วรรณกรรม สุภาษิต ข้อคิด คำคม สำนวน โวหาร งานเขียน >>
สมบัติของวรรณคดีไทย
วรรณคดีวิจักษ์ ม.3
ศิลปะการประพันธ์ในวรรณคดีไทย
เนื้อหาของวรรณคดีไทย
ศิลปะการประพันธ์ในวรรณคดีไทย
1. การเล่นเสียง คือการสรรคำให้มีเสียงสัมผัสกัน เช่น การสัมผัสสระ พยัญชนะ
และวรรณยุกต์ ยกตัวอย่างเช่น โคลงอักษรสามหมู่ ของพระศรีมโหสถ ดังนี้
จิบจับเจาเจ่าเจ้า รังมา
จอกจาบจั่นจรรจา จ่าจ้า
เค้าค้อยค่อยคอยหา เห็นโทษ
ซอนซ่อนซ้อนสริ้วหน้า นิ่งเร้าเอาขวัญ
สัมผัสสระ
- สัมผัสใน
เจา-เจ้า-เจ้า,จั่น-จรร,จ่า-จ้า,ค้อย-ค่อย-คอย,ซอน-ซ่อน-ซ้อน,เร้า-เอา
- สัมผัสนอก มา-จา-หา,จ้า-หน้า
สัมผัสอักษร
- สัมผัสใน เจา-เจ้า-เจ้า,จั่น-จรร,จ่า-จ้า,ค้อย-ค่อย-คอย,ซอน-ซ่อน-ซ้อน
สัมผัสวรรณยุกต์
- สัมผัสใน เจา-เจ้า-เจ้า,จั่น-จรร,จ่า-จ้า,ค้อย-ค่อย-คอย,ซอน-ซ่อน-ซ้อน
2. การเล่นคำ คือ การใช้คำพ้องรูปพ้องเสียง การซ้ำคำ
การใช้คำถามเชิงวาทศิลป์เพื่อให้เกิดความหมายพิเศษและแปลกออกไป
การเล่นคำพ้อง
ถึงบางพูดพูดดีเป็นศรีศักดิ์ มีคนรักรถถ้อยอร่อยจิต (เล่นคำว่า
พูด)
จากพรากจับจากจำนรรจา เหมือนจากนางสการะวาตี (เล่นคำว่า จาก)
การซ้ำคำ
คุณ แม่หนาหนักเพี้ยง พสุธา
คุณ บิดรดุจอา กาศกว้าง
คุณ พี่พ่างศิขรา เมรุมาศ
คุณ พระอาจารย์อ้าง อาจสู้สาคร (ซ้ำคำว่า
คุณ)
การใช้คำถามเชิงวาทศิลป์ คือ คำถามที่ไม่ต้องการคำตอบ
เพราะทราบคำตอบดีอยู่แล้ว เช่น
กระนี้หรือพระบิดามิน่าหนี ทั้งท่วงทีไม่สุภาพทำหยาบหยาม
ยักขิณีผีสางหรืออย่างไร มาพาไปไม่เกรงข่มเหงกู
3. การใช้ภาพพจน์ คือ การใช้ถ้อยคำเพื่อสร้างภาพในใจ (จินตภาพ)
แก่ผู้อ่านโดยการใช้โวหารกล่าวอย่างไม่ตรงไปตรงมา
- อุปมา คือ การเปรียบเทียบสองสิ่งที่ต่างกัน
แต่มีลักษณะเด่นเหมือนกัน โดยมักใช้คำเชื่อม เช่น ดุจ ดัง ดั่ง เหมือน ราวกับ
คล้าย เฉก เช่น เพี้ยง ฯลฯ
สัตว์ในน้ำจำแพ้แก่ผีเสื้อ เปรียบเหมือนเนื้อเห็นพยัคฆ์ให้ชักหลัง
สามสิบสามเศียรโสภา เศียรหนึ่งเจ็ดงา ดั่งเพชรรัตน์รูจี - อุปลักษณ์ คือ การเปรียบเทียบสองสิ่งที่ต่างกัน
แต่มีคุณสมบัติบางประการร่วมกัน โดยเปรียบเทียบว่าสิ่งหนึ่งเป็นสิ่งหนึ่งโดยตรง
หรือเปรียบโดยใช้คำว่า คือ เป็น
ขอลาแก้วแววตาไปธานี อย่าราคีขุ่นข้องให้หมองมัว
ความรู้คู่เปรียบด้วย กำลัง กายแฮ (อุปมา)
สุจริตคือเกราะบัง ศาสตร์พ้อง (อุปลักษณ์)
ปัญญาประดุจดัง อาวุธ (อุปมา)
สติต่างโล่ป้อง อาจแกล้วกลางสนาม (อุปมา) - บุคคลวัต หรือ บุคลาธิษฐาน
คือการกล่าวถึงสิ่งที่มิใช่มนุษย์ราวกับเป็นมนุษย์
โดยการใช้คำที่แสดงกิริยาอาการ การกระทำ ความรู้สึกนึกคิดแบบมนุษย์
โทสะอาจจะโดดโลดข้ารั้ว ไม่เกรงกลัวบัญญัติเลย
สัตภัณฑ์บรรพตทั้งหลาย อ่อนเอียงเพียงปลาย
ประนอมประนมชมชัย ( ภูเขาสัตภัณฑ์น้อมไหว้)
กระต่ายตัวหนึ่งยิ้มเยาะเต่าว่า เท้าสั้น เดินก็ช้า - สัทพจน์ คือ การใช้คำเลียนเสียงธรรมชาติ เช่น โครมๆ เปรี้ยงๆ แปร๊นๆ
โฮกๆ ฯลฯ
ดูงูขู่ฟูดฟู่ พรูพรู
ถ้วยชามกลิ้งฉิ่งฉ่างเสียงกร่างโกรง นาวาโคลงโคลนเลอะตลอดแคม
บ้างก่งคอคูคูกุกกูไป ฝูงเขาไฟฟุบแฝงที่แฝกฟาง - อธิพจน์ คือ การกล่าวที่เกินความจริง เช่น
เสียงพลโห่ร้องเอาชัย เลื่อนลั่นสนั่นใน
พิภพเพียงทำลาย
เรียมร่ำน้ำเนตรถ้วม ถึงพรหม
พาเทพเจ้าจ่อมจม ชีพม้วย
พระสุเมรุเปื่อยเป็นตม ทบท่าว ลงนา
หากอกนิฏฐ์พรหมฉ้วย พี่ไว้จึงคง
อายุยืนหมื่นเท่าเสาศิลา อยู่คู่ฟ้าดินได้ดังใจปอง