สังคมศาสตร์ รัฐศาสตร์ การเมือง เศรษฐศาสตร์ >>

ดัชนีความสุขโลก

ดร.เสรี พงศ์พิศ

       ดัชนีความสุขโลก(HPI : Happy Planet Index) ไม่ได้ต้องการจะบอกว่าประชากรสองแสนกว่าคนของวานูอาตูมีความสุขที่สุดในโลก ประเทศนี้น่าอยู่ที่สุดในโลก อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมดีที่สุดในโลก และสหรัฐอเมริกาซึ่งอยู่อันดับที่ 150 จาก 178 ประเทศ เป็นประเทศที่มีความสุขน้อยที่สุด ไม่น่าอยู่ที่สุด และสิ่งแวดล้อมแย่ที่สุด หรือเวียดนาม(อันดับ 12 ของโลก อันดับ 1 ในเอเชีย) จะน่าอยู่กว่าคนไทย คนมีความสุขกว่าคนไทย(อันดับ 32 ของโลก อันดับ 7 ของเอเชีย) สิงคโปร์(อันดับ 131 ของโลก อันดับสุดท้ายของอาเซียน อันดับท้ายๆของเอเชีย)

HPI ต้องการจะบอกว่าวันนี้ไม่มีประเทศไหนในโลกไปถึงจุดหมายของ “สุขภาวะ” “ความสมดุล” และ “ความยั่งยืน” ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์กลุ่มนี้ตั้งเป้าไว้ที่ 83.5 อันดับหนึ่งวานูอาตูได้เพียง 68.2 เท่านั้น

HPI เป็นแผนที่ความสุข ถ้าหากประเทศต่างๆเดินตามแผนที่นี้ก็จะพบความสุข ซึ่งเป็นเป้าหมายชีวิตของผู้คนทุกประเทศในโลก แต่รัฐบาลประเทศต่างๆ ได้กำหนดตัวชี้วัด “ผิดๆ” มานาน คิดว่าการมีรายได้มาก การบริโภคมาก ทำให้คนมีความสุข ซึ่งไม่จริง

ประเทศที่ GDP โตๆทั้งหลายไม่ได้มีความสุขเพิ่มขึ้นตามรายได้เลย อย่ามองไกลที่ไหนระหว่างปี 2530-2540 GDP ของไทยเติบโตเป็นเลขสองหลักทุกปี รวมแล้วเกินร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่คนไทยก็ไม่ได้มีความสุขเพิ่มขึ้น ซ้ำยังทุกข์หนักอีกต่างหาก โดยเฉพาะเมื่อฝันสลายฟองสบู่แตกในปี 2540

คนเราจะมีความสุขควรจะมี 3 อย่างที่ประสานกันไปคือ
1.ความพอใจในชีวิต
2.อายุยืน การมีอายุยืนบ่งบอกถึงสภาพแวดล้อมทางสังคมเศรษฐกิจที่เอื้ออำนวย
3.การใช้ทรัพยากร หรือผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

โดยใช้สูตรในการคำนวณคือ HPI = ข้อ 1 คูณข้อ 2 หารด้วยข้อ 3

ความจริงทั้ง 3 เรื่องก็ไม่ใช่อะไรใหม่เสียทีเดียว ใช้กันมาหลายปีแล้วโดยสหประชาชาติและหลายประเทศ ซึ่งปรับตัวชี้วัดการพัฒนา(ที่ยั่งยืน)จากการเน้นเศรษฐกิจไปสู่การวัดสุขภาวะ(well-being)ของประชากร(HDI :Human Development Index)

แต่เป็นเรื่องใหม่และเรื่องใหญ่คือ กระบวนทัศน์หรือทัศนะแม่บท(paradigm) อันเป็นฐานและวิธีในการวัด “ความสุขของโลก” (HPI) ซึ่งแตกต่างไปจากของยูเอ็นและอีกหลายประเทศ ไม่เช่นนั้นสหรัฐอเมริกาไม่น่าจะหล่นไปอยู่อันดับที่ 150 อังกฤษ 108 สวีเดน 119 ฟินแลนด์ 123 ฝรั่งเศส 129 รัสเซีย 172 ยูเครน 174 ทั้งๆที่รัสเซียมีรายได้ต่อหัวประชากรถึง 9,230 เหรียญสหรัฐ

สิ่งที่น่าประหลาดใจกว่านั้นคือ เรื่องทั้งหมดนี้มาจากคนเล็กๆกลุ่มเล็กๆเอ็นจีโอเล็กๆสององค์คือ มูลนิธิเศรษฐศาสตร์ใหม่(New Economics Foundation) และเพื่อนโลก (Friends of the Earth) ซึ่งเป็นสหพันธ์องค์กรเอกชนที่ทำงานเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมใน 70 ประเทศ

ในองค์กรเหล่านี้มีคนที่เป็นมืออาชีพต่างๆ มาร่วมกันคิดร่วมกันทำงาน และไม่ได้หวังประโยชน์ส่วนตัวใดๆ งบประมาณการทำงานก็มาจากการบริจาค เป็นอาสาสมัครนักวิชาการ นักเศรษฐศาสตร์ทางเลือกซึ่งรวมตัวกันตั้งแต่ปี ค.ศ. 1986 เพื่อล้อยักษ์ใหญ่กลุ่ม G8

วันนี้พวกเขามีตัวเลขมาบอกชาวโลกว่า ทำไมเขาถึงจัดสหรัฐอเมริกาไว้ที่อันดับ 150 ทั้งๆที่รายได้ต่อหัวประชากรถึงปีละ 37,562 เหรียญ หรือ 1,420,000 บาท มีความพอใจในชีวิตอยู่ระดับสูงมากคือ 7.4 เท่ากับวานูอาตู มากกว่าไทย(6.5) และอายุเฉลี่ยของคนอเมริกันก็ 77.4 สูงกว่าวานูอาตู(68.6)

ความแตกต่างอยู่ที่การใช้ทรัพยากรของคนอเมริกันซึ่งอยู่ที่ 9.5 เกือบสูงสุดในโลก หมายความว่าคนอเมริกันใช้ทรัพยากรเกินขีดจำกัดคือมากกว่าที่ควรจะใช้ถึง 9.5 เท่า ไทยใช้ 1.6 สิงคโปร์ใช้ 6.2

ประเทศที่เรียกกันว่าพัฒนาแล้ว แต่ผลาญทรัพยากรทั้งหลายจึงหล่นไปอยู่อันดับท้ายๆพอๆกับประเทศยากจนในแอฟริกาซึ่งอายุเฉลี่ยก็สั้นรายได้ประชาชาติก็น้อย(ต่ำกว่าพันเหรียญต่อคนต่อปี) อย่างสวาซีแลนด์(177) ซิมบับเว(178) สองประเทศที่กำลังล่มสลายด้วยโรคเอดส์ อายุเฉลี่ยประชากรเพียง 32.5 , 36.9 ความพึงพอใจในชีวิตอยู่ที่ 4.2 , 3.3 เท่านั้น

จึงไม่แปลกที่ประเทศกำลังพัฒนาในระดับกลางๆโดยเฉพาะประเทศที่เป็นเกาะทั้งหลายจะรั้งอันดับดีๆจนคนทั่วไปที่คุ้นกับกระบวนทัศน์กระแสหลักจะประหลาดใจและทำใจได้ยากที่เห็นประเทศอย่างโคลัมเบียติดอันดับ 2 ของ HPI เพราะภาพที่สหรัฐอเมริกาป้ายสีให้ตลอดมาคือ ประเทศที่เต็มไปด้วยยาเสพติดและไม่เป็นประชาธิปไตย

คนไทยเองก็ทำใจไม่ได้ที่เวียดนามอยู่อันดับดีกว่าไทยกลายเป็นที่หนึ่งของเอเชีย และไม่ค่อยเห็นด้วยที่ศรีลังกา ฟิลิปปินส์กับอินโดนีเซียได้อันดับดีกว่า(15,17,23 ตามลำดับ) เพราะคิดว่าตนเองเศรษฐกิจดีกว่า “พัฒนา”มากกว่า



HPI อยากบอกว่า

  1. คนจะมีความสุข สังคมจะอยู่เย็นเป็นสุขไม่จำเป็นต้องใช้ทรัพยากรโลกมากมายอย่างที่ใช้กันเลย
  2. การพัฒนาที่จะสร้างความสุขในวันนี้ และมีเหลือให้ลูกหลานในวันหน้า นี่คือ การพัฒนาที่ยั่งยืน

HPI ได้เสนอแนวทางไปสู่ “ความอยู่เย็นเป็นสุข” โดยมีชีวิตอยู่ด้วยทรัพยากรที่มีจำกัดคือ

  1. การกำจัดความยากจนและความหิวโหยให้หมดไป เพราะวันนี้ประเทศที่พัฒนาแล้วไม่ได้แบ่งปันทรัพยากรให้ประเทศยากจนอย่างเป็นธรรม คนจนที่ไม่มีปัจจัยสี่เพียงพอย่อมไม่สามารถมีชีวิตที่มีความสุขได้
  2. สนับสนุนชีวิตที่มีความหมายที่อยู่นอกจากงาน ซึ่งอาจไม่ได้ทำเพื่อเงิน แต่ทำด้วยใจรัก ทำด้วยความพึงพอใจ เช่น การร่วมทำงานอาสาสมัครเพื่อสังคม กิจกรรมเพื่อชุมชน กิจกรรมที่ทำให้ชีวิตรื่นรมย์ มีความหมาย มีความสุข ไม่ใช่มุ่งหาแต่เงินอย่างเดียว
  3. พัฒนานโยบายเศรษฐกิจในขอบเขตของทรัพยากรที่มีอยู่ ไม่ใช้เกินขีดจำกัด การใช้อย่างพอเพียง แปลว่า ใช้แล้วให้เหลือให้ลูกหลานได้ใช้ด้วย

ดัชนีความสุขของโลกได้กระตุกความรู้สึกนึกคิดของผู้คน ทำให้คนไทยมั่นใจยิ่งขึ้นว่า “เศรษฐกิจพอเพียง” ไม่ใช่ปรัชญาลอยๆ แต่เป็นหลักคิดหลักปฏิบัติที่ไม่ได้แตกต่างจากสิ่งที่ HPI พูดถึงเลย

เศรษฐกิจพอเพียงบอกไว้ 3 อย่างสำคัญคือ

  1. ความพอเหมาะพอควร ซึ่งก็เป็นหัวใจของ HPI ให้ใช้ทรัพยากรเท่าที่มีอยู่ ไม่ใช้เกินขีดความสามารถที่ธรรมชาติจะรับได้
  2. ความมีเหตุมีผล เป็นแนวทางการจัดการชีวิต ความเป็นอยู่ เศรษฐกิจสังคมอย่างมีหลักวิชา ทำอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ใช้ความรู้ ใช้ปัญญา เข้าใจปัญหาและความต้องการที่แท้จริงของผู้คน การมีเหตุมีผลเกิดจากการเรียนรู้ที่เหมาะสม ทำให้คนพัฒนาศักยภาพของตนเอง ของท้องถิ่น และสามารถใช้ทรัพยากรอย่างมีเหตุมีผลเหมือนกับที่บรรพบุรุษเราได้ใช้ด้วย “ภูมิปัญญา” จึงมีเหลือให้เราลูกหลานในวันนี้
  3. การมีภูมิคุ้มกันที่ดี หมายถึง การมีหลักประกันว่าสิ่งที่ทำจะมั่นคงยั่งยืน ไม่ใช่ทำแล้วล้มลุกคลุกคลาน หมายถึงต้องสร้างระบบ ไม่ใช่ทำโครงการ ใช้เงินกับอำนาจจะได้โครงการ ใช้ความรู้ใช้ปัญญาจะได้ระบบ โครงการมักไม่ยั่งยืนเพราะเงินหมดก็เลิก คนย้ายก็เลิก เพราะขึ้นกับคน ขึ้นกับเงิน แต่ระบบเป็นพลังที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเองได้ถ้าเป็นระบบที่ดี

HPI ทำให้เราเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจพอเพียงสามารถทำให้คนไทยมีความสุขได้ มีความพอใจในชีวิต มีอายุยืนยาว รวมทั้งมีรายได้เพียงพอและมีชีวิตอยู่อย่างมั่นคง

ถ้าเราไม่รีบดำเนินการ ไม่นานเมืองไทยอาจจะไหลลงไปเลยอันดับที่ 100 ของ HPI เพราะขณะนี้คนไทยก็เครียด บ้าและฆ่าตัวตายเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทรัพยากรก็ลดน้อยลงไป หนี้สินชาวบ้านนับวันจะเพิ่มมากขึ้นแบบไม่มีทางออก ถึงเวลาตั้งสติกันได้แล้ว ของดีมีอยู่ ความคิดดีมีอยู่อย่างพอเพียงในบ้านเรานี้เอง

แชร์ไปที่ไหนดี แชร์ให้เพื่อนสิ แชร์ให้เพื่อนได้ แชร์ให้เพื่อนเลย