ความรู้ทั่วไป สารนิเทศ การศึกษา คอมพิวเตอร์ >>
กฎหมายไทย - พระราชบัญญัติ
พระราชบัญญัติ ป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ พ.ศ. 2495
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
ให้ไว้ ณ วันที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2495
เป็นปีที่ 7 ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรมีกฎหมายป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ เพื่อ คุ้มครองความปลอดภัยและความมั่นคงของประเทศชาติและประชาชน จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้ โดยคำแนะนำและ ยินยอมของสภาผู้แทนราษฎร ดังต่อไปนี้
มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ พ.ศ. 2495"
มาตรา 2* พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป *[รก.2495/68/1พ/13 พฤศจิกายน 2495]
มาตรา 3 ในพระราชบัญญัตินี้*"องค์การอันเป็นคอมมิวนิสต์" หมายความถึง
(1) กลุ่มบุคคลหรือคณะบุคคลใด ๆ ซึ่งมีความมุ่งหมายที่จะกระทำการอันเป็นคอมมิวนิสต์ไม่ว่าโดยทางตรงหรือไม่
(2) พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) หรือองค์การระดับต่าง ๆของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ตั้งแต่ระดับสูงสุดจนถึงระดับต่ำสุด เช่น สมัชชาแห่งพรรคคอมมิวนิสต์ คณะกรรมการกลาง คณะกรรมการเขต คณะกรรมการจังหวัด คณะกรรมการอำเภอ คณะกรรมการตำบล คณะกรรมการหมู่บ้าน องค์การจัดตั้งในโรงงาน หน่วยย่อย ฝ่ายหรือแผนกการเมือง ฝ่ายหรือแผนกจัดตั้ง ฝ่ายหรือแผนกโฆษณา ฝ่ายหรือแผนกแนวร่วม องค์การนำระดับต่าง ๆ เป็นต้น
(3) องค์การที่ใช้ชื่ออย่างอื่นของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย เช่นกองทัพปลดแอกประชาชนแห่งประเทศไทย (ท.ป.ท.) ขบวนการแนวร่วมรักชาติแห่งประเทศไทยขบวนการเอกราชแห่งประเทศไทย สันนิบาตเยาวชนประชาธิปไตยแห่งประเทศไทย เป็นต้น หรือ
(4) กองกำลังที่มีอาวุธของผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ที่ใช้ชื่อต่าง ๆ เช่น ทหารหลวงทหารหลัก ทหารประจำถิ่น ทหารบ้านหรือหน่วยจรยุทธประจำบ้าน (น.จ.บ.) เป็นต้น*
[นิยามคำว่า "องค์การอันเป็นคอมมิวนิสต์" แก้ไขโดยคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 25 ลงวันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2519]*
"การกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์" ได้แก่ การแทรกซึม การโฆษณาชวนเชื่อการปลุกระดม จารกรรม ก่อวินาศกรรม การใช้กำลังบังคับ หรือการกระทำอื่นใดเพื่อ
(1) บ่อนทำลายความมั่นคงของชาติ สถาบันศาสนา สถาบันพระมหากษัตริย์หรือการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข (2) ให้มีการเปลี่ยนแปลงระบบเศรษฐกิจของประเทศโดยทำให้กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินหรือปัจจัยในการผลิตของเอกชนตกเป็นของรัฐ โดยมิได้มีการชดใช้ค่าทดแทนอันเป็นธรรม หรือ (3) จัดระเบียบสังคมขึ้นใหม่โดยยึดหลักว่า บรรดาทรัพย์สินทั้งหลายเป็นของกลางร่วมกัน เว้นแต่การจัดในรูปสหกรณ์เอนกประสงค์ หรือในรูปอื่นใดที่ได้จัดขึ้นตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายว่าด้วยเรื่องนั้น ๆ*
[นิยามคำว่า "การกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์" แก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 25 ลงวันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2519]*
"ผู้อำนวยการป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์" หมายความว่า ผู้อำนวยการป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์จังหวัด ผู้อำนวยการป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ภาคหรือผู้อำนวยการป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ทั่วไป แล้วแต่กรณี*
[นิยามคำว่า "ผู้อำนวยการ ป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์" เพิ่มความโดยพระราชบัญญัติฯ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2522]*
"รัฐมนตรี" [บทนิยามนี้ ยกเลิกแล้วโดยคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 25 ลงวันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2519]
มาตรา 4 ผู้ใดกระทำการอันเป็นคอมมิวนิสต์ มีความผิดต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สิบปีขึ้นไปจนถึงตลอดชีวิต
มาตรา 5 ผู้ใดยุยง แนะนำ เสี้ยมสอน โฆษณาชวนเชื่อ มั่วสุม สมทบ ยินยอมตกลงกับผู้อื่น หรือตระเตรียมการที่จะให้มีการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ก็ดี หรือรู้ว่ามี หรือจะมีการกระทำผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ช่วยปกปิดมิได้เอาความมาร้องเรียนขึ้นก็ดี มีความผิดต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีขึ้นไปจนถึงสิบปีแท่นพิมพ์ ตลอดจนสิ่งอันเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดตามความในวรรคก่อนให้ริบเสีย
มาตรา 6 ผู้ใดเป็นสมาชิกขององค์การอันเป็นคอมมิวนิสต์ มีความผิดต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีขึ้นไปจนถึงสิบปีผู้ใดเป็นหัวหน้า ผู้จัดการ หรือเจ้าหน้าที่ขององค์การอันเป็นคอมมิวนิสต์มีความผิดต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สิบปีขึ้นไปจนถึงสิบห้าปี
มาตรา 7 คนไทยผู้ใดกระทำการตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 4 หรือมาตรา 5ในต่างประเทศก็ดี หรือเป็นสมาชิกขององค์การอันเป็นคอมมิวนิสต์ตามมาตรา 6 ซึ่งตั้งอยู่ในต่างประเทศก็ดี มีความผิดต้องระวางโทษเช่นเดียวกับที่ได้บัญญัติไว้ในมาตรานั้น ๆ
มาตรา 8 ผู้ใดเข้าร่วมประชุมในองค์การอันเป็นคอมมิวนิสต์ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นสมาชิกขององค์การนั้น เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนเข้าร่วมประชุมโดยไม่รู้ถึงลักษณะความมุ่งหมายในการประชุมนั้น
มาตรา 9* ผู้ใดกระทำการอุดหนุนแก่องค์การหรือสมาชิกขององค์การอันเป็นคอมมิวนิสต์ด้วยประการหนึ่งประการใด ดังต่อไปนี้
(1) ให้ที่พัก ที่อาศัย หรือที่ประชุม
(2) ชักชวนบุคคลอื่นให้เป็นสมาชิกหรือพรรคพวก
(3) ชักชวนบุคคลอื่นให้เกิดความเสื่อมศรัทธาต่อศาสนา หรือให้กระทำการใด
ๆอันเป็นการทำลายขนบประเพณีของชนชาติไทย หรือชักชวนบุคคลอื่นให้เกิดความเลื่อมใส
ในลัทธิที่มีหลักการหรือการปฏิบัติเป็นการทำให้บุคคลเสื่อมศรัทธาต่อศาสนาหรือขนบประเพณีของชนชาติไทย
(4) ให้การสนับสนุนทางการเงิน อาหาร อาวุธ เครื่องมือ หรือเครื่องใช้
หรือการสนับสนุนด้วยประการใด ๆ เช่น
การเปิดเผยความลับของทางราชการหรือส่งมอบเอกสารเกี่ยวกับนโยบาย
แผนการดำเนินงานหรือข่าวสารอันมิพึงเปิดเผยต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีขึ้นไปจนถึงสิบปี*
[มาตรา 9 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติฯ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2512]
มาตรา 10 ถ้าความผิดได้กระทำลงโดยสมาชิกขององค์การอันเป็นคอมมิวนิสต์ตามความมุ่งหมายขององค์การนั้น ผู้ที่เป็นหัวหน้า ผู้จัดการ หรือเจ้าหน้าที่ขององค์การนั้นก็ดีสมาชิกคนใดซึ่งอยู่ด้วยในขณะกระทำผิด หรือได้ร่วมประชุมในคราวประชุมใด ๆ ซึ่งได้มีการตกลงให้กระทำความผิดดั่งว่านี้ก็ดี มีความผิดต้องระวางโทษเสมือนได้กระทำความผิดนั้น
มาตรา 11 ผู้ใดกระทำร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะกระทำร้ายต่อร่างกาย ทรัพย์สิน หรือเกียรติยศชื่อเสียงก็ดี หน่วงเหนี่ยวกักขัง หรือขู่เข็ญว่าจะหน่วงเหนี่ยวกักขังก็ดี หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดอันก่อให้เกิดความหวาดกลัวก็ดี เพื่อให้บุคคลใดปฏิบัติตามคำสั่งขององค์การอันเป็นคอมมิวนิสต์ หรือปฏิบัติการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อวัตถุประสงค์ขององค์การเช่นว่านั้นมีความผิดต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีขึ้นไปจนถึงสิบปี
มาตรา 12* ห้ามมิให้ผู้ใดกระทำการอบรมหรือสั่งสอนบุคคลใด ๆ หรือกระทำการเผยแพร่โดยการโฆษณา ชักจูง แนะนำ หรือโน้มน้าวจิตใจด้วยประการใด ๆ เพื่อให้บุคคลอื่นเห็นดีเห็นชอบในลัทธิคอมมิวนิสต์ หรือเข้าร่วมกับองค์การอันเป็นคอมมิวนิสต์ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะกระทำด้วยวาจา ลายลักษณ์อักษร เอกสารตีพิมพ์ หรือด้วยประการอื่นใดความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับแต่เจ้าหน้าที่หรือผู้สอนของกระทรวง ทบวง กรมซึ่งมีหน้าที่ในการให้การศึกษา ในการระงับหรือปราบปรามการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ หรือในการป้องกันราชอาณาจักร หรือเจ้าหน้าที่ของกระทรวง ทบวง กรมอื่น ซึ่งปฏิบัติการตามหน้าที่หรือระเบียบของกระทรวง ทบวง กรม ที่ตนสังกัดหรือที่ตนได้รับมอบหมาย ทั้งนี้ เฉพาะเมื่อการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่หรือผู้สอนดังกล่าวมิได้เป็นไปในลักษณะชักชวนให้นิยมหรือเลื่อมใสในลัทธิคอมมิวนิสต์ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรานี้ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีขึ้นไปจึงถึงห้าปี*
| หน้าถัดไป »