วิทยาศาสตร์ ดาราศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา >>

แมงมุมแม่ม่ายดำ


ชื่อวิทยาศาสตร์ : Latrodectus mactans (Fabricius)
(Araneae : Theridiidae)

ข้อเท็จจริง : แมงมุมแม่หม้ายดำ มีลักษณะรูปทรงนาฬิกาทรายสีส้มสีแดง มีเครื่องหมายบนด้านล่างของช่องท้อง แมงมุมแม่หม้ายดำเป็น predaceous, กินแมลงขนาดเล็กที่ติดอยู่ในใยของมัน การกัดของมันคือความเจ็บปวดในตอนแรก แต่อาจจะตามมาในประมาณหนึ่งชั่วโมงโดยมีอาการปวดรุนแรงและบวม พิษทำให้เกิดการปวด, คลื่นไส้, ขาดการประสานงานและการหายใจลำบากโดยการรบกวนระบบประสาทในการทำงาน ความตายได้เกิดขึ้นในบุคคลที่มีผิวแพ้ง่ายพิษ

พิษรุนแรง ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท

“แมงมุมแม่ม่ายดำ" หรือ Black Widow Spider เป็นเแมงมุมที่มีพิษร้ายทำให้ถึงตายได้ พบกระจายได้ทั่วโลก และในยุโรป ออสเตรเลีย แอฟริกา อเมริกาเหนือและใต้

ลำตัวของแมงมุมแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนหัวและอกรวมเป็นชิ้นเดียวกัน และส่วนท้อง ซึ่งไม่แบ่งเป็นปล้อง ด้านหน้าของส่วนท้อง ซึ่งเชื่อมต่อกับส่วนหัวและอกมีลักษณะเป็นก้านเล็กๆ มีเขี้ยวพิษ 1 คู่ ขา 4 คู่ มีอวัยวะที่ใช้หายใจ และอวัยวะสร้างใยอยู่ที่ส่วนท้องลักษณะลำตัวเป็นมัน ตัวเมียขนาด 30-40 มิลลิเมตร ตัวผู้ขนาด 16-20 มิลลิเมตร ลำตัว ท้อง และขามีสีน้ำตาลดำ หน้าท้องมีลวดลายคล้ายรูปนาฬิกาทรายสีแดงส้มอยู่ด้านใต้ส่วนท้อง

มักอาศัยอยู่ในที่มืด ในกองไม้ ตอไม้ รอยแตกของพื้น หากอาศัยอยู่ในบ้าน จะอยู่ในที่มืดอับ เฟอร์นิเจอร์ เสื้อผ้า หลังจากผสมพันธุ์ กันแล้ว ตัวผู้อาจถูกตัวเมียกิน หรือจากไปผสมพันธุ์กับตัวเมียตัวอื่น ตามธรรมชาติแมงมุมแม่ม่ายดำจะกินตัวผู้ซึ่งเป็นคู่ของมันหลังจากผสมพันธุ์เสร็จ บางครั้งมันจะกินคู่ของมันได้ถึง 20 ตัวต่อวันเลยทีเดียว

พิษแมงมุมแม่ม่ายดำ จะออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท โดยเฉพาะระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้ผิวหนังตาย หรือมีเลือดออกตามอวัยวะภายในต่างๆ ต่อมน้ำเหลืองบริเวณใกล้เคียง เช่น บริเวณรักแร้ ขาหนีบ มีการอักเสบกดรู้สึกเจ็บได้ มีเหงื่อออก ขนลุก ความดันโลหิตสูง รอยกัดเขียวช้ำ มีจุดแดง อ่อนแรง สั่นปวดกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อเกร็ง ท้องแข็ง เป็นอัมพาต ซึม และชักในรายที่แพ้พิษรุนแรง พิษของมันยังทำลายไต สุดท้ายตายด้วยภาวะไตวายหรือการหายใจล้มเหลว

 

แมงมุมแม่ม่ายน้ำตาล


ชื่อวิทยาศาสตร์ : Latrodectus geometricus

ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 3 ปีก่อน ภาพแมงมุมแม่หม้ายสีน้ำตาลที่ถ่ายได้ในบ้านเราปรากฏขึ้นครั้งแรกในกระทู้หนึ่งในเว็บไซต์ siamensis.org นี่เอง เป็นภาพที่พี่นณณ์ ถ่ายได้จากตลาดนัดจตุจักรเพื่อขอข้อมูลยืนยันว่าเป็นแมงมุมแม่หม้ายสีน้ำตาลจริงหรือไม่ ประเด็นในขณะนั้นมุ่งเน้นถึงสถานภาพการเป็นสัตว์ต่างถิ่นซึ่งหลุดรอดออกมาจากการนำเข้าเพื่อเป็นสัตว์เลี้ยงของผู้ค้าบางราย แต่ดูเหมือนเรื่องจะเงียบไปและมีแนวโน้มว่าสามารถควบคุมได้ นั่นคือจุดเริ่มต้นที่พวกเราออกค้นหาและเก็บตัวอย่างแมงมุมจากตลาดนัดแห่งนั้นมาอย่างต่อเนื่อง จากการตรวจสอบและปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญแมงมุมกลุ่มนี้ พบว่าแมงมุมต้องสงสัยนั้นเป็นแมงมุมแม่หม้ายสีน้ำตาลจริงๆ

วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2551 พวกเราได้รับตัวอย่างแมงมุมตัวนึงจากเพื่อน ได้ความว่าน้องของเค้าพบมันที่บ้านในอำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม เมื่อตรวจสอบตัวอย่างดังกล่าวพบว่าเป็นแมงมุมแม่หม้ายสีน้ำตาลเจ้าเก่าเหมือนที่เคยพบในกรุงเทพ พวกเราจึงตามไปเก็บตัวอย่างเพิ่มเติม จากนั้นจึงโพสต์เพื่อเตือนภัยใน siamensis.org นี้ เป็นที่มาให้รายการทีวีรายการหนึ่งติดต่อเข้ามาขอถ่ายทำในเรื่องนี้ จากภาพบางภาพและข้อมูลที่ผิดพลาดบางส่วนที่ถูกเผยแพร่ออกไปทำให้แมงมุมชนิดนี้น่ากลัวเกินความเป็นจริง เป็นการปลุกกระแสแมงมุมให้ตื่นตัวขึ้นและเป็นข่าวออกสื่อมากมาย แต่อย่างไรก็ตามก็ยังคงเกิดความสับสนเสมอในการระบุตัวแมงมุมว่าใช่หรือไม่ใช่ อันตรายจริงหรือไม่ และพวกมันมาจากไหน พวกเราได้ออกสำรวจและเก็บตัวอย่างรวมทั้งศึกษาแมงมุมชนิดนี้ในหลายแง่มุมเพื่อมาบอกเล่าให้คลายความสงสัยเกี่ยวกับเจ้าแมงมุมแม่หม้ายสีน้ำตาล มาทำความรู้จักกับแมงมุมชนิดนี้กันค่ะ

แมงมุมแม่หม้ายสีน้ำตาลหรือ Brown Widow มีชื่อวิทยาศาสตร์คือ Latrodectus geometricus มีการค้นพบครั้งแรกในประเทศโคลัมเบีย ทวีปอเมริกาใต้ จากนั้นได้มีการกระจายกว้างออกไปยังทวีปอเมริกาเหนือ ทวีปแอฟริกา ทวีปออสเตรเลีย โดยส่วนใหญ่ติดไปกับการขนส่งทางเรือและอากาศ จากนั้นก็มีรายงานพบที่ทวีปเอเชียโดยเริ่มจากประเทศฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่นและอินเดีย กล่าวได้ว่าในปัจจุบันแมงมุมชนิดนี้สามารถพบได้ในเขตร้อนและเขตอบอุ่นทั่วโลก นักสัตววิทยาจึงจัดแมงมุมชนิดนี้เป็นชนิดที่สามารถพบได้ทั่วโลก(cosmopolitan species)ในประเทศไทยจากการออกเก็บตัวอย่าง รวมถึงการแจ้งข่าวและการส่งตัวอย่างมาให้ตรวจสอบ พบว่าแมงมุมแม่หม้ายสีน้ำตาลมีรายงานการพบในหลายจังหวัดของประเทศไทย ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี สมุทรสงคราม ราชบุรี เชียงใหม่ พะเยา แพร่ ลำพูน ลำปาง พิจิตร ชัยนาท ระยอง จันทบุรี นครราชสีมา และหนองบัวลำภูซึ่งจากการสอบถามชาวบ้านในหลายพื้นที่ ได้ข้อมูลว่าแมงมุมแม่หม้ายสีน้ำตาลถูกพบอยู่ในพื้นที่มานานแล้วก่อนมีการพบที่ตลาดนัดจตุจักรเสียอีก แต่ชาวบ้านไม่ทราบว่าเป็นแมงมุมชนิดไหน จากข้อมูลดังกล่าวซึ่งพบแมงมุมชนิดนี้ในเกือบทุกภาคของประเทศ ประกอบกับบันทึกอย่างไม่เป็นทางการของ Professor Konrad Thaler จากมหาวิทยาลัย Innsbruck ซึ่งเข้ามาสำรวจแมงมุมในประเทศไทยได้บันทึกการพบแมงมุมที่ระบุว่าเป็น brown widow ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1980 ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน แสดงให้เห็นว่าแมงมุมชนิดนี้อาจกระจายเข้ามาในประเทศไทยเป็นเวลานานแล้วเพียงแต่ยังไม่มีใครพบเห็นหรือสนใจ จึงแทบไม่มีข้อมูลของแมงมุมชนิดนี้เลยก่อนหน้านี้

แมงมุมแม่หม้ายสีน้ำตาลจัดอยู่ในวงศ์ Theridiidae เรียกง่ายๆว่ากลุ่มแมงมุมขาหวี (comb-footed spiders) เนื่องจากแมงมุมในกลุ่มนี้มีขนลักษณะพิเศษคล้ายตะขอเรียงเหมือนซี่หวีอยู่บนขาปล้องสุดท้าย (tarsus) ของขาคู่ที่ 4 ใช้ในการสาวใยพันเหยื่อก่อนกินเป็นอาหาร ชื่อสกุลLatrodectus มาจากรากศัพท์ภาษาละติน 2 คำให้ความหมายว่า “หัวขโมยนักกัด”เนื่องจากพฤติกรรมการล่าเหยื่อของแมงมุมชนิดนี้จะสร้างใยรูปทรง 3 มิติ ลักษณะพิเศษโดยมีใยดักเหยื่อเชื่อมจากรังนอนซึ่งมักทำอยู่ใต้วัตถุที่อยู่ไม่สูงจากพื้นแล้วนำมาเชื่อมติดกับพื้น เป็นเส้นใยเส้นเดียวเรียงราย ที่ปลายใยดักเหยื่อมีหยดกาวเหนียวติดอยู่ เมื่อแมลงหรือสัตว์ขนาดเล็กวิ่งมาชนหยดกาว ใยที่เชื่อมกับพื้นจะขาดออก ทำให้ตัวเหยื่อถูกดึงขึ้นไปแขวนกลางอากาศ แรงสั่นสะเทือนจากการดิ้นรนของเหยื่อถูกส่งไปตามใยดักเหยื่อถึงรังนอนด้านบน เมื่อแมงมุมได้รับสัญญาณจะรีบไต่ลงมาแล้วใช้ขาคู่สุดท้ายสาวใยพันเหยื่อและลากกลับขึ้นไปยังรังนอนอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงกัดปล่อยพิษเข้าสู่ตัวเหยื่อเพื่อให้เป็นอัมพาต คล้ายพฤติกรรมของโจรที่ปล้นชิงทรัพย์นั่นเอง ส่วนที่มาของชื่อแมงมุมแม่หม้ายมาจากพฤติกรรมเช่นเดียวกัน โดยส่วนใหญ่แมงมุมเพศเมียจะกินแมงมุมเพศผู้หลังการผสมพันธุ์เสร็จสิ้น ในธรรมชาติเราจึงพบแมงมุมเพศเมียอยู่โดดเดี่ยวไร้คู่เหมือนชีวิตของแม่หม้ายนั่นเอง

ที่มา http://www.siamensis.org/article/252 

แชร์ไปที่ไหนดี แชร์ให้เพื่อนสิ แชร์ให้เพื่อนได้ แชร์ให้เพื่อนเลย