ความรู้ทั่วไป สารนิเทศ การศึกษา คอมพิวเตอร์ >>
กฎหมายไทย - พระราชบัญญัติ
พระราชบัญญัติ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พ.ศ. 2530
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
ให้ไว้ ณ วันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2530
เป็นปีที่ 42 ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำ และยินยอมของรัฐสภา ดังต่อไปนี้
มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัย เชียงใหม่ พ.ศ. 2530"
มาตรา 2* พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศ ในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
*[รก.2530/269/23พ/28 ธันวาคม 2530]
มาตรา 3 ให้ยกเลิก (1) พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พ.ศ. 2512 (2) ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 184 ลงวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2515 บรรดากฎหมาย กฎ และข้อบังคับอื่นที่มีบัญญัติไว้แล้วในพระราชบัญญัตินี้ หรือซึ่งขัดหรือแย้งกับบทแห่งพระราชบัญญัตินี้ ให้ใช้พระราชบัญญัตินี้แทน
มาตรา 4 ให้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ซึ่งจัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พ.ศ.2512 เป็นมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ตามพระราช บัญญัตินี้ และคงมีสภาพเป็นนิติบุคคล
มาตรา 5 ในพระราชบัญญัตินี้ "มหาวิทยาลัย" หมายความว่า มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ "สภามหาวิทยาลัย" หมายความว่า สภามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มาตรา 6 ให้รัฐมนตรีว่าการทบวงมหาวิทยาลัยรักษาการตาม พระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจออกประกาศเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ ประกาศนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้
หมวด 1
บททั่วไป
_____
มาตรา 8 มหาวิทยาลัยอาจแบ่งส่วนราชการ ดังนี้
(1) สำนักงานอธิการบดี
(2) บัณฑิตวิทยาลัย
(3) คณะ
(4) วิทยาลัย และอาจให้มีสถาบัน สำนัก ศูนย์และหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่น
ที่มีฐานะเทียบเท่าคณะ เพื่อดำเนินการตามวัตถุประสงค์ในมาตรา 7 เป็น
ส่วนราชการในมหาวิทยาลัยอีกได้ สำนักงานอธิการบดี อาจแบ่งส่วนราชการเป็นกอง
หรือหน่วยงาน ที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่ากอง คณะและวิทยาลัย
อาจแบ่งส่วนราชการเป็นภาควิชาหรือหน่วยงาน
ที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าภาควิชา กอง และสำนักงานเลขานุการ
บัณฑิตวิทยาลัย สถาบัน สำนัก ศูนย์และหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่น
ที่มีฐานะเทียบเท่าคณะ อาจแบ่งส่วนราชการเป็นสำนักงานเลขานุการ หรือ
หน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่ากอง กอง สำนักงานเลขานุการ
และหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะ เทียบเท่ากอง
อาจแบ่งส่วนราชการเป็นแผนกหรือหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่น
ที่มีฐานะเทียบเท่าแผนก
มาตรา 9 การจัดตั้ง การรวม และการยุบเลิกบัณฑิตวิทยาลัย คณะ วิทยาลัย สถาบัน สำนัก และศูนย์หรือหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มี ฐานะเทียบเท่าคณะ ให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา การแบ่งส่วนราชการเป็นภาควิชา หน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่น ที่มีฐานะเทียบเท่าภาควิชา กอง สำนักงานเลขานุการและแผนก หรือหน่วยงาน ที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่ากองหรือแผนก ให้ทำเป็นประกาศทบวง มหาวิทยาลัย
มาตรา 10 ภายใต้วัตถุประสงค์ตามมาตรา 7 มหาวิทยาลัยจะรับ สถาบันการศึกษาชั้นสูงหรือสถาบันวิจัยอื่นเข้าสมทบในมหาวิทยาลัยก็ได้ และ มีอำนาจให้ปริญญา อนุปริญญา หรือประกาศนียบัตรชั้นหนึ่งชั้นใดแก่ผู้สำเร็จการ ศึกษาจากสถาบันสมทบนั้นได้ การรับเข้าสมทบหรือยกเลิกการสมทบซึ่งสถาบันการศึกษาชั้นสูงหรือ สถาบันวิจัยให้เป็นไปตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัย และทำเป็นประกาศทบวง มหาวิทยาลัย การควบคุมสถาบันการศึกษาชั้นสูงหรือสถาบันวิจัยที่เข้าสมทบใน มหาวิทยาลัยให้เป็นไปตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัย
มาตรา 11 นอกจากเงินที่กำหนดไว้ในงบประมาณแผ่นดิน มหาวิทยาลัย อาจมีรายได้ดังนี้
(1) เงินผลประโยชน์ ค่าธรรมเนียม ค่าปรับ และค่าบริการต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัย
(2) เงินและทรัพย์สินซึ่งมีผู้อุทิศให้แก่มหาวิทยาลัย
(3) รายได้หรือผลประโยชน์ที่ได้มาจากการใช้ที่ราชพัสดุซึ่งมหาวิทยาลัย ปกครอง ดูแล
หรือใช้ประโยชน์
(4) รายได้หรือผลประโยชน์อื่น ๆ ให้มหาวิทยาลัยมีอำนาจในการปกครอง ดูแล บำรุงรักษา
ใช้และ จัดหาประโยชน์จากทรัพย์สินของมหาวิทยาลัย ทั้งที่เป็นที่ราชพัสดุตามกฎหมาย
ว่าด้วยที่ราชพัสดุและที่เป็นทรัพย์สินอื่น
รายได้ของมหาวิทยาลัยรวมทั้งเบี้ยปรับที่เกิดจากการดำเนินการ
ตามวัตถุประสงค์ของมหาวิทยาลัยไม่เป็นรายได้ที่ต้องนำส่งกระทรวงการคลัง
ตามกฎหมายว่าด้วยเงินคงคลังและกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ เว้นแต่
เบี้ยปรับที่เกิดจากการผิดสัญญาลาศึกษา และเบี้ยปรับที่เกิดจากการผิดสัญญาซื้อ
ทรัพย์สินหรือสัญญาจ้างทำของที่ดำเนินการโดยใช้เงินงบประมาณ
*[แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติฯ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2541]
มาตรา 11 ทวิ* บรรดาอสังหาริมทรัพย์ที่มหาวิทยาลัยได้มาโดยมี ผู้อุทิศให้หรือได้มาโดยการซื้อหรือแลกเปลี่ยนจากรายได้ของมหาวิทยาลัย ไม่ถือเป็นที่ราชพัสดุ และให้เป็นกรรมสิทธิ์ของมหาวิทยาลัย
*[แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติฯ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2541]
มาตรา 12 บรรดารายได้และทรัพย์สินของมหาวิทยาลัย จะต้อง จัดการเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ของมหาวิทยาลัยดังระบุไว้ในมาตรา 7 หรือตาม วัตถุประสงค์ซึ่งผู้อุทิศทรัพย์สินให้แก่มหาวิทยาลัยกำหนดไว้
| หน้าถัดไป »