ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ บุคคลสำคัญ ประเทศและทวีป »
จังหวัด » กระบี่ ชุมพร ตรัง นครศรีธรรมราช นราธิวาส ปัตตานี พังงา พัทลุง ภูเก็ต ยะลา ระนอง สงขลา สตูล สุราษฎร์ธานี
ประวัติศาสตร์-ความเป็นมา ภาคใต้(5)
จุดใหญ่ของการเจรจา คือ การที่อังกฤษ ยอมยกเลิกสิทธิสภาพนอกอาณาเขต ของคนในบังคับอังกฤษ เพื่อแลกกับรัฐมลายู ในอารักขาของไทย ต่างฝ่ายจึงต่างต้องการ ให้ได้ผลประโยชน์มากที่สุด ในเรื่องสิทธิสภาพ นอกอาณาเขตนั้น สโตรเบล เสนอให้จัดการกับคนในบังคับอังกฤษ ที่เป็นชาวเอเชีย ตามแบบที่ตกลงกับฝรั่งเศสใน พ.ศ.2440 คือ คนเอเชีย ที่จดทะเบียนหลังวันเซ็นสัญญา จะต้องขึ้นศาลไทย แต่ถ้าจดทะเบียนก่อน ก็จะขึ้นศาลต่างประเทศ และเมื่อไทย ประกาศใช้ประมวลกฎหมายแล้ว คนในบังคับเหล่านี้ จะต้องขึ้นศาลไทยทั้งหมด และได้รับสิทธิต่างๆ เป็นการตอบแทน แต่การที่จะให้อังกฤษ ยินยอมเช่นนี้ มิใช่เป็นเรื่องง่าย เพราะอังกฤษ จะหมดอิทธิพลทางการเมือง ในบริเวณมลายู อีกประการหนึ่ง ถึงแม้ไทย จะเรียกร้องเอาเฉพาะคนในบังคับ ที่เป็นชาวเอเชียก็ตาม อังกฤษเอง ไม่ต้องการแบ่งแยกชาวยุโรป ออกจากชาวเอเชีย ซึ่งหมายความว่า คนในบังคับอังกฤษทั้งหมด ในประเทศไทย จะต้องขึ้นศาลไทย อังกฤษจึงพยายาม เรียกร้องดินแดน ตอบแทนให้คุ้มกับผลประโยชน์ ที่ตนต้องสูญเสีย ปัญหาเรื่องดินแดน จึงเป็นปัญหาที่รัฐบาลทั้งสองฝ่าย ต่อรองกันมาก
ข้อขัดแย้งที่ตกลงกันยาก คือ การที่จะกำหนดเขตแดนว่า ตรงไหนที่เป็นดินแดนในปกครองไทย และตรงไหนที่จะให้กับอังกฤษ ผู้เจรจาทั้งสองฝ่าย พยายามคำนึงถึงมูลฐาน ทางเชื้อชาติ และสภาพภูมิศาสตร์ แต่การพิจารณานั้น จะเป็นไปด้วยความยุติธรรมยาก เพราะผู้เจรจา ต่างต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ และเกียรติภูมิของชาติ ไปพร้อมๆ กัน ผู้แทนฝ่ายอังกฤษ คือนายราฟ แพชยิต กงสุลอังกฤษ ประจำประเทศไทย แสดงเจตจำนงอย่างชัดแจ้งว่า ปัตตานี ระแงะ และราห์มัน ไม่ควรจะเป็นของไทย เพราะภาษา ศาสนา ประเพณี และผู้คนแตกต่างกับไทย
การแบ่งแยกดินแดน ระหว่างพวกที่นับถือมุสลิม และที่นับถือพุทธนี้ เป็นความใฝ่ฝัน ของข้าหลงวใหญ่อังกฤษ ประจำสิงคโปร์ มาหลายสมัยแล้ว นับตั้งแต่รัฟเฟิลส์ (Raffles) แบรดเดล (Braddell) เวล (Weld) สเวทเทนนั่ม (Swettenham) และโลว์ (Low)
ตลอดเวลาการเจรจา นายแพชยิตทราบดีว่า ถึงแม้ไทย ต้องการจะประนีประนอม กับอังกฤษเพียงไร แต่ไทยจะไม่ยอมยกดินแดน นอกเหนือไปจากที่เสนอ ให้อังกฤษอย่างแน่นอน สโตรเบลเอง ได้อธิบายให้อังกฤษทราบ ถึงเหตุผลข องการยอมเสียดินแดนไว้ ในตอนแรกว่า ไทยมีเหตุผลสองประการด้วยกัน
- ไทยจะยกดินแดนเฉพาะที่เห็นว่า อำนาจของไทยครอบคลุมไปไม่ถึงเท่านั้น
- การแบ่งเขตแดนนั้น จะถือเอาสภาวะการปกครองเป็นหลัก โดยไม่คำนึงถึงเรื่องอื่นๆ เช่น เรื่องภาษา ศาสนา หรือวัฒนธรรม
ด้วยเหตุนี้ไทยจึงขอเสนอเพียง 3 รัฐ ได้แก่ ไทรบุรี กลันตัน และตรังกานูเท่านั้น อย่างไรก็ตาม นายแพชยิต ก็ยังมิได้สิ้นความพยายาม และพากเพียรเจรจาต่อรอง เพื่อให้ได้ดินแดนเพิ่มขึ้น มีหลายครั้งที่การเจรจาถึงขั้นแรง จนเกือบจะต้องยุติการเจรจาทั้งหมด นายแพชยิต พยายามเจรจากับสโตรเบล อย่างไม่เป็นทางการว่า รัฐบาลอังกฤษ ต้องการดินแดนปัตตานี ยะลา สตูล และปะลิสด้วย เพราะเห็นแก่มนุษยธรรม ของประชาชน ในดินแดนนั้น แต่สโตรเบล ได้ตอบโต้ด้วยปฏิกิริยา ที่มึนตึงมาก เช่นกล่าวว่า
"ถ้าท่านต้องการดินแดน เหนือไปจากนี้ ก็ขอให้เลิกการเจรจาทั้งหมด ข้าพเจ้าเอง มีความยุ่งยากใจมากพอแล้ว ในการทูลเรื่องเมืองไทรบุรีต่อพระเจ้าอยู่หัว และข้าพเจ้าจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวมากไปกว่านี้"
สำหรับสตูลและปัตตานีนั้น สโตรเบลชี้แจงว่ามีคนไทยอยู่ในสตูลมาก และไม่อาจจะแยกสตูลออกจากดินแดนไทยได้ ส่วนปัตตานีนั้นไม่อยู่ในประเด็นเลย เพราะคนไทยคงไม่ยอมแน่นอน
ในการเจรจาระยะต่อมา สโตรเบลแสดงทีท่ายินยอมให้ฝ่ายอังกฤษมากขึ้น เช่น ยอมยกเมืองปะลิสเพิ่มให้อีกหนึ่งเมือง สร้างความประหลาดใจ ให้แก่แพชยิตมาก สำหรับการยกเมืองปะลิส ให้อังกฤษนี้ ยังหาหลักฐาน ที่แน่นอนไม่ได้ว่า เป็นเพราะเหตุใด อาจจะพอสันนิษฐานได้ว่าสโตรเบลเห็นว่าไทย ไม่มีผลประโยชน์อะไรในปะลิสอย่างหนึ่ง และอีกอย่างหนึ่ง ถ้าพิจารณาถึงสภาพทางภูมิศาสตร์ และภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ ปะลิสเป็นส่วนหนึ่งของไทรบุรีแน่นอน
ไทยปฏิเสธเรื่องปัตตานีและยะลา ไปอย่างไม่มีเยื่อใยแล้ว แพชยิตก็หันไปเรียกร้องขอดินแดนอื่นอีก คือ ขอผนวกเมืองรามันห์ตอนใต้และเกาะลังกาวี แต่ยังยอมให้ไทยได้เกาะตะรุเตา และเกาะเล็กเกาะน้อยทางตะวันตกของลังกาวีไว้
ระยะนั้น นายเวสเตนการ์ด เข้ามาดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน แทนนายสโตรเบล ซึ่งถึงอนิจกรรมที่กรุงเทพฯ โดยกะทันหัน เมื่อต้นปี พ.ศ.2450 เวสเตนการ์ด กลับเห็นชอบด้วยกับข้อเสนอล่าสุด ของนายแพชยิต เรื่องนี้อาจจะมีเหตุผลสองประการ
- ความรู้สึกที่รุนแรงเรื่องเสียดินแดนของคนไทยคงจะลดน้อยลง หลังจากอสัญกรรมของสโตรเบล
- ไทยกำลังเจรจาเรื่องสร้างทางรถไฟจากกรุงเทพฯ - สิงคโปร์ กับรัฐบาลอังกฤษอยู่
ฝ่ายไทยคงต้องการให้เรื่องสร้างทางรถไฟเสร็จสิ้นไปโดยเร็ว จึงเสนอให้ราห์มันและเกาะลังกาวีแก่อังกฤษ โดยมีเงื่อนไขว่า อังกฤษจะต้องลดดอกเบี้ยเงินกู้ ที่จะกู้สร้างทางรถไฟ จากอัตราร้อยละ 4 เหลือร้อยละ 3.75