ความรู้ทั่วไป สารนิเทศ การศึกษา คอมพิวเตอร์ >>

กฎหมายไทย - พระราชบัญญัติ

พระราชบัญญัติ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พ.ศ. 2530

หน้า 3

หมวด 3
ตำแหน่งทางวิชาการ
 ______

มาตรา 37 คณาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยมีตำแหน่งทางวิชาการ ดังนี้

(1) ศาสตราจารย์
(2) รองศาสตราจารย์
(3) ผู้ช่วยศาสตราจารย์
(4) อาจารย์ คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ และวิธีการแต่งตั้งและถอดถอนคณาจารย์ประจำ ตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือนใน มหาวิทยาลัย

มาตรา 38 อธิการบดีอาจแต่งตั้งผู้ซึ่งมีคุณสมบัติเหมาะสมและมิได้ เป็นคณาจารย์ประจำของมหาวิทยาลัยเป็นรองศาสตราจารย์พิเศษ ผู้ช่วย ศาสตราจารย์พิเศษ และอาจารย์พิเศษได้โดยคำแนะนำของคณบดี ผู้อำนวยการ หรือหัวหน้าหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าคณะ คุณสมบัติและหลักเกณฑ์ในการแต่งตั้งรองศาสตราจารย์พิเศษ ผู้ช่วย ศาสตราจารย์พิเศษและอาจารย์พิเศษ ให้เป็นไปตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัย

มาตรา 39 ศาสตราจารย์พิเศษนั้น จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งโดยคำแนะนำของสภามหาวิทยาลัย คุณสมบัติและหลักเกณฑ์ในการแต่งตั้งศาสตราจารย์พิเศษ ให้เป็นไป ตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัย

มาตรา 40 ศาสตราจารย์ซึ่งมีความรู้ความสามารถและความชำนาญ เป็นพิเศษ และพ้นจากตำแหน่งไปโดยไม่มีความผิด สภามหาวิทยาลัยอาจ แต่งตั้งให้เป็นศาสตราจารย์เกียรติคุณในสาขาวิชาที่ศาสตราจารย์นั้นมีความ เชี่ยวชาญเพื่อเป็นเกียรติยศได้ คุณสมบัติของผู้ที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นศาสตราจารย์เกียรติคุณ ให้เป็นไป ตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัย

หมวด 4
ปริญญาและเครื่องหมายวิทยฐานะ
 ________

มาตรา 41 ปริญญามีสามชั้น คือ เอก เรียกว่า ดุษฎีบัณฑิต ใช้อักษรย่อ ด. โท เรียกว่า มหาบัณฑิต ใช้อักษรย่อ ม. ตรี เรียกว่า บัณฑิต ใช้อักษรย่อ บ.

มาตรา 42 มหาวิทยาลัยมีอำนาจให้ปริญญาในสาขาวิชาที่มีการสอน ในมหาวิทยาลัย การกำหนดให้สาขาวิชาใดมีปริญญาชั้นใด และจะใช้อักษรย่อสำหรับ สาขาวิชานั้นอย่างไรให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา

มาตรา 43 สภามหาวิทยาลัยอาจออกข้อบังคับให้ผู้สำเร็จการ ศึกษาชั้นปริญญาตรี ได้รับปริญญาตรีเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง หรือปริญญาตรี เกียรตินิยมอันดับสองได้

มาตรา 44 สภามหาวิทยาลัยอาจออกข้อบังคับกำหนดให้มี ประกาศนียบัตรบัณฑิต อนุปริญญา และประกาศนียบัตรสำหรับสาขาวิชาใดได้ ดังนี้

(1) ประกาศนียบัตรบัณฑิต ออกให้แก่ผู้สำเร็จการศึกษาในสาขา วิชาหนึ่งสาขาวิชาใดภายหลังที่ได้รับปริญญาแล้ว
(2) อนุปริญญา ออกให้แก่ผู้สำเร็จการศึกษาตามหลักสูตรในสาขา วิชาหนึ่งสาขาวิชาใดก่อนถึงขั้นได้รับปริญญาตรี
(3) ประกาศนียบัตร ออกให้แก่ผู้สำเร็จการศึกษาเฉพาะวิชา

มาตรา 45 มหาวิทยาลัยมีอำนาจให้ปริญญากิตติมศักดิ์แก่บุคคลซึ่ง สภามหาวิทยาลัยเห็นว่าทรงคุณวุฒิสมควรแก่ปริญญานั้น ๆ แต่จะให้ปริญญา ดังกล่าวแก่คณาจารย์ประจำผู้ดำรงตำแหน่งต่าง ๆ ในมหาวิทยาลัยหรือ กรรมการสภามหาวิทยาลัยไม่ได้ ชั้น สาขาของปริญญา และวิธีการให้ปริญญากิตติมศักดิ์ ให้เป็นไป ตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัย

มาตรา 46 มหาวิทยาลัยอาจกำหนดให้มีครุยวิทยฐานะหรือเข็ม วิทยฐานะเป็นเครื่องหมายแสดงวิทยฐานะของผู้ได้รับปริญญา ประกาศนียบัตร บัณฑิต อนุปริญญา และประกาศนียบัตร และอาจกำหนดให้มีครุยประจำตำแหน่ง กรรมการสภามหาวิทยาลัย หรือครุยประจำตำแหน่งคณาจารย์ของมหาวิทยาลัย ก็ได้ การกำหนดลักษณะ ชนิด ประเภท และส่วนประกอบของครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่ง ให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งจะใช้ใน โอกาสใดโดยมีเงื่อนไขอย่างใด ให้เป็นไปตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัย

มาตรา 47 สภามหาวิทยาลัยอาจออกข้อบังคับกำหนดให้มีเครื่องแบบ เครื่องหมายหรือเครื่องแต่งกายนักศึกษาได้ โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา

หมวด 5
บทกำหนดโทษ
 ______

มาตรา 48 ผู้ใดใช้ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ ครุยประจำ ตำแหน่ง เครื่องแบบ เครื่องหมาย หรือเครื่องแต่งกายนักศึกษาของ มหาวิทยาลัย โดยไม่มีสิทธิที่จะใช้ หรือแสดงด้วยประการใด ๆ ว่าตนมี ปริญญา ประกาศนียบัตรบัณฑิต อนุปริญญา ประกาศนียบัตร หรือตำแหน่ง ของมหาวิทยาลัย โดยที่ตนไม่มีสิทธิ ถ้าได้กระทำเพื่อให้บุคคลอื่นเชื่อว่าตน มีสิทธิจะใช้หรือมีวิทยฐานะ หรือตำแหน่งเช่นนั้นต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน หกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

บทเฉพาะกาล
______

มาตรา 49 ให้นายกสภามหาวิทยาลัยและกรรมการสภามหาวิทยาลัย ซึ่งดำรงตำแหน่งอยู่ในวันที่พระราชบัญญัตินี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ยังคง ปฏิบัติหน้าที่ของสภามหาวิทยาลัยอยู่ต่อไป จนกว่าจะได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งนายกสภามหาวิทยาลัยและกรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิตาม มาตรา 13 (1) และ (3) และได้มีการเลือกตั้งกรรมการสภามหาวิทยาลัย ตามมาตรา 13 (4) และ (5) ซึ่งต้องไม่เกินหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่ พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ในระหว่างที่ยังไม่มีข้อบังคับเกี่ยวกับการประชุมสภามหาวิทยาลัยตาม มาตรา 16 ให้นำบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พ.ศ.2512 ว่าด้วยเรื่องนี้ใช้บังคับไปพลางก่อน

มาตรา 50 ให้ผู้ดำรงตำแหน่งอธิการบดีอยู่ในวันที่พระราชบัญญัตินี้ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งดำรงตำแหน่งยังไม่ครบสองปีนับแต่วันที่ได้ทรง พระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งคงดำรงตำแหน่งต่อไปจนครบสองปี ให้ผู้ดำรงตำแหน่งรองอธิการบดีอยู่ในวันที่พระราชบัญญัตินี้ประกาศ ในราชกิจจานุเบกษาคงดำรงตำแหน่งต่อไป จนกว่าผู้ดำรงตำแหน่งอธิการบดี จะพ้นจากตำแหน่งตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้ดำรงตำแหน่งคณบดี ผู้อำนวยการสถาบัน ผู้อำนวยการสำนัก และหัวหน้าภาควิชาอยู่ในวันที่พระราชบัญญัตินี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งดำรงตำแหน่งยังไม่ครบสี่ปีนับแต่วันที่ได้รับแต่งตั้งคงดำรงตำแหน่งต่อไป จนครบสี่ปี

ให้ผู้ดำรงตำแหน่งรองคณบดีอยู่ในวันที่พระราชบัญญัตินี้ประกาศใน ราชกิจจานุเบกษาคงดำรงตำแหน่งต่อไป จนกว่าผู้ดำรงตำแหน่งคณบดีจะพ้น จากตำแหน่งตามวรรคสาม

มาตรา 51 ให้ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานและกรรมการใน คณะกรรมการประจำคณะ คณะกรรมการประจำบัณฑิตวิทยาลัย คณะกรรมการ ประจำสถาบัน และคณะกรรมการประจำสำนักอยู่ในวันที่พระราชบัญญัตินี้ ประกาศในราชกิจจานุเบกษาคงดำรงตำแหน่งต่อไปจนกว่าจะมีการแต่งตั้ง ผู้ดำรงตำแหน่งขึ้นใหม่ ซึ่งต้องไม่เกินหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่พระราช บัญญัตินี้ใช้บังคับ

มาตรา 52 ให้ผู้ดำรงตำแหน่งกรรมการส่งเสริมมหาวิทยาลัย ซึ่งสภามหาวิทยาลัยได้แต่งตั้งขึ้นตามความในมาตรา 15 (9) แห่งพระราช บัญญัติมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พ.ศ. 2512 อยู่ในวันที่พระราชบัญญัตินี้ประกาศ ในราชกิจจานุเบกษา ยังคงดำรงตำแหน่งต่อไป จนกว่าจะมีการแต่งตั้ง กรรมการดังกล่าวตามมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัตินี้

มาตรา 53 ให้ผู้ซึ่งเป็นศาสตราจารย์ประจำ ศาสตราจารย์ เกียรติคุณ ศาสตราจารย์พิเศษ รองศาสตราจารย์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ และอาจารย์ประจำของมหาวิทยาลัย อยู่ในวันที่พระราชบัญญัตินี้ประกาศใน ราชกิจจานุเบกษา มีฐานะเป็นศาสตราจารย์ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ศาสตราจารย์พิเศษ รองศาสตราจารย์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ และอาจารย์ ต่อไปตามพระราชบัญญัตินี้

มาตรา 54 ในระหว่างที่ยังมิได้ตราพระราชกฤษฎีกาหรือออก ประกาศทบวงมหาวิทยาลัย ข้อบังคับ และระเบียบเพื่อปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ ให้นำพระราชกฤษฎีกา ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ประกาศทบวงมหาวิทยาลัย ข้อบังคับ และระเบียบที่ใช้อยู่ในวันที่พระราชบัญญัตินี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา มาใช้บังคับโดยอนุโลม

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

พลเอก ป. ติณสูลานนท์
นายกรัฐมนตรี

________________________________

หมายเหตุ:- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่กฎหมาย ว่าด้วยมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ใช้บังคับมาเป็นเวลานานแล้ว มีบทบัญญัติ ไม่เหมาะสมกับกาลสมัย และการดำเนินงานของมหาวิทยาลัยในฐานะที่เป็น สถาบันอุดมศึกษาของชาติและศูนย์กลางทางวิชาการในภาคเหนือทั้งในการผลิต บัณฑิตสาขาวิชาต่าง ๆ การค้นคว้า การวิจัย และการบริการทางวิชาการแก่ สังคม ตลอดจนภารกิจอื่น ๆ อันจำเป็นต่อการพัฒนาประเทศ สมควรปรับปรุง โครงสร้างและระบบบริหารมหาวิทยาลัยเสียใหม่ เพื่อให้การบริหารการศึกษา คล่องตัวและเหมาะสมกับสภาพการณ์ในปัจจุบัน จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้

________________________________

พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2541

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัตินี้ คือ โดยที่เป็นการ สมควรกำหนดให้มหาวิทยาลัยสามารถนำรายได้ของมหาวิทยาลัยไปใช้ใน กิจการของมหาวิทยาลัยได้ โดยไม่ต้องนำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน และให้ มหาวิทยาลัยมีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ที่ได้มาโดยมีผู้อุทิศให้หรือได้มา โดยการซื้อหรือการแลกเปลี่ยนจากรายได้ของมหาวิทยาลัยโดยไม่ถือเป็น ที่ราชพัสดุ เพื่อความคล่องตัวในการบริหารกิจการของมหาวิทยาลัยและ การจัดหาประโยชน์ในอสังหาริมทรัพย์ของมหาวิทยาลัยหรือที่มหาวิทยาลัย ปกครอง ดูแล หรือใช้ประโยชน์ จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ [รก.2530/269/23พ./28 ธันวาคม 2530]

« ย้อนกลับ |

แชร์ไปที่ไหนดี แชร์ให้เพื่อนสิ แชร์ให้เพื่อนได้ แชร์ให้เพื่อนเลย