ความรู้ทั่วไป สารนิเทศ การศึกษา คอมพิวเตอร์ >>
กฎหมายไทย - พระราชบัญญัติ
กฎมนเฑียรบาล ว่าด้วยการสมรสพระราชวงศ์
หน้า 4
พระราชกฤษฎีกา ว่าด้วยที่รโหฐานในพระราชสำนัก
_______
พระราชปรารภ
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชดำริว่า แต่โบราณมาสมเด็จพระเจ้าแผ่นดินมิได้เคยต้องทรงกำหนด เขตพระราชฐานบางตอนว่า ที่นั้น ๆ เพียงนั้น ๆ เป็นที่รโหฐาน คือ เป็นที่ ซึ่งผู้ใดจะเข้าไปมิได้นอกจากได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาต หรือมี พระราชดำรัสเรียกเข้าไปโดยเฉพาะ ที่ไม่ได้เคยต้องทรงขีดเส้นเช่นนี้ เพราะ ประการหนึ่ง คนทั่วไปย่อมมีความเกรงกลัวพระราชอาญา ไม่กล้าเข้าไปใน พระบรมมหาราชวังโดยพลการตนเองเลย และมิได้เคยคิดหรือฝันไปอย่างอื่น นอกจากว่าพระราชวังย่อมเป็นที่รโหฐานโดยแท้ทั่วทุกแห่ง อีกประการหนึ่ง ข้าราชการยังมีจำนวนน้อยจึงได้รู้ขนบธรรมเนียมและรู้พระราชนิยมอยู่ทั่วกัน เป็นอันไม่มีผู้ใดฝ่าฝืนพระราชนิยมในเรื่องที่รโหฐานนั้นเลย ต่อมาเกิดมีข้าราชการบางจำพวก ซึ่งมีความคิดความเห็นเป็นอย่าง ที่ตนเองเข้าใจว่าเป็นอย่างใหม่ สำคัญคิดว่าตนมีวิชาความรู้ดีกว่าบิดามารดา ปู่ย่า ตายายของตน คนจำพวกนี้ดูเหมือนจะเข้าใจไปเสียว่า พระราชวังเป็น สาธารณสถาน คือ เป็นที่ใครจะไปจะมาเมื่อใด ๆ ก็ได้ตามใจ และโดยความ ทะเยอทะยานของตนที่จะเสมอหน้ากับคนอื่น เห็นใครเข้าได้ถึงไหนก็จะเข้าไป ถึงบ้าง ฝ่ายสมเด็จพระเจ้าแผ่นดิน โดยทรงพระมหากรุณาแก่ข้าราชการ จึงโปรดเกล้า ฯ ให้เข้าเฝ้าได้โดยเสมอหน้ากัน อย่างมากที่สุดที่จะพึงจัดให้ เป็นไปได้ แต่ถ้าแม้ว่าจะโปรดเกล้า ฯ ให้ข้าราชการทุกคนเฝ้าได้ทุกแห่งไป ก็เป็นการฟั่นเฝือเหลือเกิน และสมเด็จพระเจ้าแผ่นดินก็จะไม่ทรงมีเวลาที่จะ ทรงพระราชสำราญโปร่งพระราชหฤทัยได้บ้างเลย จึงต้องมีกำหนดขีดขั้นว่าที่ นั้น ๆ เพียงนั้น ๆ เป็นที่รโหฐาน หรือเรียกตามศัพท์ที่เข้าใจกันอยู่โดยมากว่า เป็นข้างในในที่เช่นนี้ ในชั้นต้นมีกำหนดเข้าใจกันอยู่ว่า เฉพาะข้าราชการใน พระราชสำนักเท่านั้นจึงจะเข้าไปได้ ครั้นต่อมาข้าราชการมีจำนวนมากขึ้น ความรู้ในขนบธรรมเนียมและพระราชนิยมก็ไม่มีทั่วถึงกัน จึงเกิดมีความเข้าใจผิด ไปได้ต่าง ๆ เช่น เห็นข้าราชการในพระราชสำนักเข้าเฝ้าในที่รโหฐานได้ก็ มีจิตริษยา เห็นเป็นว่าพวกข้าราชการเหล่านี้ได้เปรียบตน หาคิดไม่ว่าการที่ ข้าราชการในพระราชสำนัก เข้าไปในที่รโหฐานได้นั้นเพราะเขาเป็นผู้มีหน้าที่ เช่นนั้น กลับคิดเห็นไขว้เขวไปต่าง ๆ เมื่อความคิดเขวกันไปได้เพียงนี้แล้ว ก็ทำให้เกิดระแวงสงสัยพวกข้าราชการในพระราชสำนักอยู่เป็นเนืองนิจ ใช่แต่ เท่านั้น มิหนำซ้ำเมื่อพระเจ้าแผ่นดินมีพระราชดำรัสอนุญาตให้ผู้ใดเข้าเฝ้าได้ ในที่รโหฐานก็พลอยระแวงสงสัยผู้นั้นไปด้วย ที่เป็นไปทั้งนี้ก็เพื่อความทะเยอ ทะยานแล้วจึงเลยเป็นเหตุให้ริษยา และคอยมองหาช่องหาทางที่จะเข้าใกล้ชิด พระองค์บ้างเนือง ๆ โดยความเข้าใจผิดเช่นนี้ เมื่อมีอะไรเป็นรูปสโมสรหรือ สมาคมอันใดขึ้น ถ้าแม้ว่ามีสมเด็จพระเจ้าแผ่นดินอยู่ในนั้น ก็คงจะไม่พ้นความ รำคาญต่าง ๆ มีข้อสำคัญอยู่เป็นสองสถาน คือ สถานหนึ่ง จะมีผู้ที่ทะเยอทะยาน อยากเข้าเป็นสมาชิก โดยความหวังว่าจะได้รับผลประโยชน์ในส่วนตัวอย่างใด อย่างหนึ่ง และถ้าไม่ได้เข้าก็คงจะมีความโทมนัสและพูดจาหาความต่าง ๆ อีกสถานหนึ่ง จะมีผู้ที่ช่างคิดมาก คิดเห็นการเป็นสลักสำคัญใหญ่โตเกินไปกว่า ที่เป็นอยู่จริง เพราะฉะนั้นสโมสรหรือสมาคมที่จะตั้งขึ้นเพื่อบำรุงพระราชสำราญ ก็กลายเป็นเครื่องนำมาซึ่งความรำคาญพระราชหฤทัย
แต่ความจำเป็นในส่วนพระองค์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็มีอยู่บ้าง คือ เมื่อเป็นเวลาที่ว่างพระราชกิจแล้ว ก็ย่อมจะมีพระราชประสงค์ที่ทรง พระสำราญอย่างสามัญชนบ้าง และต้องมีเวลาที่ทรงพระกรุณาโปรดพระราชทาน พระบรมราชานุญาต ให้ข้าราชการบางคนได้เข้าเฝ้าบ้างโดยไม่เกี่ยวแก่ทาง หน้าที่ราชการ แต่เพื่อมิให้ความเข้าใจผิดเกิดขึ้นเพราะไม่รู้ความจริงดังกล่าว แล้วข้างต้น จึงทรงพระราชดำริเห็นสมควรประกาศอธิบายประเพณีเดิมให้ ทราบไว้ กล่าวคือ กำหนดที่ในพระราชสำนักเป็นที่ระโหฐาน แต่คำว่าระโหฐานนี้ ก็มีคนเข้าใจน้อยลงทุกทีแล้ว เพราะฉะนั้นจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานพระราชกฤษฎีกาไว้ดังต่อไปนี้