สุขภาพ ความงาม อาหารและยา สมุนไพร สาระน่ารู้ >>
สมุนไพรง็อก
ง็อกเป็นสมุนไพรที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศเวียดนาม มีชื่อภาษาญวนว่า
ฮว่านง็อก(HOAN-NGOC) นอกจากนี้ยังมีชื่ออื่นๆ อีกคือ ว่านลิง ว่านยาลิง
หรือว่านวานร (ไม่เกี่ยวกับต้นหนุมานประสานกาย)
ได้ถูกนำเข้าประเทศไทยเป็นเวลานานพอสมควรแล้ว
ง็อกมีสรรพคุณอันน่ามหัศจรรย์ในการรักษาโรคสำคัญๆ ซึ่งมีคนไทยเป็นกันจำนวนมาก เช่น
โรคหัวใจ เบาหวานความดันโลหิตสูงหรือต่ำ ไข้หวัด ภูมิแพ้ มะเร็งต่างๆ เป็นต้น
การชำ
การชำเป็นขั้นตอนแรกในการขยายพันธุ์
เป็นการทำให้กิ่งพันธุ์งอกรากเพื่อการปลูกลงดินต่อไป การชำง็อกอย่างง่ายๆ ทำได้ 2
วิธีคือ
วิธีที่ 1
- เตรียมกิ่งชำด้วยการใช้กรรไกรตัดแต่งกิ่ง (Pruning Shears) หรือมีดที่คม
ตัดกิ่งง็อกวัดจากปลายยอดลงมาประมาณ 3/4 -1 คืบ โดยตัดให้เฉียงกับกิ่ง
เพื่อให้กิ่งดูดน้ำขึ้นไปโดยสะดวก ริดใบข้างล่างออกโดยให้ข้างบนเหลือเพียงประมาณ
4-10 ใบ
- ภาชนะสำหรับชำกิ่งชำอาจใช้แก้วน้ำสูงประมาณ 10 เซ็นติเมตร
หรือใช้ขวดน้ำอัดลมพลาสติคขนาด 1.25 หรือ 1.5 ลิตร ตัดส่วนตามขวางบนทิ้งไป
ให้เหลือส่วนล่างซึ่งสูงประมาณ 1คืบ
ใช้น้ำประปาจากก๊อกเติมน้ำลงในภาชนะสำหรับชำให้เกือบเต็ม
ภาชนะที่มีขนาดใหญ่สามารถชำกิ่งชำได้หลายกิ่งพร้อมๆ กัน
- รีบนำกิ่งชำจากข้อ 1) มาชำในภาชนะในข้อ 2) นำกิ่งชำในข้อ 3)
ไปไว้ในที่ร่มซึ่งไม่ค่อยมีลมพัดผ่าน เช่น ในบ้าน เป็นต้น
กิ่งชำอาจเหี่ยวเล็กน้อยหรือไม่เหี่ยวเลยใน 1-2 วันแรก
หลังจากนั้นอาจเคลื่อนย้ายไปยังที่ๆ มีแสงแดดได้บ้าง แต่ยังไม่มีลมแรงพัดผ่าน
ประมาณ 7 วันนับแต่ต้น กิ่งชำจะมีรากงอกออกมายาวประมาณ 1 เซ็นติเมตร (ควรเปลี่ยนน้ำประมาณทุก 7 วัน เพื่อหลีกเลี่ยงลูกน้ำของยุงลาย) หลังจากนี้อีกประมาณ 2-3 อาทิตย์ รากยาวเพียงพอที่จะนำไปปลูกลงดินที่เตรียมไว้ได้
วิธีที่ 2
- เตรียมดินสำหรับชำซึ่งประกอบด้วยดินร่วน 2 ส่วนและถ่านแกลบ 2 ส่วน ทั้งสองสิ่งผสมเข้าด้วยกันเป็น อย่างดี ใส่ดินชำให้เกือบเต็มถุงชำ
- เตรียมกิ่งชำคล้ายกับข้อ 2
- นำท่อนกิ่งพันธุ์ในข้อ (2) ชำลงในถุงดินชำในข้อ (1) โดยให้ลึกลงไปจากหน้าดินประมาณ 2-3 ข้อนิ้วมือ รดน้ำให้ชุ่ม นำไปวางไว้ในที่ร่มหรือรำไร ซึ่งไม่ค่อยมีลมพัดผ่าน ในกรณีที่แดดจัดและ/หรือลมแรง ให้ใช้ถุงพลาสติคใสหรือขุ่นเล็กน้อย ครอบกิ่งชำและถุงชำ หมั่นรดน้ำให้ชุ่มเสมอ ประมาณ 15-20 วันรากจะงอกและผลิใบ รดน้ำให้ชุ่มอีกวันละ 2 เวลาตลอด 1 เดือน จากนั้นจึงนำไปปลูกลงดินที่เตรียมไว้ได้ ดูข้อ 3
การปลูก
ขั้นตอนนี้เป็นขั้นสุดท้ายในการขยายพันธุ์
ง็อกเป็นพืชที่ชอบน้ำและดินที่ร่วนซุย เจริญเติบโตได้ในแดดรำไรจนถึงแดดจัด
ต้นง็อกที่ได้รับแดดมากจะอวบและแข็งแรง
แต่ต้องคอยรดน้ำให้ชุ่มอยู่เสมออย่างน้อยวันละ 2 ครั้งคือเช้าและเที่ยงวัน
- การปลูกลงในดิน ขุดหลุมในดินเป็นวงกลมเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 50 เซ็นติเมตร
ลึกประมาณ 50 เซ็นติเมตร เติมถ่านแกลบและมูลโคแห้ง(ถ้าใช้มูลโคสด ตอนมันสลายตัว
เกิดความร้อนสูง
อาจทำให้ต้นไม้ตายได้)ลงในดินที่ขุดขึ้นมา(เฉพาะส่วนที่จะใช้ใส่ลงไปในหลุมที่ขุด)ในอัตราส่วนโดยปริมาตร
ดิน 2 ส่วน ถ่านแกลบ 1 ส่วน และมูลโคแห้ง 2 ส่วน (ถ้าไม่มีถ่านแกลบ ก็ไม่ต้องใช้ )
ผสมส่วนต่างๆ ให้เข้ากันดี แล้วเทลงไปในหลุมที่ขุด พร้อมกับนำกิ่งชำมาปลูก
ระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 1.0-1.50 เมตร รดน้ำให้ชุ่มอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง
ในกรณีที่แดดจัดมากภายใน 7 วันแรก ควรมีการบังไพรให้ต้นง็อกบ้าง ถ้ามีลมพัดแรง
ควรผูกต้นง็อกไว้กับหลักยึดเพื่อมิให้ต้นง็อกโยกคลอน ในการรดน้ำแต่ละครั้ง
ควรรดเพียงพอที่น้ำจะไปถึงรากฝอยที่อยู่ลึกที่สุดจากผิวดินเท่านั้น ถ้ารดมากกว่านี้
เป็นการสูญเสียน้ำและแร่ธาตุในดินไปกับน้ำโดยเปล่าประโยชน์
- การปลูกในกระถาง ควรใช้กระถางขนาดไม่เล็กกว่า 10-12 นิ้ว อาจกระถางพลาสติคสีดำ เพราะมีน้ำหนักเบาและราคาไม่แพง ดินที่ใช้ปลูกประกอบด้วยดินร่วน 2 ส่วน ถ่านแกลบ 2 ส่วนและมูลโคแห้ง 2 ส่วน (ถ้าไม่มีถ่านแกลบ ก็ไม่ต้องใช้ ) ใส่ดินให้พูนกระถางและเขย่ากระถางให้ดินทรุดตัวลงบ้าง เพราะว่าหลังจากรดน้ำดินทรุดตัวลงไปอีก ในช่วง 7 วันแรกควรวางกระถางไว้ในที่ๆ มีแดดรำไร หลังจากนั้นค่อยย้ายกระถางมาอยู่ในที่ๆ มีแดดจัด ถ้ามีลมพัดแรง ควรผูกต้นง็อกไว้กับหลักยึดเพื่อมิให้ต้นง็อกโยกคลอน การรดน้ำให้ชุ่มอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ในการรดน้ำแต่ละครั้ง พอมีน้ำเริ่มไหลออกมาจากก้นกระถางให้หยุด เพราะว่าถ้ารดน้ำมากกว่านี้ นอกจากจะเป็นการทิ้งน้ำไปโดยเปล่าประโยชน์แล้ว ยังเป็นการสูญเสียแร่ธาตุในดินซึ่งละลายไปกับน้ำอีกด้วย
การแต่งกิ่ง
ต้นง็อกอาจสูงถึง 2.5-3.0 เมตร
แต่ไม่ค่อยมีใบให้รับประทาน ดังนั้นควรตัดแต่งกิ่งให้เป็นพุ่มที่ไม่สูงเกินไป
สำหรับต้นง็อกในกระถาง ควรตัดแต่งให้เป็นพุ่มสูงประมาณ 60-75 เซ็นติเมตร
สำหรับต้นง็อกในดิน ควรตัดแต่งให้เป็นพุ่มสูงประมาณ 100-150 เซ็นติเมตร
การตัดแต่งกิ่งให้ทำคล้ายกับการขยายพันธ์ในข้อ 2 นอกจากนี้ควรตัดกิ่งที่ลีบเล็กทิ้ง