ความรู้ทั่วไป สารนิเทศ การศึกษา คอมพิวเตอร์ >>
กฎหมายไทย - พระราชบัญญัติ
พระราชบัญญัติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ พ.ศ. 2522
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
ให้ไว้ ณ วันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2522
เป็นปีที่ 34 ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำ และยินยอมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทำหน้าที่รัฐสภา ดังต่อไปนี้
มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัย สงขลานครินทร์ พ.ศ. 2522"
มาตรา 2* พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศใน ราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
*[รก.2522/61/1พ/25 เมษายน 2522]
มาตรา 3 ให้ยกเลิก
(1) พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ พ.ศ. 2511
(2) ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 182 ลงวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2515
(3) พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2517
บรรดากฎหมาย กฎ และข้อบังคับอื่นที่มีบัญญัติไว้แล้วในพระราชบัญญัตินี้ หรือซึ่งขัดหรือแย้งกับบทแห่งพระราชบัญญัตินี้ ให้ใช้พระราชบัญญัตินี้แทน
มาตรา 4 ให้มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ซึ่งจัดตั้งโดยพระราชบัญญัติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ พ.ศ. 2511 เป็นมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ตามพระราชบัญญัตินี้ และคงมีสภาพเป็นนิติบุคคล มีฐานะเป็นกรมในทบวง มหาวิทยาลัย
มาตรา 5 ในพระราชบัญญัตินี้ เว้นแต่จะได้มีข้อความให้เห็นเป็น อย่างอื่น "มหาวิทยาลัย" หมายความว่า มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ "สภามหาวิทยาลัย" หมายความว่า สภามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ "วิทยาเขต" หมายความว่า เขตการศึกษาของมหาวิทยาลัยที่มี คณะหรือวิทยาลัยตั้งแต่สองส่วนราชการขึ้นไปตั้งอยู่ในเขตนั้น ตามที่ สภามหาวิทยาลัยกำหนด
มาตรา 6 ให้รัฐมนตรีว่าการทบวงมหาวิทยาลัยรักษาการตาม พระราชบัญญัตินี้
หมวด 1
บททั่วไป
_______
มาตรา 7 ให้มหาวิทยาลัยเป็นสถานศึกษาและวิจัย มีวัตถุประสงค์ ให้การศึกษา ส่งเสริมวิชาการและวิชาชีพชั้นสูง ทำการสอนทำการวิจัย ให้บริการทางวิชาการแก่สังคม และทะนุบำรุงและถ่ายทอดคุณค่าทางศิลปะ และวัฒนธรรมของชาติ
มาตรา 8 มหาวิทยาลัยอาจแบ่งส่วนราชการดังนี้
(1) สำนักงานอธิการบดี
(2) สำนักงานวิทยาเขต
(3) บัณฑิตวิทยาลัย
(4) คณะ
(5) วิทยาลัย มหาวิทยาลัยอาจให้มีสถาบัน สำนัก และศูนย์หรือหน่วยงานที่เรียกชื่อ
อย่างอื่นเพื่อดำเนินการตามวัตถุประสงค์ในมาตรา 7 เป็นส่วนราชการ
ในมหาวิทยาลัยอีกได้ สำนักงานอธิการบดี และสำนักงานวิทยาเขต อาจแบ่งส่วนราชการ
เป็นกอง และแผนกหรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่น คณะ และวิทยาลัย
อาจแบ่งส่วนราชการเป็นสำนักงานเลขานุการ
และภาควิชาหรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่น บัณฑิตวิทยาลัย สถาบัน สำนัก
และศูนย์หรือหน่วยงานที่เรียกชื่อ อย่างอื่นอาจแบ่งส่วนราชการเป็นสำนักงานเลขานุการ
และแผนกหรือ ส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่น กอง และสำนักงานเลขานุการ
อาจแบ่งส่วนราชการเป็นแผนก หรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่น
มาตรา 9 การจัดตั้ง การรวม และการยุบเลิกสำนักงานวิทยาเขต บัณฑิตวิทยาลัย คณะ วิทยาลัย สถาบัน สำนัก และศูนย์หรือหน่วยงานที่เรียกชื่อ อย่างอื่น ให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา การแบ่งส่วนราชการเป็นภาควิชา กอง สำนักงานเลขานุการ และ แผนกหรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่น ให้ทำเป็นประกาศทบวงมหาวิทยาลัย และประกาศในราชกิจจานุเบกษา
มาตรา 10 ภายใต้วัตถุประสงค์ตามมาตรา 7 มหาวิทยาลัยจะรับ สถาบันการศึกษาชั้นสูง หรือสถาบันวิจัยอื่นเข้าสมทบในมหาวิทยาลัยก็ได้ และ มีอำนาจให้ปริญญา ประกาศนียบัตรบัณฑิต อนุปริญญา หรือประกาศนียบัตรแก่ ผู้สำเร็จการศึกษาจากสถาบันการศึกษาชั้นสูงนั้น การรับเข้าสมทบหรือการยกเลิกการสมทบซึ่งสถาบันการศึกษาชั้นสูง หรือสถาบันวิจัย ให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา การควบคุมสถาบันการศึกษาชั้นสูงหรือสถาบันวิจัยที่เข้าสมทบใน มหาวิทยาลัยให้เป็นไปตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัย
มาตรา 11* นอกจากเงินที่กำหนดไว้ในงบประมาณแผ่นดิน มหาวิทยาลัยอาจมีรายได้ดังนี้
(1) เงินผลประโยชน์ ค่าธรรมเนียม ค่าปรับ และค่าบริการต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัย
(2) เงินและทรัพย์สินซึ่งมีผู้อุทิศให้แก่มหาวิทยาลัย
(3) รายได้หรือผลประโยชน์ที่ได้มาจากการใช้ที่ราชพัสดุซึ่งมหาวิทยาลัย ปกครอง ดูแล
หรือใช้ประโยชน์
(4) รายได้หรือผลประโยชน์อื่น ๆ ให้มหาวิทยาลัยมีอำนาจในการปกครอง ดูแล บำรุงรักษา
ใช้และจัดหา ประโยชน์จากทรัพย์สินของมหาวิทยาลัย
ทั้งที่เป็นที่ราชพัสดุตามกฎหมายว่าด้วยที่ ราชพัสดุและที่เป็นทรัพย์สินอื่น
รายได้ของมหาวิทยาลัยรวมทั้งเบี้ยปรับที่เกิดจากการดำเนินการตาม วัตถุประสงค์ของมหาวิทยาลัยไม่เป็นรายได้ที่ต้องนำส่งกระทรวงการคลังตาม กฎหมายว่าด้วยเงินคงคลังและกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ เว้นแต่เบี้ยปรับ ที่เกิดจากการผิดสัญญาลาศึกษา และเบี้ยปรับที่เกิดจากการผิดสัญญาซื้อทรัพย์สิน หรือสัญญาจ้างทำของที่ดำเนินการโดยใช้เงินงบประมาณ
*[แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติฯ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2541]
มาตรา 11 ทวิ* บรรดาอสังหาริมทรัพย์ที่มหาวิทยาลัยได้มาโดยมีผู้อุทิศให้ หรือได้มาโดยการซื้อหรือแลกเปลี่ยนจากรายได้ของมหาวิทยาลัย ไม่ถือเป็น ที่ราชพัสดุ และให้เป็นกรรมสิทธิ์ของมหาวิทยาลัย
*[แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติฯ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2541]
มาตรา 12 บรรดารายได้และทรัพย์สินของมหาวิทยาลัย จะต้อง จัดการเพื่อประโยชน์ของมหาวิทยาลัย หรือตามวัตถุประสงค์ของมหาวิทยาลัย ดังระบุไว้ในมาตรา 7 ทรัพย์สินตามมาตรา 11 (2) ต้องจัดการตามวัตถุประสงค์ซึ่งผู้ให้ ทรัพย์สินกำหนดไว้
| หน้าถัดไป »