ความรู้ทั่วไป สารนิเทศ การศึกษา คอมพิวเตอร์ >>
กฎหมายไทย - พระราชบัญญัติ
พระราชกำหนด ควบคุมและดำเนินงานภารธุระการทำเหมืองแร่ทองคำ พุทธศักราช 2483
ในพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล
คณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
(ตามประกาศประธานสภาผู้แทนราษฎร ลงวันที่ 4 สิงหาคม พุทธศักราช 2480)
อาทิตย์ทิพอาภา
พล.อ.พิชเยนทร โยธิน
ตราไว้ ณ วันที่ 25 ธันวาคม พุทธศักราช 2483
เป็นปีที่ 7 ในรัชกาลปัจจุบัน
โดยที่เห็นสมควรออกพระราชกำหนดตามความในมาตรา 52 แห่ง รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เพื่อมอบอำนาจบางอย่างให้รัฐบาลใช้ในยาม ฉุกเฉินตามความต้องการของชาติ จึงมีพระบรมราชโองการให้ตราพระราชกำหนดนี้ขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้
มาตรา 1 พระราชกำหนดนี้ให้เรียกว่า พระราชกำหนดควบคุม และดำเนินงานภารธุระการทำเหมืองแร่ทองคำ พุทธศักราช 2483
มาตรา 2* ให้ใช้พระราชกำหนดนี้ตั้งแต่วันประกาศใน ราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
*[2483/-/950/25 ธันวาคม 2483]
มาตรา 3 ในพระราชกำหนดนี้ เจ้าพนักงาน หมายความว่า พนักงานใด ๆ ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งให้ ปฏิบัติการให้เป็นไปตามพระราชกำหนดนี้ รัฐมนตรี หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชกำหนดนี้
มาตรา 4 ให้รัฐบาลมีอำนาจเข้าครอบครองอสังหาริมทรัพย์หรือ สังหาริมทรัพย์ใด ๆ ทั้งหมดหรือแต่บางส่วน ซึ่งใช้ในภารธุระการทำเหมืองแร่
ทองคำใด ๆ รวมทั้งที่ดิน อาคาร เครื่องดำเนินงาน เครื่องจักรกล เครื่องอุปกรณ์ และสิ่งอื่นใดที่จำเป็นในการดำเนินงานแห่งภารธุระดังกล่าวแล้ว ทั้งนี้ เพื่อจะได้ ควบคุมและดำเนินงานแห่งภารธุระนั้น
มาตรา 5 ก่อนตกลงเข้าครอบครองทรัพย์สินใด ๆ ให้เจ้าพนักงาน มีอำนาจ ในกรณีที่เห็นว่าจำเป็น ในอันจะเข้าไปในสถานที่ต่าง ๆ แห่งภารธุระ การทำเหมืองแร่ทองคำใด ๆ ซึ่งรัฐบาลอาจจะเข้าครอบครองได้ เจ้าพนักงานจะตรวจสถานที่นั้น ๆ และร้องขอเจ้าของผู้ปกครอง หรือ ผู้จัดการภารธุระนั้น ให้นำแสดงสมุดบัญชีและเอกสารอื่น ๆ ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ ในการหยั่งทราบภาวะการดำเนินงาน สมรรถภาพในทางอุตสาหกรรม และความ สามารถกระทำผลิตกรรมแห่งภารธุระนั้นก็ได้
มาตรา 6 เมื่อรัฐบาลตกลงจะเข้าครอบครองภารธุระการทำ เหมืองแร่ทองคำ เพื่อจะได้ควบคุมและดำเนินงานรายใด ก็ให้รัฐมนตรีประกาศ ระบุภารธุระนั้น เมื่อประกาศนั้นได้โฆษณาในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ให้เจ้าพนักงาน เข้าครอบครองได้
ถ้าเจ้าของ ผู้ปกครอง หรือผู้จัดการ ไม่ยอมให้เข้าครอบครอง หรือขัดขวางในการนี้ เจ้าพนักงานจะเข้าครอบครองโดยบังคับด้วยความ ช่วยเหลือของเจ้าหน้าที่ปกครองท้องที่และตำรวจ ซึ่งเจ้าพนักงานจะได้ขอให้ ช่วยเหลือก็ได้
มาตรา 7 ในการเข้าครอบครองภารธุระนั้น ให้เจ้าพนักงาน ทำบัญชีอสังหาริมทรัพย์ และสังหาริมทรัพย์ที่เข้าครอบครอง โดยมีหนังสือ นัดหมายเจ้าของ ผู้ปกครอง หรือผู้จัดการ หรือผู้แทนของบุคคลนั้น ๆ ให้มาอยู่ด้วย การทำบัญชีให้ทำต่อหน้าพยานอย่างน้อยสองคน และให้ทุกคนที่อยู่ในการทำบัญชีนั้น ลงนามในบัญชีด้วย บัญชีเช่นว่านี้ ให้เจ้าพนักงานเก็บไว้ฉบับหนึ่ง ให้เจ้าพนักงานส่ง ไปยังรัฐมนตรีฉบับหนึ่ง และให้ส่งมอบแก่เจ้าของ ผู้ปกครอง หรือผู้จัดการ อีกฉบับหนึ่ง
มาตรา 8 เจ้าพนักงาน โดยปฏิบัติการตามคำสั่งของรัฐมนตรี ที่ให้ไว้ในข้อบังคับที่ออกเพื่อการนั้น จะดำเนินงานแห่งภารธุระการทำเหมืองแร่ ทองคำใด ๆ ที่มีอยู่ทั้งหมด หรือแต่บางส่วน หรือจะมอบอำนาจให้บุคคลใด ดำเนินงานดังกล่าวแล้วทั้งหมด หรือแต่บางส่วนก็ได้
ถ้ารัฐมนตรีเห็นว่าไม่จำเป็นที่จะให้ดำเนินงานดังกล่าวแล้วจะให้ มีแต่เพียงการควบคุมโดยออกข้อบังคับมอบให้เจ้าพนักงานมีอำนาจควบคุมดูแล และมีอำนาจออกคำสั่งหรือคำอำนวยการให้แก่เจ้าของ ผู้ปกครอง หรือผู้จัดการ ตามที่เห็นสมควร เพื่อประโยชน์แห่งพระราชกำหนดนี้ก็ได้
มาตรา 9 เมื่อยามฉุกเฉินถึงที่สุดลงแล้ว ให้มีประกาศยกเลิก ประกาศที่อนุญาตให้เข้าครอบครองภารธุระ ก่อนที่จะออกจากสถานที่ต่าง ๆ แห่งภารธุระนั้น ให้เจ้าพนักงาน เชิญเจ้าของ ผู้ปกครอง หรือผู้จัดการ หรือผู้แทน ของบุคคลนั้น ๆ มาสอบดูสิ่งของ ที่ปรากฏในบัญชีว่า คงมีอยู่หรือไม่ และในเวลาเดียวกัน ให้บันทึกไว้ด้วยว่ามีสิ่งของ ใด ๆ ได้สูญหายไปบ้าง และมีความเสียหายหรือได้ถูกทำลายไปบ้างหรือไม่ ทั้งนี้ ให้ทำตามเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ในมาตรา 7 ในเรื่องการทำบัญชี
มาตรา 10 แทนที่จะยกเลิกประกาศที่อนุญาตให้เข้าครอบครอง ภารธุระ ถ้ารัฐบาลเห็นสมควรจะให้ดำเนินงานแห่งภารธุระนั้นต่อไป รัฐบาล จะเสนอขอซื้อภารธุระนั้นจากเจ้าของก็ได้
ถ้าในขณะเข้าครอบครอง ภารธุระได้หยุดหรือสะดุดหยุดลงในการ ดำเนินงานตามภาวะเช่นเคยและเพื่อประโยชน์ปกติแล้ว จะปฏิเสธคำเสนอของ รัฐบาลไม่ได้ ในกรณีเช่นนั้น ถ้าไม่ตกลงกันในเรื่องราคา ก็ให้ระงับปัญหาด้วย เงื่อนไขที่บัญญัติไว้ในมาตรา 22,23 และ 28 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการ เวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พุทธศักราช 2477 โดยอนุโลม
มาตรา 11 ค่าทดแทนอันจะพึงใช้เพื่อการเข้าครอบครองอสังหาริมทรัพย์ และสังหาริมทรัพย์นั้น ให้ใช้เฉพาะสำหรับค่าที่เสียไปเนื่องจากการที่ต้อง ปราศจากการครอบครองทรัพย์สินนั้น ๆ ค่าสึกหรอ และค่าที่สูญสิ้นหรือเสียหาย ด้วยเหตุอื่นนอกจากเหตุสุดวิสัย ให้รัฐมนตรีออกกฎกระทรวงระบุมูลฐานการคำนวณค่าทดแทนเช่นว่านี้ และกรณีจะเป็นอย่างไรก็ตาม ไม่ให้คำนึงถึงการที่มูลค่าแห่งทรัพย์สินนั้น ๆ จะสูงขึ้น เนื่องจากเหตุฉุกเฉินนั้น
มาตรา 12 ผู้ใดไม่ยอมให้ หรือละเลยไม่ให้เจ้าพนักงานเข้าไป ในสถานที่ต่าง ๆ แห่งภารธุระ ในเมื่อประสงค์จะเข้าไปตรวจสถานที่นั้น ๆ ตาม ความในมาตรา 5 หรือขัดขวางการตรวจเช่นว่านี้ มีความผิดต้องระวางโทษปรับ ไม่เกินสองร้อยบาท หรือจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือทั้งปรับทั้งจำ
มาตรา 13 ผู้ใดรักษาสมุดบัญชี หรือเอกสารอื่น ๆ อยู่ เมื่อ เจ้าพนักงานขอตรวจตามความในมาตรา 5 ไม่ยอมปฏิบัติตามคำสั่งของ เจ้าพนักงาน ซึ่งสั่งให้นำแสดงสมุดเอกสารนั้น ๆ หรือสั่งให้อำนวยความสะดวก ตามสมควรในการที่จะตรวจ มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาท หรือจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือทั้งปรับทั้งจำ
มาตรา 14 ผู้ใดกีดกันหรือขัดขวางเจ้าพนักงาน ในการที่จะเข้า ครอบครองอสังหาริมทรัพย์ หรือสังหาริมทรัพย์แห่งภารธุระอันใด ในเมื่อได้มี ประกาศให้เข้าครอบครองแล้วมีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือจำคุกไม่เกินสามปี หรือทั้งปรับทั้งจำ ถ้าความผิดซึ่งระบุในวรรคก่อน ได้กระทำโดยใช้กำลังหรือโดย มั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ก็ให้ระวางโทษปรับไม่เกินสองพันบาท หรือจำคุก ไม่เกินห้าปี หรือทั้งปรับทั้งจำ
มาตรา 15 ผู้ใดรู้อยู่ว่ารัฐบาลจะเข้าครอบครอง หรือได้มาซึ่งภาร ธุระอันใด จงใจทำลายหักโค่น ทำให้ใช้การไม่ได้หรือทำความเสียหายอื่นใดแก่ อาคาร สิ่งปลูกสร้าง เครื่องดำเนินงาน เครื่องจักรกล เครื่องอุปกรณ์ สัมภาระ พัสดุสำรอง ผลิตภัณฑ์ใด ๆ เพื่อกีดกันการที่รัฐบาลจะดำเนินงานภารธุระนั้น หรือ ทำให้การดำเนินงานเช่นว่านี้ ยากลำบากเกินสมควร มีความผิดต้องระวางโทษ ปรับไม่เกินหนึ่งพันบาทหรือจำคุกไม่เกินสามปี หรือทั้งปรับทั้งจำ
มาตรา 16 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตราธิการรักษาการ ให้เป็นไปตามพระราชกำหนดนี้ และให้มีอำนาจแต่งตั้งเจ้าพนักงาน และออก กฎกระทรวงเพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามพระราชกำหนดนี้ กฎกระทรวงนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ให้ใช้ บังคับได้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พิบูลสงคราม
นายกรัฐมนตรี