ความรู้ทั่วไป สารนิเทศ การศึกษา คอมพิวเตอร์ >>

กฎหมายไทย - พระราชบัญญัติ

พระราชบัญญัติ มหาวิทยาลัยมหิดล พ.ศ. 2530

ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.

ให้ไว้ ณ วันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2530
เป็นปีที่ 42 ในรัชกาลปัจจุบัน

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยมหาวิทยาลัยมหิดล จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำ และยินยอมของรัฐสภา ดังต่อไปนี้

มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยมหิดล พ.ศ. 2530"

มาตรา 2* พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศใน ราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

*[รก.2530/229/1พ/11 พฤศจิกายน 2530]

มาตรา 3 ให้ยกเลิก

(1) พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยมหิดล พ.ศ. 2512
(2) ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 183 ลงวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2515
(3) ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 197 ลงวันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2515 บรรดาบทกฎหมาย กฎ และข้อบังคับอื่นในส่วนที่มีบัญญัติไว้แล้วใน พระราชบัญญัตินี้ หรือซึ่งขัด หรือแย้งกับบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ ให้ใช้ พระราชบัญญัตินี้แทน

มาตรา 4 ให้มหาวิทยาลัยมหิดลซึ่งจัดตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติ มหาวิทยาลัยมหิดล พ.ศ. 2512 เป็นมหาวิทยาลัยมหิดลตามพระราชบัญญัตินี้ และเป็นนิติบุคคล

มาตรา 5 ในพระราชบัญญัตินี้ "มหาวิทยาลัย" หมายความว่า มหาวิทยาลัยมหิดล "สภามหาวิทยาลัย" หมายความว่า สภามหาวิทยาลัยมหิดล

มาตรา 6 ให้รัฐมนตรีว่าการทบวงมหาวิทยาลัยรักษาการตาม พระราชบัญญัตินี้และให้มีอำนาจออกประกาศเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ ประกาศนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้

หมวด 1
บททั่วไป
______

มาตรา 7 ให้มหาวิทยาลัยเป็นสถาบันอุดมศึกษา มีวัตถุประสงค์ให้ การศึกษา ส่งเสริมการศึกษา และวิจัยที่เป็นไปเพื่อสนองความต้องการของ ประเทศชาติ ผลิตบุคลากรที่มีความสามารถในวิชาชีพและเพียบพร้อมด้วย คุณธรรม ให้บริการทางวิชาการแก่สังคมและทะนุบำรุงศิลปะและวัฒนธรรม

มาตรา 8 มหาวิทยาลัยอาจแบ่งส่วนราชการ ดังนี้

(1) สำนักงานอธิการบดี
(2) บัณฑิตวิทยาลัย
(3) คณะ
(4) วิทยาลัย
(5) สถาบัน

มหาวิทยาลัยอาจให้มีศูนย์ สำนัก และส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่น ที่มีฐานะเทียบเท่าคณะ เพื่อดำเนินการตามวัตถุประสงค์ในมาตรา 7 เป็น ส่วนราชการในมหาวิทยาลัยอีกได้ สำนักงานอธิการบดีอาจแบ่งส่วนราชการเป็นกองและส่วนราชการที่ เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่ากอง บัณฑิตวิทยาลัยและคณะอาจแบ่งส่วนราชการเป็นสำนักงานคณบดี โรงพยาบาล ภาควิชา กอง และส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะ เทียบเท่าภาควิชาหรือกอง วิทยาลัยอาจแบ่งส่วนราชการเป็นสำนักงานผู้อำนวยการ ภาควิชา กอง และส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าภาควิชาหรือกอง สถาบัน ศูนย์ สำนัก และส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะ เทียบเท่าคณะ อาจแบ่งส่วนราชการเป็นสำนักงานผู้อำนวยการ กอง และ ส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่ากอง สำนักงานคณบดี สำนักงานผู้อำนวยการ ภาควิชา กอง และส่วน ราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าภาควิชาหรือกอง อาจแบ่ง ส่วนราชการออกเป็นแผนก และส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะ เทียบเท่าแผนก โรงพยาบาลอาจแบ่งส่วนราชการออกเป็นกอง แผนก และส่วน ราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่ากองหรือแผนก

มาตรา 9 การจัดตั้ง การรวม การยุบ บัณฑิตวิทยาลัย คณะ วิทยาลัย สถาบัน ศูนย์ สำนัก และส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะ เทียบเท่าคณะ ให้ทำเป็นพระราชกฤษฎีกา การแบ่งส่วนราชการตามมาตรา 8 ให้ทำเป็นประกาศทบวง มหาวิทยาลัย

มาตรา 10 ภายใต้วัตถุประสงค์ตามมาตรา 7 มหาวิทยาลัยอาจ รับสถาบันวิชาการชั้นสูงและสถาบันอื่นเข้าสมทบหรือเข้าร่วมในมหาวิทยาลัยได้ และมีอำนาจให้ปริญญาหรือวุฒิบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากสถาบันสมทบได้ การรับสถาบันวิชาการชั้นสูงและสถาบันอื่นเข้าสมทบ การยกเลิก การเข้าสมทบ การรับสถาบันดังกล่าวเข้าร่วมและการยกเลิกการเข้าร่วม ให้เป็นไปตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัยและทำเป็นประกาศทบวงมหาวิทยาลัย การควบคุมและการกำกับสถาบันสมทบและสถาบันร่วม ให้เป็นไป ตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัย

มาตรา 11* นอกจากเงินที่กำหนดไว้ในงบประมาณแผ่นดินมหาวิทยาลัย อาจมีรายได้ ดังนี้

(1) เงินผลประโยชน์ ค่าธรรมเนียม ค่าปรับ และค่าบริการต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัย
(2) เงินและทรัพย์สินซึ่งมีผู้อุทิศให้แก่มหาวิทยาลัย
(3) รายได้หรือผลประโยชน์ที่ได้จากการใช้ที่ราชพัสดุ ซึ่งมหาวิทยาลัย เป็นผู้ปกครอง ดูแล หรือใช้ประโยชน์
(4) รายได้หรือผลประโยชน์อื่น ๆ ให้มหาวิทยาลัยมีอำนาจในการปกครอง ดูแล บำรุงรักษา ใช้และจัดหา ประโยชน์จากทรัพย์สินของมหาวิทยาลัย ทั้งที่เป็นที่ราชพัสดุตามกฎหมายว่าด้วย ที่ราชพัสดุและที่เป็นทรัพย์สินอื่น รายได้ของมหาวิทยาลัยรวมทั้งเบี้ยปรับที่เกิดจากการดำเนินการตาม วัตถุประสงค์ของมหาวิทยาลัยไม่เป็นรายได้ที่ต้องนำส่งกระทรวงการคลังตาม กฎหมายว่าด้วยเงินคงคลังและกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ เว้นแต่เบี้ยปรับ ที่เกิดจากการผิดสัญญาลาศึกษา และเบี้ยปรับที่เกิดจากการผิดสัญญาซื้อทรัพย์สิน หรือสัญญาจ้างทำของที่ดำเนินการโดยใช้เงินงบประมาณ

*[แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติฯ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2541]

มาตรา 11 ทวิ* บรรดาอสังหาริมทรัพย์ที่มหาวิทยาลัยได้มาโดย มีผู้อุทิศให้หรือได้มาโดยการซื้อหรือแลกเปลี่ยนจากรายได้ของมหาวิทยาลัย ไม่ถือเป็นที่ราชพัสดุ และให้เป็นกรรมสิทธิ์ของมหาวิทยาลัย *[แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติฯ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2541]

มาตรา 12 บรรดารายได้และทรัพย์สินของมหาวิทยาลัยจะต้อง จัดการเพื่อประโยชน์และตามวัตถุประสงค์ของมหาวิทยาลัย ทรัพย์สินที่มีผู้ให้แก่มหาวิทยาลัยจะต้องจัดการตามเงื่อนไขที่ผู้ให้ กำหนดไว้ และตามวัตถุประสงค์ของมหาวิทยาลัย

 | หน้าถัดไป »

แชร์ไปที่ไหนดี แชร์ให้เพื่อนสิ แชร์ให้เพื่อนได้ แชร์ให้เพื่อนเลย