ประวัติศาสตร์  ภูมิศาสตร์ บุคคลสำคัญ ประเทศและทวีป

พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าพีรพงศ์ภาณุเดช

 เจ้าดาราทอง

3

เมื่อสันติภาพคืนมาสู่สังคมยุโรปอีกครั้ง กิจกรรมสังคมอย่างการกีฬาก็เฟื่องฟูขึ้นมาอีก ชีวิตของเจ้าชายหนุ่มสยาม และชายาสาวชาวอังกฤษดำเนินไปเหมือนความฝันเท่าที่มนุษย์จะพึงมีได้ พรั่งพร้อมทั้งสุข ความรัก ชื่อเสียง ความสำเร็จ มีโอกาสท่องเที่ยวอย่างเศรษฐีไปในสถานที่สวยงามหลายแห่งของโลกด้วยกันทั้งยุโรปและอเมริกา

ไม่ว่าไปไหน ทรงเป็นแขกเกียรติยศของสมาคมและบุคคลสำคัญ ในฐานะบุคคลผู้มีชื่อเสียงระดับโลก ครั้งหนึ่งได้รับเชิญให้เข้าเฝ้าพระเจ้าจอร์จที่ 6 แห่งอังกฤษ (พระราชบิดาของพระราชินีนาถเอลิซาเบธในปัจจุบัน)เพราะโปรดเรื่องรถแข่งมาก ทรงต้อนรับเจ้าชายสยามด้วยพระอัธยาศัยดีเหมือนเป็นพระญาติสนิทด้วยกัน

หม่อมมณี ภาณุพันธุ์ ณ อยุธยา(คุณหญิงมณี สิริวรสาร)อดีตชายาของพระองค์เจ้าจิรศักดิ์สุประภาต บันทึกเอาไว้เกี่ยวกับท่านในหนังสือ " ชีวิตเหมือนฝัน " ว่า

" นิสัยใจคอของสองพระองค์นั้นต่างกันมาก พระองค์จิรศักดิ์ฯ นั้นโปรดการสนทนาปราศรัยกับคนอื่น และมีจิตใจนึกถึงแต่ส่วนรวมเสมอ ส่วนพระองค์พีระฯทรงสนุกสนานร่าเริงกับสิ่งที่พอพระทัย ไม่สนพระทัยกับเรื่องราวของคนอื่นๆเลย

วันหนึ่งดิฉันล้อเลียนท่านว่า พระองค์เป็นเศรษฐีขี้คร้าน The Idle rich ไม่เห็นทรงทำสิ่งใดให้เป็นประโยชน์ คิดแต่ความสนุกสนานของท่านฝ่ายเดียว พระองค์พีระก็ทรงพระสรวลอย่างอารมณ์ดีและตรัสว่า

" ที่จริงพวกเธอน่ะสิที่ชอบวุ่นวาย อยากให้ความช่วยเหลือคนอื่นๆทั้งๆที่พวกเขาไม่เห็นต้องการ เช่นพวกมิชชั่นนารีเป็นต้น พวกนั้นพร้อมที่จะเสียสละทุกอย่างไปอยู่ต่างแดน ทำงานไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยาก แต่พวกเขาก็ไม่เห็นได้ทำอะไรให้เป็นผลสำเร็จมากนัก

ปรัชญาชีวิตของฉันก็คือว่า ไม่ขอไปยุ่งเกี่ยวกับชีวิตของคนอื่น และฉันทำสิ่งที่ฉันพอใจถ้าหากสามารถทำได้ ถึงแม้ว่าฉันจะมิได้ทำประโยชน์อะไรให้เกิดขึ้นแก่ผู้ใด แต่ก็ไม่เคยทำอะไรให้คนอื่นเดือดร้อน การที่อยู่เฉยๆโดยไม่เบียดเบียนใครก็เป็นผลดีอย่างหนึ่งเหมือนกันนะ "

ความสุขเหมือนฝันของพระองค์พีระและหม่อมซีริลยืนยาวได้แค่ 11 ปี ขึ้นปีที่ 12 ปรัชญาชีวิตของพระองค์พีระก็ก่อผลกระทบต่อหม่อม ในข้อที่ว่า “ขอทำสิ่งที่พอใจ ถ้าหากสามารถทำได้”

ความที่ทรงเป็นคนดัง บุคลิกดี ตรัสได้คล่องทั้งอังกฤษและฝรั่งเศส และยังใช้ชีวิตอย่างเศรษฐี สิ่งเหล่านี้กลายเป็นแรงดึงดูดหญิงสาวอื่นๆให้เข้ามาหลงใหลท่าน พระองค์พีระมิได้เลิกรักหม่อมซีริล เพียงแต่ว่าทรงพอพระทัยที่จะทำตามพระทัยมากกว่าจะฝืนพระประสงค์ขององค์เอง ถ้าหากว่าหม่อมซีริลโอนอ่อนผ่อนตามได้ไม่เดือดร้อน ด้วยการทำใจเสียว่าหญิงอื่นๆที่เข้ามาเกี่ยวข้องไม่มีความหมายกับท่านเท่าภรรยาตามกฎหมาย ก็คงจะครองชีวิตคู่กันต่อไปได้ แต่ว่าหม่อมซีริลทำใจไม่ได้ที่พระองค์พีระมีหญิงอื่น แม้จะไม่ทรงจริงจังด้วยนัก เธอถือว่าเป็นความเดือดร้อนสาหัสของภรรยา เธอจึงตัดสินใจขอแยกกันอยู่พักหนึ่งเพื่อระงับจิตใจ

ระหว่างที่แยกกันอยู่โดยยังไม่ได้หย่าขาดจากกัน สถานการณ์ก็ยิ่งทำให้ทั้งสองห่างเหินกันมากขึ้นอีก พระองค์พีระเสด็จไปแข่งรถที่อาร์เจนตินา ก็ได้พบชาลิต้า หญิงสาวเลือดละติน ผู้สวยสดงดงามราวกับดาราหนัง เมื่อทรงบาดเจ็บจากการแข่งรถ ก็มีหล่อนคอยปรนนิบัติดูแล

ในที่สุดก็ทรงพาชาลิต้ากลับมาอังกฤษด้วยกัน ประทับอยู่กับหล่อน ไม่ได้กลับบ้านไปหาหม่อมซีริล หม่อมซีริลจึงตัดสินใจขอหย่าขาดจากพระองค์พีระตามกฎหมาย เมื่อ พ.ศ.2493 ทั้งที่ยังรัก พระองค์พีระเองก็ทั้งรักและอาลัยหม่อม ทรงอ้อนวอนให้หม่อมเปลี่ยนใจไม่หย่า แต่ก็ไม่ทรงคิดที่จะสละชาลิต้าไปได้อยู่ดี ทั้งคู่จากกันด้วยน้ำตา เพราะรู้ตัวว่าสามารถครองคู่กันได้เพียงแค่นี้ เหลือแต่ความเป็นเพื่อนกันเท่านั้น

หม่อมซีริลไม่ได้แต่งงานใหม่ เธอมีเพื่อนใจเป็นหนุ่มโสดอายุ 40 กว่า คบหากันมาจนเขาตายจากไปโดยไม่ได้สมรสกัน ส่วนทางฝ่ายพระองค์พีระ ทรงลังเลอยู่ถึง 3 ปีถึงตัดสินพระทัยเสกสมรสใหม่กับหม่อมชาลิต้า แต่ก็ยังระลึกถึงหม่อมซีริลเสมอ ทรงเป็นมิตรกับเพื่อนชายของหม่อมซีริล แล้วพาชาลิต้าไปด้วยเพื่อให้รู้จักกับหม่อม ไปไหนมาไหนกัน 4 คนแต่หม่อมซีริลก็ไม่ได้กลับมาหาท่านอีก คงพบปะกันอย่างเพื่อนสนิทเท่านั้น

อ่านต่อ หน้า 4

แชร์ไปที่ไหนดี แชร์ให้เพื่อนสิ แชร์ให้เพื่อนได้ แชร์ให้เพื่อนเลย