ความรู้ทั่วไป สารนิเทศ การศึกษา คอมพิวเตอร์ >>
กฎหมายไทย - พระราชบัญญัติ
พระราชบัญญัติ กฎอัยการศึก พระพุทธศักราช 2457
หน้า 3
การยึด
มาตรา 12 บรรดาสิ่งซึ่งกล่าวไว้ในมาตรา 9 มาตรา 10 และ มาตรา 11 นั้น ถ้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารเห็นเป็นการจำเป็น จะยึดไว้ชั่วคราว เพื่อมิให้เป็นประโยชน์แก่ราชศัตรู หรือเพื่อเป็นประโยชน์แก่ราชการทหาร ก็มี อำนาจยึดได้
การเข้าอาศัย
มาตรา 13 อำนาจการเข้าพักอาศัยนั้น คือ ที่อาศัยใด ๆ ซึ่งราชการ ทหารเห็นจำเป็นและใช้เป็นประโยชน์ในราชการทหารแล้ว มีอำนาจอาศัยได้ ทุกแห่ง
การทำลายหรือเปลี่ยนแปลงสถานที่
มาตรา 14 การทำลายหรือเปลี่ยนแปลงสถานที่นั้น ให้มีอำนาจกระทำ ได้ดังนี้
(1) ถ้าแม้การสงครามหรือรบสู้เป็นรองราชศัตรู มีอำนาจที่จะเผาบ้าน และสิ่งซึ่งเห็นว่าจะเป็นกำลังแก่ราชศัตรู เมื่อกรมกองทหารถอยไปแล้ว หรือถ้า แม้ว่าสิ่งใด ๆ อยู่ในที่ซึ่งกีดกันการสู้รบก็ทำลายได้ทั้งสิ้น
(2) มีอำนาจที่จะสร้างที่มั่น หรือดัดแปลงภูมิประเทศหรือหมู่บ้าน เมือง สำหรับการต่อสู้ราชศัตรู หรือเตรียมการป้องกันรักษา ตามความเห็นชอบ ของเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารได้ทุกอย่าง
การขับไล่
มาตรา 15 ถ้ามีผู้หนึ่งผู้ใด ซึ่งไม่มีภูมิลำเนาอาศัยเป็นหลักฐาน หรือเป็นผู้มาอาศัยในตำบลนั้นชั่วคราว เมื่อมีความสงสัยอย่างหนึ่งอย่างใด หรือ จำเป็นแล้ว มีอำนาจที่จะขับไล่ผู้นั้นให้ออกไปจากเมืองหรือตำบลนั้นได้
มาตรา 15 ทวิ* ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารมีเหตุอันควรสงสัยว่า บุคคลใดจะเป็นราชศัตรูหรือได้ฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของพระราชบัญญัตินี้ หรือต่อ คำสั่งของเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารมีอำนาจกักตัวบุคคลนั้นไว้ เพื่อการสอบถามหรือตามความจำเป็นของทางราชการทหารได้ แต่ต้องกักไว้ ไม่เกินกว่า 7 วัน *
[มาตรา 15 ทวิ เพิ่มความโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 303 ลงวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2515]
ร้องขอค่าเสียหายหรือค่าปรับจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารไม่ได้
มาตรา 16 ความเสียหายซึ่งอาจบังเกิดขึ้นอย่างหนึ่งอย่างใด ในเรื่องอำนาจของเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร ตามที่ได้กล่าวมาแล้วในมาตรา 8 และ มาตรา 15 บุคคลหรือบริษัทใด ๆ จะร้องขอค่าเสียหายหรือค่าปรับอย่างหนึ่ง อย่างใดแก่เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารไม่ได้เลย เพราะอำนาจทั้งปวงที่เจ้าหน้าที่ฝ่าย ทหารได้ปฏิบัติและดำเนินการตามกฎอัยการศึกนี้ เป็นการสำหรับป้องกัน พระมหากษัตริย์ ชาติ ศาสนา ด้วยกำลังทหารให้ดำรงคงอยู่ในความเจริญรุ่งเรือง เป็นอิสรภาพและสงบเรียบร้อยปราศจากราชศัตรูภายนอกและภายใน
มอบอำนาจให้เจ้ากระทรวง
มาตรา 17 ในเวลาปรกติสงบศึก เจ้ากระทรวงซึ่งบังคับบัญชาทหาร มีอำนาจตรากฎเสนาบดีขึ้นสำหรับบรรยายข้อความ เพื่อให้มีความสะดวกและ เรียบร้อยในเวลาที่จะใช้กฎอัยการศึกได้ตามสมควร ส่วนในเวลาสงครามหรือ จลาจล แม่ทัพใหญ่หรือแม่ทัพรองมีอำนาจออกข้อบังคับบรรยายความเพิ่มเติม ให้การดำเนินไปตามความประสงค์ของกฎอัยการศึกนี้ และเมื่อได้ประกาศ กฎเสนาบดี หรือข้อบังคับของแม่ทัพในทางราชการแล้ว ให้ถือว่าเป็นส่วนหนึ่ง ของพระราชบัญญัตินี้
ประกาศมา ณ วันที่ 27 สิงหาคม
พระพุทธศักราช 2457 เป็นวันที่ 1386 ในรัชกาลปัจจุบันนี้
บัญชีต่อท้าย* พระราชบัญญัติกฎอัยการศึก (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2502
ก. คดีที่เกี่ยวกับตัวบุคคลบางจำพวก 1. คดีที่ตำรวจกระทำความผิดในขณะปฏิบัติหน้าที่ราชการสนาม 2. คดีที่บุคคลพลเรือนสังกัดในราชการทหารเป็นผู้ถูกกล่าวหาว่า กระทำความผิด ไม่ว่าจะเกี่ยวกับหน้าที่ราชการหรือไม่ และไม่ว่าจะได้กระทำ ความผิดในที่ใด ๆ ในเขตที่ใช้กฎอัยการศึก 3. คดีที่บุคคลใด ๆ เป็นผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดร่วมกับ บุคคลที่อยู่ในอำนาจศาลทหาร หรือร่วมกับบุคคลดังกล่าวใน 1. หรือ 2. ไม่ว่า จะเป็นตัวการหรือผู้สนับสนุน 4. คดีที่บุคคลที่อยู่ในอำนาจศาลทหารเป็นผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำ ความผิดร่วมกับบุคคลที่มิได้อยู่ในอำนาจศาลทหารไม่ว่าจะเป็นตัวการหรือผู้สนับสนุน ข. คดีที่เกี่ยวกับความผิดบางอย่าง
1. ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาทหาร
2. คดีที่มีข้อกล่าวหาว่ากระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพย์สำหรับใช้ใน ราชการทหารแห่งกองทัพไทย หรือกองทัพพันธมิตรแห่งประเทศไทย หรือความผิด เกี่ยวกับชีวิตและร่างกายทหารไทยหรือทหารพันธมิตรแห่งประเทศไทย ในขณะ กระทำการตามหน้าที่ หรือเพราะเหตุที่กระทำการตามหน้าที่
3. ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ดังต่อไปนี้
(1) ความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตั้งแต่มาตรา 107 ถึงมาตรา 112
(2) ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร ตั้งแต่ มาตรา 113 ถึงมาตรา 118
(3) ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายนอกราชอาณาจักร ตั้งแต่ มาตรา 119 ถึงมาตรา 129
(4) ความผิดต่อสัมพันธไมตรีกับต่างประเทศ ตั้งแต่มาตรา 130 ถึงมาตรา 135
(5) ความผิดต่อเจ้าพนักงาน ตามมาตรา 137 เฉพาะที่เกี่ยวกับ ราชการทหาร มาตรา 136 มาตรา 138 ถึงมาตรา 142 มาตรา 145 และ มาตรา 146
(6) ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ตั้งแต่มาตรา 147 ถึง มาตรา 154 มาตรา 158 ถึงมาตรา 165
(7) ความผิดต่อเจ้าพนักงานในการยุติธรรม ตามมาตรา 172 เฉพาะที่เกี่ยวกับราชการทหาร มาตรา 170 มาตรา 171 มาตรา 175 ถึง มาตรา 185 มาตรา 189 มาตรา 193 มาตรา 197 และมาตรา 198 เฉพาะเมื่อศาลนั้นเป็นศาลทหาร
(8) ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม ตามมาตรา 201 และมาตรา 202
(9) ความผิดเกี่ยวกับความสงบสุขของประชาชน ตั้งแต่มาตรา 209 ถึงมาตรา 216
(10) ความผิดเกี่ยวกับการก่อให้เกิดภยันตรายต่อประชาชน ตั้งแต่ มาตรา 217 ถึงมาตรา 224 มาตรา 226 มาตรา 228 ถึงมาตรา 232 มาตรา 234 มาตรา 235 มาตรา 237 และมาตรา 238
(11) ความผิดเกี่ยวกับดวงตรา แสตมป์ และตั๋ว ตั้งแต่มาตรา 250 ถึงมาตรา 253 เฉพาะที่เกี่ยวกับราชการทหาร
(12) ความผิดเกี่ยวกับเอกสาร ตั้งแต่มาตรา 265 ถึงมาตรา 268 เฉพาะที่เกี่ยวกับราชการทหาร
(13) ความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ ตามมาตรา 336 มาตรา 339 และ มาตรา 340
4. ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการเกณฑ์พลเมืองอุดหนุนราชการทหาร
5. ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยเขตปลอดภัยในราชการทหาร
6. ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยเครื่องแบบทหาร
7. ความผิดตามพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. 2497 ตั้งแต่ มาตรา 45 ถึงมาตรา 49
8. ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยฝิ่น
9. ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยยาเสพย์ติดให้โทษ
10. ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันการกระทำอันเป็น คอมมิวนิสต์ *[บัญชีต่อท้ายแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติฯ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2502]
____________________________________
พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมกฎอัยการศึก พ.ศ. 2457 พุทธศักราช 2485
[รก.2485/29/916/28 เมษายน 2485]
____________________________________
พระราชบัญญัติกฎอัยการศึก (ฉบับที่ 3) พุทธศักราช 2487 บทบัญญัติเฉพาะกาล
มาตรา 8 บรรดาคดีอาญาที่ค้างพิจารณาอยู่ในศาลทหารในวันใช้ พระราชบัญญัตินี้ ซึ่งศาลทหารไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาตามความในพระราช บัญญัตินี้แล้วนั้น ให้โอนมาให้ศาลพลเรือนพิจารณาพิพากษาต่อไป และให้พนักงาน อัยการเข้าเป็นโจทก์ในคดีเหล่านั้น ทั้งนี้ ไม่ตัดสิทธิผู้เสียหายที่จะเข้าเป็นโจทก์ ร่วมกับพนักงานอัยการ และให้นำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความ อาญาใช้บังคับตั้งแต่วันที่โอนคดีมานั้น
[รก.2487/79/1245/31 ธันวาคม 2487]
____________________________________
พระราชบัญญัติกฎอัยการศึก (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2502
มาตรา 4 บรรดาอำนาจหน้าที่ของแม่ทัพใหญ่ตามความในมาตรา 17 แห่งกฎอัยการศึก พ.ศ. 2457 ให้เป็นอำนาจหน้าที่ของผู้บัญชาการทหารสูงสุด มาตรา 6 พระราชบัญญัตินี้ไม่กระทบกระทั่งประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 12 ฉบับที่ 15 ฉบับที่ 16 ฉบับที่ 20 ฉบับที่ 30 และฉบับที่ 41
____________________________________
หมายเหตุ:- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากกฎหมาย ว่าด้วยกฎอัยการศึก ยังไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน ประกอบกับบัญชีต่อท้าย กฎหมายว่าด้วยกฎอัยการศึกส่วนมากได้อ้างถึงความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา ซึ่งได้ถูกยกเลิกและใช้ประมวลกฎหมายอาญาแทน จึงเป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติม กฎหมายว่าด้วยกฎอัยการศึกเสียใหม่ให้เป็นการสอดคล้องต้องกันด้วย
[รก.2502/78/315/11 สิงหาคม 2502]
____________________________________
ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 303 ลงวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2515 (คำปรารภ)
โดยที่ปัจจุบันนี้การรบ การสนับสนุนกำลังรบ ตลอดจนเครื่องมือเครื่องใช้ ต่าง ๆ ที่ได้กำหนดไว้ในกฎอัยการศึก ได้วิวัฒนาการไปกว่าแต่ก่อน บทบัญญัติของ กฎอัยการศึกซึ่งได้ตราขึ้นใช้บังคับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2457 ย่อมคลุมไม่ถึงการกระทำ และเครื่องมือเครื่องใช้บางอย่างในปัจจุบันทั้งในการปราบปรามและสนับสนุนการ ปฏิบัติการของทหารโดยเฉพาะในการรบนอกแบบ ควรให้อำนาจแก่เจ้าหน้าที่ ฝ่ายทหารเพิ่มขึ้นเพื่อให้การปฏิบัติการของทหารมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นและควรกำหนด วิธีการขั้นต้นให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารมีอำนาจกักตัวบุคคลผู้เป็นราชศัตรูหรือฝ่าฝืน
ต่อกฎอัยการศึกหรือคำสั่งของเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารไว้เพื่อการสอบถามหรือตามความ จำเป็นของทางราชการได้เพื่อที่จะดำเนินการขั้นต่อไป ตามควรแก่กรณี จำเป็น ต้องแก้ไขเพิ่มเติมกฎอัยการศึก พ.ศ. 2457 หัวหน้าคณะปฏิวัติจึงมีคำสั่งดังต่อไปนี้
[รก.2515/190/16/13 ธันวาคม 2515]
« ย้อนกลับ |