สุขภาพ ความงาม อาหารและยา สมุนไพร สาระน่ารู้ >>

โรคอาหารเป็นพิษ

สาเหตุการเกิดโรค
การเลือกรับประทานอาหารนับเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งในชีวิตประจำวันเนื่องจากมีแบคทีเรีย หรือสารพิษต่างๆ ที่อาจปนเปื้อนอยู่ในน้ำ อาหาร อากาศ ซึ่งแบคทีเรียหรือสารพิษเหล่านี้เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยด้วยโรคอาหารเป็นพิษ ซึ่งเป็นอันตรายรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ ถ้าไม่รีบพามาพบแพทย์

นอกจากนี้อาหารที่ปรุงสุกๆดิบๆ จากเนื้อสัตว์ อาหารกระป๋อง อาหารทะเล นมที่ปนเปื้อนเชื้อหรือหมดอายุ อาหารค้างมื้อและไม่ได้แช่เย็น ถ้าไม่อุ่นให้เดือดทั่วถึงก่อนการรับประทาน ก็อาจทำให้เกิดโรคอาหารเป็นพิษได้

อาการของโรค
อาหารเป็นพิษมักเกิดอาการตั้งแต่ หนึ่งชั่วโมงจนถึง 8 วันหลังรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อเข้าไป มักจะพบว่าในหมู่คนที่กินอาหารร่วมกันมักจะมีอาการพร้อมกันหลายคน ซึ่งอาจมีอาการมากน้อยแตกต่างกันไปแล้งแต่ละบุคคลและปริมาณที่กิน อาการที่พบคือ คลื่นไส้ อาเจียน ตามด้วยอาการ ไข้ เบื่ออาหาร อุจจาระร่วง มีตั้งแต่อาการอย่างอ่อนจนถึงรุนแรง อาจถ่ายมีมูกปนเลือดได้

รู้จักอาหาร
วิธีสังเกตุและป้องกันตนเองจากอาหารที่อาจเป็นต้นเหตุของโรคอาหารเป็นพิษโดยแยกประเภทดังนี้

อาหารประเภทแป้ง
ได้แก่ข้าวผัด ขนมจีน ขนมปัง ขนมเอแคร์ ฯลฯเป็นต้น ที่ปรุงทิ้งไว้นานหรือหมดอายุอาจจะมีสารพิษจากเชิ้อแสตปฟิลโลคอกคัส ออเรียส (Staphylococcus aureus) และแบซิลลัส ซีเรียส(Bacillus cereus) ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดโรคอาหารเป็นพิษ

การป้องกัน

  • ขนมจีน ควรนึ่งก่อนรับประทาน
  • ขนมปัง ขนมเอแคร์และเบเกอรี่ต่างๆ ควรเลือกรับประทานใหม่ๆ ไม่หมดอายุ ไม่มีรา
  • ควรเก็บอาหารที่ยังไม่รับประทานไว้ในตู้เย็นที่อุณหภูมิ 4 องศาเซลเซียส
  • ข้าวกล่องและอาหารที่เตรียมสำหรับคนหมู่มาก เช่น อาหารกลางวันสำหรับนักเรียน อาหารบุ๊พเฟ่ งานเลี้ยงไม่ควรเตรียมไว้ข้ามมื้อ
  • ควรเน้นความสะอาดเวลาปรุงและเลือกรายการอาหารที่ไม่บูดง่าย ข้าวผัดปูควรนึ่งปูเพื่อฆ่าเชื้ออีกครั้ง ก่อนใส่ในข้าวผัด

อาหารทะเล
เช่น ปลาหมึก กุ้ง หอย ปู ปลา ที่เตรียมไม่สะอาด ปรุงไม่สุกหรือสุกไม่ทั่วถึง อาจมีเชื้อแบคทีเรียก่อโรคหลายชนิดเช่น เชื้อวิบริโอ พาราฮีโมไลติคัส(Vibrio parahaemolyticus) ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคอาหารเป็นพิษ

 

การป้องกัน

  • อาหารทะเลควรเลือกซื้อที่สดและสะอาด
  • รับประทานอาหารทะเลที่มั่นใจปรุงสุข
  • หอยแมลงภู่ควรดึงเส้นใยออกก่อนรับประทาน
  • ปูเค็ม ปูดอง หอยแครงควรทำให้สุกก่อนรับประทาน
  • ไม่ควรวางอาหารที่ปรุงสุกปะปนกับอาหารดิบ

อาหารประเภทเนื้อสัตว์
ได้แก่อาหารประเภทเนื้อสัตย์ทุกชนิดเช่น เนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อไก่ เครื่องในสัตย์ รวมทั้งนม และไข่ ซึ่งมักปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียก่อโรคหลายชนิดเช่น(Vibrio cholerae),ซัลโมเนลลา(Salmonella), เอนเทอโรพาโทเจนนิค เอสเซอริเซียโคไล (Enteropathogenic E coli),แคมฟิลโลแบคเตอร์ (Campylobacter) และเยอชิเนีย เอนเทอโรโคไลติคา (Yersinia enterlocolitica)

การป้องกัน

  • ควรแยกเขียงที่ใช้กับอาหารดิบและสุก
  • เลือกซื้อเนื้อ นม และไข่สดและสะอาด
  • หลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสอาหารโดยตรง เพื่อป้องกันการปนเปื้อนเชื้อลง ในอาหาร ทั้งนี้รวมทั้งผู้จำหน่าย ผู้ปรุงและผู้บริโภค
  • ผู้จำหน่ายเนื้อสัตย์ ควรให้ความสำคัญกับการทำความสะอาด มีด เขียง ที่วางเนื้อสัตว์จำหน่าย
  • หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารประเภทเนื้อที่สุกๆดิบ เช่นลาบ,ก้อย

น้ำดื่ม
หากบริโภคน้ำ หรือเครื่องดื่มที่ไม่สะอาดและปลอดภัยเพียงพออาจทำให้ป่วยด้วยโรคอุจจาระร่วงจากเชื้อแบคทีเรียก่อโรคที่ปนเปื้อนได้

การป้องกัน

  • ดื่มน้ำต้มสุก
  • ควรบริโภคน้ำหรือเครื่องดื่มที่มีเครื่องหมายรับรองคุณภาพจาก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
  • เลือกรับประทานน้ำที่สะอาดไม่มีตะกอน
  • ไม่ควรดื่มน้ำจากแม่น้ำ ลำคลอง หนองบึงที่ยังไม่ผ่านการบำบัด

ผักและผลไม้
อาจมีสารเคมีและยาฆ่าแมลงตกค้างอยู่ หรืออาจมีเชื้อแบคทีเรียก่อโรคและ/หรือไข่พยาธิปนอยู่ เมื่อรับประทานเข้าไปอาจทำให้เกิดอาการอาหารเป็นพิษที่บริโภคไม่ได้

การป้องกัน

  • เลือกซื้อผัก ผลไม้ที่สดสะอาด ปลอดสารเคมีและยาฆ่าแมลง
  • ล้างผักและผลไม้ให้สะอาด คลี่ใบล้างผ่านน้ำให้สะอาดหลายๆครั้ง
  • หลีกเลี่ยงการรับประทานผักดิบ
  • เลือกซื้อและรับประรับประทานเห็ดที่ไม่เป็นพิษและเห็ดที่รู้จักจริง เท่านั้น

อาหารกระป๋อง
อาทิปลากระป๋อง ผักกระป๋อง แกงกระป๋อง หรือผลไม้กระป๋องที่เก็บไว้นานๆ จนเป็นสนิมหรือกระป๋องบุบ หากนำมาปรุงรับประทานอาจทำให้ป่วยด้วยโรคคลอสทริเดียม เพอร์ฟรินเจนส์ (Clostridium perfringens ) และคลอสทริเดียมโบทูลินัม (Clostridium botulinum )

การป้องกัน

  • หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารกระป๋องที่หมดอายุหรือกระป๋องเป็นสนิม บุบบวมหรือโป่งพองออกมา
  • เลือกซื้ออาหารที่บรรจุในกระป๋องที่สภาพดีควรดูวันหมดอายุทุกครั้งก่อนนำมารับประทาน
  • อุ่นอาหารให้เดือดที่ 100องศาเซลเซียสนาน 10 นาที เพื่อทำลายสารพิษ หรือที่ 120องศาเซลเซียสนาน 10นาที เพื่อทำลายสปอร์ของเชื้อ

รักษาอาการเบื้องต้น
ผู้ป่วยโรคอาหารเป็นพิษ มักมีอาการอาเจียนเป็นอาการเด่นการรักษาตามอาการ คือ ¡ ถ้าผู้ป่วยยังพอรับประทานได้ ควรให้ดื่มสารละลายน้ำตาลเกลือแร่ เพื่อป้องกันการขาดน้ำและเกลือแร่ ¡ ถ้าอาเจียนมาก รับประทานไม่ได้ ถ่ายเป็นมูกเลือด ถ่ายเป็นน้ำ มีไข้ ควรนำส่งโรงพยาบาล

***เนื้อหา : กรมควบคุมโรค รวบรวม : งานควบคุมป้องกันโรค ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี

แชร์ไปที่ไหนดี แชร์ให้เพื่อนสิ แชร์ให้เพื่อนได้ แชร์ให้เพื่อนเลย