ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ บุคคลสำคัญ ประเทศและทวีป »
จังหวัดภูเก็ต
ข้อมูล » ประวัติศาสตร์-ความเป็นมา ศิลปะ-วัฒนธรรม-ประเพณี สถานที่สำคัญ-แหล่งท่องเที่ยว โรงแรม-ที่พัก
ประวัติศาสตร์-ความเป็นมา จังหวัดภูเก็ต(2)
สำหรับชื่อ ตักโกละ นั้น คงจะได้เปลี่ยนเป็น ตะกั่วป่า ในสมัยพ่อขุนรามคำแหง เพราะในรัชกาลนั้นพ่อขุนรามคำแหงได้ทรงประดิษฐ์ลายสือไทยขึ้น ใช้ในแว่นแคว้นต่าง ๆ ทั่วราชอาณาจักร เพื่อให้เป็นตัวหนังสือสำหรับชนชาติไทยทั้งมวลใช้ร่วมกันแสดงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน แต่การที่หนังสือ ตำนานเมืองนครศรีธรรมราช เรียกว่า เมืองตะกั่วถลาง มาตั้งแต่ครั้งยังเป็นเมืองขึ้นของอาณาจักรศิริธรรมนครนั้น ก็คงเป็นเพราะผู้เขียนตำนานได้เขียนขึ้นในสมัยเมื่อเปลี่ยนชื่อแล้ว จึงเรียกตามชื่อใหม่ที่ใช้กันอยู่ ในสมัยที่เขียนตำนาน เมืองตะกั่วป่าในสมัยสุโขทัยกลับเป็นเมืองใหญ่ขึ้นอีกด้วยเหตุมีแร่ดีบุกเป็นสินค้าสำคัญ จึงได้แยกออกไปตั้งเป็นเมืองเล็ก ๆ ขึ้นกับเมืองตะกั่วป่าอีกหลายเมือง คือ เมืองตะกั่วทุ่ง ซึ่งไปตั้งเมืองอยู่ที่ชายทะเลลงไปทางใต้ มีพื้นที่เป็นทุ่งราบ คือ ที่แถบบ้านบางคลี อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา ปัจจุบัน อันเป็นพื้นที่อุดมไปด้วยแร่ดีบุกเช่นเดียวกัน จึงเรียกว่า เมืองตะกั่วทุ่ง เพื่อให้คู่กับเมืองตะกั่วป่า เมืองกรา หรือ เมืองกระ ซึ่งย้ายไปจากปากน้ำตะกั่วป่า เมืองนี้โบราณเขียน ก็รา หรือ ก็ระ จึงกลายเป็นเกาะรา หรือ เกาะระอยู่ในปัจจุบัน เมืองคุระ ซึ่งอาจจะแยกออกจาก เมืองกระบน เกาะระมาตั้งอยู่บนฝั่งตำบลคุระ กิ่งอำเภอคุระบุรี อำเภอตะกั่วป่า ซึ่งก็มีความหมายเช่นเดียวกันว่า เมืองปากน้ำ คุระ ก็เพี้ยนมาจาก กระ เมืองคีรีรัฐ อยู่บนเขาในตำบลบางวัน กิ่งคุระบุรี ปัจจุบันเรียกเพี้ยนไปเป็น บ้านคุรอด และ เมืองพระบุรี ซึ่งตั้งอยู่ตรงช่องแคบระหว่างเกาะภูเก็ตกับผืนแผ่นดินใหญ่ ส่วนเมืองถลางบนเกาะภูเก็ตในสมัยนั้น ก็คงจะขึ้นอยู่กับเมืองตะกั่วป่าด้วย จึงเป็นเหตุให้ตำนานเมืองนครศรีธรรมราช เรียกชื่อควบคู่กันไปว่า เมืองตะกั่วถลาง
กลางสมัยกรุงศรีอยุธยา ในรัชสมัยสมเด็จพระเอกาทศรถ (พ.ศ. 2148 - 2163) จึงปรากฎชื่อ เมืองตะกั่วป่า เมืองตะกั่วทุ่ง เมืองถลาง เป็นหัวเมืองขึ้นฝ่ายกลาโหมทั้ง 3 เมือง ซึ่งคงเป็นเพราะในสมัยนั้นได้เริ่มทำการค้าขายกับต่างประเทศมากขึ้น หัวเมืองชายทะเลตะวันตกซึ่งมีแร่ดีบุกมาก จึงมีความสำคัญยิ่งขึ้น เพราะเป็นสินค้าที่ต่างประเทศต้องการมาก ดังจะเห็นได้จากการที่สมเด็จพระเจ้าทรงธรรม รัชกาลต่อมา ได้พระราชทานที่ดินแถบปากแม่น้ำเจ้าพระยา ให้พวกฮอลันดาสร้างสถานีเก็บสินค้า เมื่อ พ.ศ. 2169 และยังให้ตั้งสาขาขึ้นที่ภูเก็ตกับนครศรีธรรมราช เพื่อทำการรับซื้อแร่ดีบุกเป็นสำคัญอีกด้วย
ต่อมาในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ออกญามหาเสนาสมุหพระกลาโหม เป็นแม่ทัพยกไปตีเมืองเชียงใหม่ไม่สำเร็จ แต่ภายหลังออกญาโกษาธิบดี (ขุนเหล็ก) เป็นแม่ทัพยกไปตีเมืองเชียงใหม่ได้เมื่อ พ.ศ. 2205 จึงโปรดให้ยกหัวเมืองฝ่ายใต้ทั้งหมด รวมทั้ง เมืองตะกั่วป่า เมืองตะกั่วทุ่ง เมืองถลาง จากฝ่ายกลาโหม ไปขึ้นกับโกษาธิบดี หรือ กรมท่า เพื่อเป็นบำเหน็จความชอบในราชการสงคราม เมืองตะกั่วป่า ได้เป็นหัวเมืองชั้นตรี ขึ้นฝ่ายกรมท่ามาตลอดสมัยศรีอยุธยา
ในต้นรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เจ้าพระยามหาเสนา (ปลี) สมุหพระกลาโหม มีความชอบในราชการสงครามปราบปรามพม่า จึงโปรดให้ยกหัวเมืองฝ่ายใต้ทั้งหมดกลับคืนมาขึ้นฝ่ายกลาโหมตามเดิม ต่อมา พ.ศ. 2328 พม่าได้แต่งกองทัพเรือยกมาตี เมืองตะกั่วป่า เมืองตะกั่วทุ่งแตกยับเยิน แต่ไปตีเมืองถลางไม่ได้ เพราะท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร (ท้าวเทพกระษัตรีและท้าวศรีสุนทร เป็นวีรสตรีที่สำคัญของเมืองถลางและของชาติไทย ท่านทั้งสองเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน ถือกำเนิดจากตระกูลเมืองถลาง ซึ่งมีอิทธิพลสูงสุดในเมืองถลาง ในระยะที่เมืองนี้มีฐานะเป็นศูนย์อำนาจปกครองหัวเมืองภารใต้ชายฝั่งตะวันตกตั้งแต่ตอนปลาย สมัยกรุงศรีอยุธยา ท้าวเทพกระษัตรีมีชื่อเดิมว่า จัน ส่วนท้าวศรีสุนทร มีชื่อเดิมว่า มุก ตามพงศาวดารเมืองถลาง ซึ่งอขียนจากคำบอกเล่าในปี พ.ศ.2384 โดยลูกหลานของตระกูลเมืองถลาง กล่าวถึงมารดาของท้าวเทพกระษัตรีและท้าวศรีสุนทรไว้ว่า สืบเชื้อสายมาจากเจ้าเมืองไทรบุรี ) ต่อสู้ป้องกันเมืองไว้ได้ ภายหลังเมื่อเสร็จการสงครามแล้ว จึงโปรดให้ เจ้าพระยาสุรินทราชา (จันทร์ ต้นสกุล จันทโรจวงศ์) ไปเป็นผู้สำเร็จราชการหัวเมืองชายทะเลตะวันตกอยู่ที่เมืองถลาง เมืองตะกั่วป่า เมืองตะกั่วทุ่ง จึงไปขึ้นกับเมืองถลางอยู่ระยะหนึ่ง
จังหวัด » กระบี่ ชุมพร ตรัง นครศรีธรรมราช นราธิวาส ปัตตานี พังงา พัทลุง ภูเก็ต ยะลา ระนอง สงขลา สตูล สุราษฎร์ธานี