สุขภาพ ความงาม อาหารและยา สมุนไพร สาระน่ารู้ >>
เกร็ดความรู้เรื่องดวงตา
ผิวที่มีอาการแพ้ระคายเคือง บวมแดง และมีริ้วรอยที่เกิดขึ้นจาก "ธาตุไฟไม่สมดุล"
สามารถเกิดขึ้นเช่นกันกับผิวละเอียดอ่อนบริเวณรอบดวงตา
อาการธาตุไฟไม่สมดุลนี้สามารถกระตุ้นให้เกิดขึ้นได้ง่าย
โดยอากาศและสิ่งแวดล้อมต่างๆ ที่รายล้อมอยู่รอบตัวเรา รวมทั้งปัจจัยความเครียด
และความเหนื่อยล้าจากการพักผ่อนไม่เพียงพอเป็นสาเหตุสำคัญ
อาการจะแสดงออกมาในรูปแบบของความหมองคล้ำ บวมแดงอย่างเห็นได้ชัดกว่าบริเวณอื่นๆ
ทั้งนี้เพราะผิวบริเวณรอบดวงตานั้นมีความละเอียดอ่อน
และบอบบางมากกว่าผิวในบริเวณอื่นๆ และยังเป็นบริเวณที่มีเส้นประสาทและเซลล์ต่างๆ
อยู่เป็นจำนวนมาก ที่ไวต่อการร่วงโรยและถูกทำร้ายได้ง่าย และคุณรู้อีกหรือไม่ว่า
คุณเองอาจจะทำร้ายผิวบริเวณรอบดวงตาให้ช้ำ หมองคล้ำมากขึ้น
เพราะการทำความสะอาดผิวหรือเมคอัพรอบดวงตาก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุหลักที่ทำร้ายผิวแสนบอบบาง
เคล็ดลับคงความอ่อนเยาว์ของดวงตา ดร.แอนดรูว์ ไวล์
เข้ารับการตรวจตาเป็นประจำทุกๆ 2-4 ปี และทุกๆ 1-2 ปี สำหรับอายุ 65 ปีขึ้นไปสำหรับผู้ที่ต้องจ้องหน้าคอมพิวเตอร์เป็นประจำ เริ่มฝึกนิสัยในการพักสายตาโดยการมองออกไปไกลๆ ทุกๆ 10-15 นาที สวมใส่แว่นตาดำที่สามารถปกป้อง และกรองแสงยูวี ทุกๆ ครั้งที่ทำกิจกรรมกลางแจ้งปกป้องและระวังไม่ให้ดวงตาสัมผัสควัน และฝุ่นละอองต่างๆ โดยตรง
อาหารเสริมเพื่อดวงตาสดใส
บริโภคผัก ผลไม้ ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ (anti oxidant) ในปริมาณสูง เช่น ผิวบิลเบอร์รี่ ผักใบเขียว และแครอท ช่วยลดอันตรายจากอนุมูลอิสระในแสงแดดที่ทำลายจอตา และช่วยลดปัญหาตาบอดจากจอประสาทตาเสื่อมได้ พร้องทั้งช่วยให้สายตาทำงานดีขึ้นในที่มืดและมีความไวในที่มีแสงน้อยๆ ดีกว่า
บริโภคผัก ผลไม้ ที่มาสรลูทีน (Lutien) และซีแซนทีน (Zeaxanthin)
เป็นสารแคโรทีนอยด์ชนิดหนึ่งมีสีเหลือง พบมากในพืชผักที่มีสีเหลืองและสีเขียวเข้ม ที่สามารถพบได้ในผลอโวคาโด บล็อกโคลี่ ข้าวโพด ฟักทอง ผักโขม และผักกวางตุ้ง เป็นสารธรรมชาติที่พบมากในตาบริเวณจุดรับภาพและจอประสาทตาทำหน้าที่ช่วยกรองหรือป้องกันรังสีจากแสงแดด ช่วยปกป้องเซลล์ของจอประสาทตาไม่ให้ถูกทำลายโดยการต้านอนุมูลอิสระที่ทำลายดวงตา และกรองแสงสีน้ำเงินที่จะทำลายดวงตา