกิจจานุเบกษา ภายในเก้าสิบวันนับแต่วันทำสัญญากู้ หรือออกพันธบัตร หรือ ตราสารอย่างอื่น โดยระบุสกุลเงินกู้จำนวนเงินกู้ การเทียบค่าเป็นเงินบาท อัตราดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม ระยะเวลาชำระต้นเงินคืน และจะนำเงินกู้มา ชำระหนี้เงินกู้เดิมรายใด
มาตรา 10 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ซึ่งรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงการคลังมอบหมายมีอำนาจดำเนินการกู้เงินให้เป็นไปตาม พระราชกำหนดนี้ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่คณะรัฐมนตรีกำหนด
มาตรา 11 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตาม พระราชกำหนดนี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอก ป. ติณสูลานนท์
นายกรัฐมนตรี
หมายเหตุ:- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกำหนดฉบับนี้ คือ โดยที่ อัตราดอกเบี้ย ระยะเวลา และเงื่อนไขการกู้เงินจากต่างประเทศของรัฐ ที่มีอยู่ก่อนเป็นไปตามภาวะตลาดการเงินที่เข้มงวดและเป็นภาระผูกพันสูง ในภาวะที่ตลาดการเงินระหว่างประเทศผ่อนคลายเงื่อนไขการกู้เงิน รัฐจะ สามารถดำเนินการปรับโครงสร้าง ขยายระยะเวลาชำระหนี้ หรือลดภาระ หนี้เงินกู้ต่างประเทศ อันเป็นวิธีการที่จะลดต้นทุนการกู้เงิน และเป็นวิธีการ ที่จะทำให้การกำหนดและบริหารโครงสร้างภาระหนี้ของประเทศให้อยู่ใน ระดับที่สม่ำเสมอ โดยไม่เป็นภาระต่องบประมาณแผ่นดินเกินสมควร ทั้งยัง เป็นการสอดคล้องกับระบบการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ที่ลอยตัวด้วย แต่เนื่องจากขณะนี้ยังไม่มีบทบัญญัติที่ให้อำนาจกระทรวงการคลัง กระทำได้ จึงจำเป็นต้องมีกฎหมายว่าด้วยการนี้ และโดยที่ภาวะตลาด การเงินระหว่างประเทศที่มีสภาพผ่อนคลายนั้นมีระยะเวลาอันจำกัด ถ้าไม่รีบ ดำเนินการก็จะเสียโอกาส อันเป็นกรณีฉุกเฉินที่มีความจำเป็นรีบด่วนในอัน ที่จะรักษาความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ จึงจำเป็นต้องตรา พระราชกำหนดนี้