ความรู้ทั่วไป สารนิเทศ การศึกษา คอมพิวเตอร์ >>
กฎหมายไทย - พระราชบัญญัติ
พระราชบัญญัติ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง พ.ศ. 2541
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
ให้ไว้ ณ วันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2541
เป็นปีที่ 53 ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มี พระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรจัดตั้งมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้ โดยคำแนะนำและยินยอมของรัฐสภา ดังต่อไปนี้
มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัย แม่ฟ้าหลวง พ.ศ. 2541"
มาตรา 2* พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศ ในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป
*[รก 2541/65ก./1/25 กันยายน 2541]
มาตรา 3 ในพระราชบัญญัตินี้
"มหาวิทยาลัย" หมายความว่า มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
"สภามหาวิทยาลัย" หมายความว่า สภามหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
"สภาวิชาการ" หมายความว่า สภาวิชาการมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
"รัฐมนตรี" หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา 4 ให้รัฐมนตรีว่าการทบวงมหาวิทยาลัยรักษาการตาม พระราชบัญญัตินี้
หมวด 1
การจัดตั้ง วัตถุประสงค์ และอำนาจหน้าที่
________
มาตรา 5 ให้จัดตั้งมหาวิทยาลัยขึ้นในจังหวัดเชียงราย เรียกว่า "มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง" มีฐานะเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐที่ไม่เป็นส่วนราชการ ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดินและกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุง กระทรวง ทบวง กรม อยู่ในกำกับดูแลของรัฐบาล ให้มหาวิทยาลัยเป็นนิติบุคคล มีวัตถุประสงค์ให้การศึกษา ส่งเสริม ประยุกต์ และพัฒนาวิชาการและวิชาชีพชั้นสูง ทำการสอน ทำการวิจัย ให้บริการ ทางวิชาการแก่สังคม ทะนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
มาตรา 6 มหาวิทยาลัยอาจแบ่งส่วนงาน ดังนี้
(1) สำนักงานบริหารกลาง
(2) สำนักวิชา
(3) สถาบัน
(4) ศูนย์ มหาวิทยาลัยอาจให้มีส่วนงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่า
สำนักวิชา สถาบัน หรือศูนย์เพื่อดำเนินการตามวัตถุประสงค์ในมาตรา 5 เป็น
ส่วนงานในมหาวิทยาลัยอีกได้
สำนักงานบริหารกลาง อาจแบ่งส่วนงานเป็นกองหรือส่วนงานที่ เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่ากอง สำนักวิชาหรือส่วนงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าสำนักวิชา อาจแบ่งส่วนงานเป็นสำนัก สาขาวิชา สถานวิจัย หรือส่วนงานที่เรียกชื่ออย่างอื่น ที่มีฐานะเทียบเท่าสาขาวิชาหรือสถานวิจัย สถาบัน ศูนย์ หรือส่วนงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่า สถาบันหรือศูนย์ อาจแบ่งส่วนงานเป็นสำนักงาน กอง ฝ่าย หรือส่วนงานที่เรียกชื่อ อย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่ากองหรือฝ่าย สำนักงาน กอง ฝ่าย หรือส่วนงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่า สำนักงาน กอง หรือฝ่าย อาจแบ่งส่วนงานเป็นแผนกหรือส่วนงานที่เรียกชื่ออย่างอื่น ที่มีฐานะเทียบเท่าแผนก
มาตรา 7 การจัดตั้ง การรวม และการยุบเลิกสำนักวิชา สถาบัน ศูนย์ หรือส่วนงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าสำนักวิชา สถาบัน หรือศูนย์ ให้ทำเป็นข้อกำหนดของมหาวิทยาลัยโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
การแบ่งส่วนงานเป็นสำนักงาน กอง ฝ่าย หรือส่วนงานที่เรียกชื่อ อย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่ากองหรือฝ่าย ให้ทำเป็นประกาศของมหาวิทยาลัยโดย ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
มาตรา 8 ภายใต้วัตถุประสงค์ตามมาตรา 5 มหาวิทยาลัยจะรับ สถาบันการศึกษาชั้นสูงหรือสถาบันวิจัยอื่นเข้าสมทบในมหาวิทยาลัยก็ได้ และมีอำนาจ ให้ปริญญา อนุปริญญา หรือประกาศนียบัตรชั้นใดชั้นหนึ่งแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจาก สถาบันการศึกษาชั้นสูงหรือสถาบันวิจัยนั้นได้ การรับเข้าสมทบหรือการยกเลิกการสมทบซึ่งสถาบันการศึกษาชั้นสูง หรือสถาบันวิจัย ให้ทำเป็นข้อกำหนดของมหาวิทยาลัยโดยประกาศในราชกิจจา นุเบกษา การควบคุมสถาบันการศึกษาชั้นสูงหรือสถาบันวิจัยที่เข้าสมทบใน มหาวิทยาลัย ให้เป็นไปตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัย
มาตรา 9 กิจการของมหาวิทยาลัยไม่อยู่ภายใต้บังคับแห่งกฎหมาย ว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานกฎหมายว่าด้วยแรงงานสัมพันธ์ กฎหมายว่าด้วยการ ประกันสังคมและกฎหมายว่าด้วยเงินทดแทน ทั้งนี้ พนักงานและลูกจ้างของ มหาวิทยาลัยต้องได้รับประโยชน์ตอบแทนไม่น้อยกว่าที่กำหนดไว้ตามกฎหมายว่าด้วย การคุ้มครองแรงงาน กฎหมายว่าด้วยการประกันสังคมและกฎหมายว่าด้วยเงิน ทดแทน
มาตรา 10 มหาวิทยาลัยมีอำนาจและหน้าที่กระทำการต่าง ๆ ตาม วัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ในมาตรา 5 อำนาจและหน้าที่เช่นว่านี้ให้รวมถึง
(1) ซื้อ สร้าง จัดหา โอน รับโอน เช่า ให้เช่า เช่าซื้อ ให้เช่าซื้อ แลกเปลี่ยน ถือกรรมสิทธิ์ มีสิทธิครอบครอง มีสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาหรือมีทรัพยสิทธิ ต่าง ๆ ในทรัพย์สิน และจำหน่ายสังหาริมทรัพย์หรืออสังหาริมทรัพย์ทั้งภายในและ ภายนอกราชอาณาจักร ตลอดจนรับเงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้อุดหนุนหรืออุทิศให้ การจำหน่ายหรือแลกเปลี่ยนอสังหาริมทรัพย์ของมหาวิทยาลัย ให้กระทำ ได้เฉพาะอสังหาริมทรัพย์ที่ได้มาตามมาตรา 12 ซึ่งมีวัตถุประสงค์ให้จำหน่ายหรือ แลกเปลี่ยนได้
(2) รับค่าธรรมเนียม ค่าบำรุง ค่าตอบแทน เบี้ยปรับ และค่าบริการ ในการให้บริการภายในอำนาจหน้าที่ของมหาวิทยาลัย รวมทั้งทำความตกลงและ กำหนดเงื่อนไขเกี่ยวกับค่าตอบแทนและค่าบริการนั้น
(3) ร่วมมือกับหน่วยงานอื่นไม่ว่าจะเป็นของรัฐหรือของเอกชน หรือ กับองค์การหรือหน่วยงานต่างประเทศหรือระหว่างประเทศ ในกิจการที่เกี่ยวกับ การดำเนินการตามวัตถุประสงค์ในมาตรา 5
(4) กู้ยืมเงิน ให้กู้ยืมเงินโดยมีหลักประกันด้วยบุคคลหรือทรัพย์ ร่วมลงทุนหรือลงทุน ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการดำเนินงานตามวัตถุประสงค์ใน มาตรา 5 การกู้ยืมเงิน การให้กู้ยืมเงิน การร่วมลงทุน หรือการลงทุน ถ้าเป็น จำนวนเงินไม่เกินหนึ่งในสี่ของจำนวนทรัพย์สินของมหาวิทยาลัย ต้องได้รับความ เห็นชอบจากสภามหาวิทยาลัย ถ้าเป็นจำนวนเงินเกินหนึ่งในสี่ต้องได้รับความเห็น ชอบจากรัฐมนตรี และถ้าเป็นจำนวนเงินเกินครึ่งหนึ่งต้องได้รับความเห็นชอบจาก คณะรัฐมนตรีก่อน
(5) จัดให้มีทุนการศึกษาและทุนการวิจัยในสาขาวิชาต่าง ๆ
(6) จัดตั้งองค์กรที่เป็นนิติบุคคลเพื่อประโยชน์ในการดำเนินการ ตามวัตถุประสงค์ในมาตรา 5
มาตรา 11 รายได้ของมหาวิทยาลัยมีดังนี้
(1) เงินอุดหนุนทั่วไปที่รัฐบาลจัดสรรให้
(2) ค่าธรรมเนียม ค่าบำรุง ค่าตอบแทน เบี้ยปรับ และค่าบริการ ต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัย
(3) เงินและทรัพย์สินที่มีผู้อุดหนุนหรืออุทิศให้แก่มหาวิทยาลัย
(4) รายได้หรือผลประโยชน์ที่ได้จากการลงทุนและจากทรัพย์สินของ มหาวิทยาลัย
(5) รายได้หรือผลประโยชน์ที่ได้มาจากการใช้ที่ราชพัสดุหรือจัดหา
ประโยชน์ในที่ราชพัสดุซึ่งมหาวิทยาลัยปกครอง ดูแล หรือใช้ประโยชน์
(6) รายได้หรือผลประโยชน์อย่างอื่น
เงินอุดหนุนทั่วไปตาม (1) นั้น รัฐบาลพึงจัดสรรให้แก่มหาวิทยาลัย โดยตรง โดยการเสนอแนะของทบวงมหาวิทยาลัย เป็นจำนวนที่เพียงพอสำหรับ ค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของมหาวิทยาลัยที่กำหนดใน มาตรา 5 และในการพัฒนาการอุดมศึกษาที่อยู่ในความรับผิดชอบของมหาวิทยาลัย ให้มหาวิทยาลัยมีอำนาจในการปกครอง ดูแล บำรุงรักษา ใช้ และ จัดหาประโยชน์จากทรัพย์สินของมหาวิทยาลัย ทั้งที่เป็นที่ราชพัสดุตามกฎหมายว่าด้วย ที่ราชพัสดุและที่เป็นทรัพย์สินอื่น รายได้ของมหาวิทยาลัยไม่เป็นรายได้ที่ต้องนำส่งกระทรวงการคลัง ตามกฎหมายว่าด้วยเงินคงคลังและกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ ในกรณีรายได้ตามวรรคหนึ่งมีจำนวนไม่เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่าย ในการดำเนินการของมหาวิทยาลัยและค่าภาระต่างๆ ที่เหมาะสม และมหาวิทยาลัย ไม่สามารถหาเงินจากแหล่งอื่นได้ รัฐบาลพึงจัดสรรเงินงบประมาณแผ่นดินให้แก่ มหาวิทยาลัยเท่าจำนวนที่จำเป็น
มาตรา 12 บรรดาอสังหาริมทรัพย์ที่มหาวิทยาลัยได้มาโดยมีผู้อุทิศ ให้หรือได้มาโดยการซื้อด้วยเงินรายได้ของมหาวิทยาลัย หรือแลกเปลี่ยนกับทรัพย์สิน ของมหาวิทยาลัย ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของมหาวิทยาลัย
มาตรา 13 ทรัพย์สินของมหาวิทยาลัยไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี และบุคคลใดจะยกอายุความขึ้นเป็นข้อต่อสู้กับมหาวิทยาลัยในเรื่องทรัพย์สิน ของมหาวิทยาลัยมิได้
มาตรา 14 บรรดารายได้และทรัพย์สินของมหาวิทยาลัยจะต้องจัดการ เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ของมหาวิทยาลัยดังระบุไว้ในมาตรา 5 และตามวัตถุประสงค์ ที่ผู้อุดหนุนหรืออุทิศเงินหรือทรัพย์สินให้แก่มหาวิทยาลัยกำหนดไว้
| หน้าถัดไป »