เทคโนโลยี นวัตกรรม สิ่งประดิษฐ์ วิศวกรรม เกษตรศาสตร์ >>
กล้วยไม้หอม
ระพี สาคริก
ธรรมชาติของเมืองไทยโดยทั่วไป
มีพรรณไม้พื้นบ้านอย่างหลากหลาย
พรรณไม้ที่มีกลิ่นหอมได้เข้าไปอยู่ในวิญญาณคนไทยมาเป็นเวลาช้านาน
ดังจะพบได้จากวรรณกรรมต่างๆ รวมถึงร้อยกรองและเนื้อเพลงพื้นบ้าน
ที่สะท้อนให้เห็นความงามของพรรณไม้ท้องถิ่น โดยเฉพาะดอกไม้นานาชนิด
นอกจากนั้นยังกล่าวถึงกลิ่นหอมซึ่งผูกพันอยู่กับวิถีชีวิตไทยอย่างลึกซึ้ง
กล้วยไม้เป็นพันธุ์ไม้กลุ่มหนึ่ง ซึ่งหากมองจากรากฐานจิตใจคน
ไม่เพียงคนไทยเท่านั้นแม้กระทั่งจากมุมต่างๆ ของโลก
ทำให้รู้สึกว่าคล้ายมีมนต์ขลังที่สามารถดึงดูดจิตใจได้อย่างลึกซึ้ง
จึงทำให้คนหลายชาติรวมทั้งหลายอาชีพเข้ามาร่วมกัน ณ จุดนี้ได้
หากมองภาพรวมของกฎเกณฑ์ด้านพฤกษศาสตร์
คงกล่าวได้ว่าเป็นพันธุ์ไม้ที่มีธรรมชาติขึ้นอยู่บนพื้นดินไปจนกระทั่งถึงพันธุ์ซึ่งขึ้นอยู่บนต้นไม้
แต่ก็หาใช่ว่าจะดำรงชีพแบบกาฝาก (parasite) ที่อาศัยเกาะกินอาหารจากต้นไม้ไม่
ถ้าจะมองถึงความหลากหลาย ทั้งในด้านรูปลักษณะและอุปนิสัย เราจะพบได้ว่า
กล้วยไม้เป็นพันธุ์ไม้ที่มีลักษณะและอุปนิสัยแตกต่างกันอย่างกว้างขวาง
ในด้านกลิ่นหอมของดอกกล้วยไม้
ก็ใช่ว่าไม่อาจเรียกร้องความสนใจให้ผู้ที่มีโอกาสสัมผัสจากธรรมชาติ
แต่กลับมีส่วนร่วมเสริมสร้างความรู้สึกภายในจิตวิญญาณให้กับผู้มีโอกาสสัมผัสอย่างลึกซึ้ง
อนึ่ง ทุกชีวิตซึ่งดำรงอยู่ตามธรรมชาติ
นอกจากมีเหตุผลอยู่บนพื้นฐานตัวเองแล้ว
อีกด้านหนึ่งย่อมมีการพึ่งพาซึ่งกันและกันร่วมด้วย
ทั้งนี้และทั้งนั้นเพื่อให้ธรรมชาติของโลกมีความสมบูรณ์ครบถ้วน
สำหรับกล้วยไม้โดยทั่วไป
การสืบพันธุ์เท่าที่ผ่านพ้นมาแล้วในอดีตจนกระทั่งถึงในขณะนี้
มีการพึ่งพาอาศัยชีวิตอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาศัยแมลงบางชนิด
นอกจากนั้นคนน่าจะเป็นชีวิตอีกรูปแบบหนึ่งซึ่งกล้วยไม้อาศัยใช้เป็นเครื่องมือสืบพันธุ์ร่วมด้วย
ในเมื่อระบบการสืบพืชพันธุ์ของกล้วยไม้จำเป็นต้องอาศัยชีวิตอื่น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผสมเกสรซึ่งอาศัยแมลงบางชนิด
ดังนั้นภายในองค์ประกอบของดอกกล้วยไม้จึงจำเป็นต้องมีสิ่งล่อแมลงเพื่อให้มาใช้ประโยชน์
แม้ช่วงหลังๆ เราพบว่า
คนหลากหลายความคิดและอาชีพได้ให้ความรักความสนใจแก่กล้วยไม้กว้างขวางมากขึ้น
คนจึงเป็นปัจจัยสำคัญในการช่วยผสมเกสร
อีกทั้งยังมีส่วนร่วมทำให้เกิดพันธุ์กล้วยไม้ที่ใหม่และแปลก
กว้างขวางออกไปอย่างรวดเร็ว
ลักษณะสำคัญที่มีผลล่อแมลง
น่าจะได้แก่ความสวยงามอย่างมีชีวิตชีวาและกลิ่นจากดอกกล้วยไม้
ทำให้พบว่าดอกกล้วยไม้บางชนิดมีทั้งความสวยงามและมีกลิ่นหอม
บางชนิดมีความสวยงามอย่างเดียว
และมีบางชนิดที่มีกลิ่นหอมแต่มีสีสันที่เรียกร้องความสนใจไม่มากนัก
สำหรับจำพวกที่มีกลิ่นหอม บางชนิดอาจส่งกลิ่นหอมเฉพาะช่วงเวลาเช้า
บางชนิดก็ส่งกลิ่นหอมในช่วงเวลาบ่ายไปจนกระทั่งถึงเย็นและค่ำ
แต่ก็มีบางชนิดที่ให้กลิ่นหอมตลอดทั้งวัน รูปลักษณะ สีสัน และกลิ่นหอม
ล้วนมีผลทำให้ดอกกล้วยไม้มีพลังเย้ายวน ซึ่งไม่เพียงแมลงเท่านั้น
แม้มนุษย์แต่ละคนซึ่งถือเป็นชีวิตลักษณะหนึ่งที่อยู่ในธรรมชาติก็ยังตกเป็นทาสความเย้ายวนของดอกกล้วยไม้ด้วยเช่นกัน
จากประสบการณ์เท่าที่ผ่านมาแล้ว ทำให้พบความจริงว่าช่วงหลังๆ
เมื่อมีการจัดงานแสดงกล้วยไม้ขึ้นในมุมต่างๆ ของโลก ไม่ว่างานเล็กงานใหญ่
มักมีการแยกประเภทกล้วยไม้ที่มีกลิ่นหอมออกมาไว้เป็นมุมหนึ่งโดยเฉพาะ
อย่างไรก็ตาม เท่าที่ชีวิตคลุกคลีอยู่กับกล้วยไม้มาแล้วอย่างกว้างขวาง
ทำให้อดรู้สึกไม่ได้ว่า แท้จริงแล้วกล้วยไม้ส่วนใหญ่มีกลิ่นหอม
แต่สิ่งที่สะท้อนออกมาดังกล่าว
แสดงให้รู้ว่าคนเริ่มสนใจกลิ่นหอมของกล้วยไม้กว้างขวางมากขึ้น
กล้วยไม้ส่วนใหญ่ที่อยู่บนพื้นฐานความหลากหลายและปริมาณหนาแน่นมากที่สุด
อยู่ในเขตร้อนของโลก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนพื้นแผ่นดินที่มีความเป็นมาช้านานพอสมควรแล้ว เช่นในทวีปอเมริกา
ทวีปเอเชีย รวมถึงหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก
แม้ทวีปแอฟริกาบนพื้นที่ซึ่งอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตรของโลก
กล้วยไม้เป็นพืชกลุ่มหนึ่งที่สามารถปรับตัว รวมถึงรูปลักษณะและอุปนิสัย
ให้สอดคล้องกันกับสภาพแวดล้อมธรรมชาติของแต่ละแหล่งกำเนิดได้อย่างอิสระ
ประเทศไทยเป็นดินแดนแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ซึ่งมีกล้วยไม้พันธุ์ธรรมชาติอย่างหลากหลาย
นับตั้งแต่ชนิดที่พบขึ้นอยู่บนพื้นดินไปจนกระทั่งชนิดซึ่งขึ้นอยู่บนต้นไม้ในสภาพที่ได้รับแสงแดดอย่างเต้มที่
ดังนั้นในประเด็นกล้วยไม้ที่มีกลิ่นหอม
ดินแดนแห่งนี้จึงสามารถพบได้หลายชนิด
มีบางชนิดที่เข้าไปผสมกลมกลืนอยู่กับวัฒนธรรมพื้นบ้านอย่างน่าสนใจ
ชนิดหนึ่งซึ่งเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางมาแต่อดีตกาล
อีกทั้งยังมีเรื่องราวเชื่อมโยงไปถึงประเพณีนิยมภายในท้องถิ่นซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดอีกด้วย
ชนิดแรกที่ขออนุญาตหยิบยกมาเป็นตัวอย่างได้แก่ เอื้องสามปอย (Vanda
denisoniana)
ซึ่งมีแหล่งกำเนิดอยู่ในจังหวัดภาคเหนือ
และออกดอกเริ่มต้นแต่ปลายฤดูฝนไปจนถึงต้นฤดูร้อน ในบรรดาเอื้องสามปอย
มีอยู่พันธุ์หนึ่งซึ่งคนท้องถิ่นภาคเหนือนิยมเรียกชื่อว่า เอื้องสามปอยหลวง
ดอกมีสีเหลืองอมสีน้ำตาล มีกลิ่นหอมเย็นชวนดมมากและเป็นพันธุ์ที่หายาก
เนื่องจากภาคเหนือเป็นดินแดนเกษตรกรรมที่สมบูรณ์มาแต่อดีต
นอกจากนั้นยังมีกล้วยไม้ป่าอยู่ตามธรรมชาติอย่างหลากหลายด้วย
หลังเสร็จฤดูเก็บเกี่ยวพืชผลแล้ว เกษตรกรนิยมพักผ่อน โดยจัดกิจกรรมทำบุญเข้าวัด
งานวัด ภาษาชาวเหนือเรียกกันว่างานปอย คำว่าหลวงหมายถึงใหญ่ ดังนั้น
เอื้องสามปอยหลวงจึงหมายความว่า ให้ดอกบานทนได้นานถึงช่วงสามงานวัดติดต่อกัน
อนึ่ง มีการกล่าวขานกันในระหว่างชาวบ้านว่า
เอื้องสามปอยหลวงส่งกลิ่นหอมตั้งแต่ช่วงเวลาบ่ายไปจนถึงเย็นและค่ำ
นอกจากนั้นกลิ่นของเอื้องสามปอยหลวงยังกระจายไปไกลอีกด้วย
อีกกรณีหนึ่ง ได้แก่เอื้องแซะ (Dendrobium scabrillingae)
ซึ่งมีแหล่งกำเนิดอยู่ในระดับพื้นที่สูงของจังหวัดภาคเหนือ
คนพื้นบ้านภาคเหนือทราบกันดีว่า แหล่งกำเนิดของเอื้องแซะ อยู่ที่อำเภอแม่เสรียง
ภายในเขตจังหวัดแม่ฮ่องสอน
เอื้องแซะได้เข้ามาใช้ในประเพณีนิยมของชาวเมืองเหนือมาเป็นเวลาช้านาน
ฤดูดอกของกล้วยไม้ชนิดนี้อยู่ในช่วงฤดูที่มีอากาศเย็นไปจนกระทั่งถึงฤดูร้อน
จากหลักฐานเท่าที่ปรากฏพบว่า
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จประพาสภาคเหนือ มีชาวเขาเผ่าลั๊วะ
นำกล้วยไม้เอื้องแซะขึ้นทูลเกล้าถวาย ทั้งนี้และทั้งนั้น
เป็นที่ทราบกันดีว่ากล้วยไม้ชนิดนี้ ชาวเหนือนิยมใช้ในประเพณีรดน้ำดำหัว เพื่อ
คาราวะผู้ใหญ่ซึ่งเป็นที่เคารพรักอย่างสูง
ดังจะพบได้จากประเพณีวันขึ้นปีใหม่และวันสงกรานต์
มีกล้วยไม้พื้นบ้านของไทยที่มีกลิ่นหอมอย่างหลากหลาย ณ
โอกาสนี้ใคร่ขอหยิบยกเอากล้วยไม้บางกลุ่มซึ่งมีความสวยงามในสายตาคนทั่วไปมาเป็นตัวอย่าง
กล้วยไม้ช้าง (Rhynchostylis gigantea)
กล้วยไม้ชนิดนี้มีประวัติความเป็นมาในประเทศไทยมาเป็นเวลานาน เมื่อประมาณร่วม 100
ปีมาแล้ว วงการกล้วยไม้ของไทยซึ่งขนาดนั้นเริ่มต้นขึ้นในกรุงเทพฯ
ระหว่างกลุ่มบุคคลที่มีฐานันดรและพ่อค้าข้าราชการระดับสูงกล้วยไม้ช้างได้เข้ามามีบทบาทสำคัญ
กล้วยไม้ชนิดนี้ มีลักษณะช่อดอกยาวคล้ายหางกระรอก (foxtail)
ในแต่ละช่อมีดอกไม่ต่ำกว่า 50 ดอก พื้นกลีบสีขาว ประจุดเล็กๆ
สีม่วงอ่อน (amethyst purple) ฤดูดอกอยู่ระหว่างช่วงเริ่มต้นของอากาศเย็น
ตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคมไปจนถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์ มีกลิ่นหอมค่อนข้างแรง
ภายในชนิดเดียวกันยังมีบางต้นที่ให้สี (amethyst purple)
ทั้งดอกซึ่งเรียกกันว่า ช้างแดง กับมีบางต้นให้ดอกสีขาวบริสุทธิ์ที่เรียกกันว่า
ช้างเผือก แต่ทั้งสองแบบหาจากธรรมชาติได้ยากมาก
ระหว่างช่วงปี พ.ศ.2502-2503 ในช่วงเดือนมกราคม
องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ
ได้ทรงต้อนรับพระราชาธิบดีแห่งประเทศสวีเดนกับประเทศเบลเยี่ยม
พระองค์ท่านได้มีพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้จัดแสดงกล้วยไม้พื้นบ้านของไทยถวายการต้อนรับขึ้น ณ
อาคารสันทนาการของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่
กล้วยไม้ช้างได้ทำหน้าที่ในระหว่างช่วงนั้นอย่างสวยงามมาก
อีกทั้งยังส่งกลิ่นหอมตลบไปทั่วบริเวณอาคาร ซึ่งตั้งโต๊ะเสวยสุธารส ณ โอกาสนั้นด้วย
พวงมาลัยหรือไอยเรศ (Rhynchostylis retusa)
เป็นกล้วยไม้พันธุ์ธรรมชาติ ซึ่งอยู่ในกลุ่มเดียวกันกับกล้วยไม้ช้าง
มีลักษณะช่อดอกและดอกคล้ายคลึงกัน แต่ให้ช่อดอกยาวกว่า
นอกจากนั้นฤดูดอกของกล้วยไม้ชนิดนี้
จะบานรับกันกับเดือนเมษายนซึ่งมีอากาศค่อนข้างร้อนมาก
นับเป็นกล้วยไม้หอมอีกชนิดหนึ่งที่น่าสนใจ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่คิดนำกล้วยไม้มาปลูกติดกับต้นไม้ในบริเวณสวนภายในบ้าน
เพื่อความสวยงามแบบธรรมชาติ
เขาแกะ (Rhynchostylis coelestis)
เป็นกล้วยไม้อีกชนิดหนึ่งซึ่งทางวิชาการ พฤกษศาสตร์จัดอยู่ในกลุ่มเดียวกัน
แต่กล้วยไม้ชนิดนี้มีช่อดอกตั้งแข็งแทนที่จะโน้มห้อยอย่างสองชนิดแรก
พื้นของดอกมีสีขาว ปลายกลีบดอกมีสีม่วงปนสีฟ้า (blueish purple)
ออกดอกระหว่างเดือนพฤษภาคม เป็นกล้วยไม้ที่มีความทนทานกับความแห้งแล้งได้อย่างดี
นอกจากนั้นยังมีกลิ่นหอมค่อนข้างแรงด้วย
ยังมีกล้วยไม้หอมที่น่าสนใจอีกสกุลหนึ่งคือ เอื้องกุหลาบ (Aerides)
กล้วยไม้ชนิดต่างๆ ที่พบในสกุลนี้ส่วนใหญ่มีกลิ่นหอม
ยังมีกล้วยไม้สกุลหวาย (Dendrobium) ประเภทเอื้องต่างๆ
ซึ่งพบอยู่ในภาคเหนือของประเทศไทย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณเทือกเขาที่มีระดับความสูงต่างๆ กันเช่น
เอื้องผึ้ง (Dendrobium aggegatum) เอื้องคำ (Dendrobium chrysotoxum)
และเอื้องม่อนไข่ (Dendrobium thyrsiflorum) และเอื้องสายชนิดต่างๆ
(Dendrobium in section eugemanthe) ชนิดต่างๆ ที่มีกลิ่นหอม
บรรดากล้วยไม้กลิ่นหอมเหล่านี้ เท่าที่พบเห็นอยู่ในธรรมชาติ
แม้กระทั่งการนำมาปลูกไว้ตามต้นไม้ในบริเวณบ้านมักมีแมลงมาช่วยผสมเกสรจนกลายเป็นของธรรมดา
สิ่งที่กล่าวมาแล้วเป็นเพียงตัวอย่างจากกล้วยไม้ที่มีกลิ่นหอมซึ่งพบได้ทั่วไปในสภาพธรรมชาติของเมืองไทย
ยิ่งเป็นช่วงฤดูร้อน ดูเหมือนกล้วยไม้ประเภทที่มีกลิ่นหอมจะออกดอกบานสะพรั่ง
คล้ายกับว่าท่ามกลางสภาพอากาศที่ค่อนข้างร้อน
คนท้องถิ่นจะได้รับทั้งความสวยงามร่วมกับกลิ่นหอมจากดอกกล้วยไม้
นับเป็นสิ่งทดแทนทางจิตใจที่ธรรมชาติมอบให้ไว้แก่คนไทยได้เป็นอย่างดี