ศาสนา ลัทธิ ความเชื่อ นิกาย พิธีกรรม >>

พญานาค

นาค หรือ พญานาค งูใหญ่มีหงอน สัญลักษณ์แห่งความยิ่งใหญ่ ความอุดมสมบูรณ์ ความมีวาสนา และนาคยังเป็นสัญลักษณ์ของบันไดสายรุ้งสู่จักรวาล นาคเป็นเทพเจ้าแห่งท้องน้ำ บางแห่งก็ว่าเป็นเทพเจ้าแห่งฟ้า

ตำนานความเชื่อเรืองพญานาคมีความเก่าแก่มาก ดูท่าว่าจะเก่ากว่าพุทธศาสนาอีกด้วย สืบค้นได้ว่ามีต้นกำเนิดมาจากอินเดียใต้ ด้วยเหตุจากภูมิประเทศทางอินเดียใต้เป็นป่าเขาจึงทำให้มีงูอยู่ชุกชุม และด้วยเหตุที่งูนั้นลักษณะทางกายภาพคือมีพิษร้ายแรง งูจึงเป็นสัตว์ที่มนุษย์ให้การนับถือว่ามีอำนาจ

ชาวอินเดียใต้จึงนับถืองู เป็นสัตว์เทวะชนิดหนึ่งในเทพนิยายและตำนานพื้นบ้าน บ้างก็ว่าเป็นสัตว์ในป่าหิมพานต์ มีความเชื่อเรื่องพญานาคแพร่หลายในภูมิภาคต่างๆ ทั่วทวีปเอเชีย โดยเรียกชื่อต่างๆ กัน ต้นกำเนิดความเชื่อเรื่องพญานาคน่าจะอยู่ที่อินเดีย ด้วยมีนิยายหลายเรื่องเล่าถึงพญานาค โดยเฉพาะในมหากาพย์มหาภารตะ ซึ่งถือเป็นปรปักษ์ของพญาครุฑ

ส่วนในตำนานพุทธประวัติ ก็เล่าถึงพญานาคไว้หลายครั้งด้วยกัน ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังมีตำนานเรื่องพญานาคอย่างแพร่หลาย ชาวบ้านในภูมิภาคนี้มักเชื่อกันว่าพญานาคอาศัยอยู่ในแม่น้ำโขง หรือเมืองบาดาล และเชื่อกันว่าเคยมีคนเคยพบรอยพญานาคขึ้นมาในวันออกพรรษาโดยจะมีลักษณะคล้ายรอยของงูขนาดใหญ่ และเมื่อไปเล่นน้ำในแม่น้ำโขงควรยกมือไหว้เพื่อเป็นการสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ลักษณะของพญานาคตามความเชื่อในแต่ละภูมิภาคจะแตกต่างกันไป แต่พื้นฐานคือพญานาคนั้นมีลักษณะตัวเป็นงูตัวใหญ่มีหงอนสีทองและตาสีแดง เกล็ดเหมือนปลามีหลายสีแตกต่างกันไปตามบารมี บ้างก็มีสีเขียว บ้างก็มีสีดำ หรือบ้างก็มี7สี และที่สำคัญคือนาคตระกูลธรรมดาจะมีเศียรเดียว แต่ตระกูลที่สูงขึ้นไปนั้นจะมีสามเศียร ห้าเศียร เจ็ดเศียรและเก้าเศียร

นาคจำพวกนี้จะสืบเชื้อสายมาจาก พญาเศษนาคราช(อนันตนาคราช) ผู้เป็นบัลลังก์ของพระวิษณุนารายณ์ปรมนาท ณ เกษียณสมุทร อนันตนาคราชนั้นเล่ากันว่ามีกายใหญ่โตมหึมามีความยาวไม่สิ้นสุด มีพันศรีษะ พญานาคนั้นมีทั้งเกิดในนำและบนบก เกิดจากครรภ์และจากไข่ มีอิทฤทธิ์สามารถบันดาลให้เกิดคุณและโทษได้ นาคนั้นมักจะแปลงร่างเป็นมนุษย์รูปร่างสวยงาม

พญานาคในพุทธศาสนา

ในคัมภีร์ปรมัตถโชติกะมหอภิธรรม มัตถสังคหฎีกา ปริเฉทที่ 5 ได้กล่าวถึงเรื่องของชนิดพญานาคดังนี้

  1. ปูติมุขะ เป็นนาคมีพิษ ถ้ากัดผู้ใดแล้วรอยแผลจะเปื่อยเน่า นำเหลืองไหล ถ้าไม่มียารักษาจะถึงแก่ความตายในเวลารวดเร็ว
  2. กฎฐะมุขะ เป็นนาคมีพิษ ถ้ากัดผู้ใดแล้วร่างกายเหยื่อจะแข็งทื่อไปทั้งตัว แขนขางอไม่ได้ และจะปวดอย่างแสนสาหัส และตายอย่างรวดเร็ว
  3. อัคคิมุขะ เป็นนาคมีพิษ ถ้ากัดผู้ใดแล้วจะเกิดอาการเร่าร้อนไปทั้งตัวดุจไฟเผา แผลจะมีลักษณะคล้ายถูกไฟไหม้
  4. สัตถะมุขะ เป็นนาคมีพิษ ถ้ากัดผู้ใดแล้วจะตายทันทีเหมือนถูกฟ้าผ่า (สันนิษฐานว่าเป็นนาคพ่นพิษเหมือนมังกรพ่นไฟ)

พญานาคสี่ประเภทนี้สามารถทำอันตรายได้อีกอย่างละสี่วิธีคือ

  1. ทัฏฐะวิสาพญานาค เมื่อขบกัดแล้วจะเกิดพิษซ่านไปทั่วร่างกาย
  2. ทิฏฐะวิสะพญานาค ใช้วิธีมองแล้วพ่นพิษออกทางตา
  3. ผุฏฐะวิสะพญานาค ใช้ลมหายใจพ่นเป็นพิษแผ่ซ่าน
  4. วาตาวิสะพญานาค มีพิษที่กาย จะแผ่พิษจากตัว

รวมว่ามีวิธีทำอันตรายได้ 16 วิธี แต่ใน 16 วิธีนี้ยังมีแบ่งภาคออกไปอีก 4 วิธีคือ

  1. อาตตะวิสนะโฆระวิสะ มีพิษแผ่ซ่านออกไปอย่างรวดเร็วแต่ไม่รุนแรง
  2. โฆระวิสนะอาคตะวิสะ มีพิษรุนแรงมาก แต่พิษนั้นแผ่ออกไปช้าๆ
  3. อาคตวิสนะโฆระวิสะ มีพิษแผ่ซ่านไปอย่างรวดเร็วและรุนแรงมาก
  4. นะอาควิสนะโฆระวิสะ มีพิษแผ่ช้าๆและไม่รุนแรง

รวมแล้วมีวิธีทำอันตรายได้ 64 วิธี แต่พญานาคเหล่านี้ยังแบ่งออกเป็นสี่ประเภทคือ

  1. อันฑชะพญานาค เป็นนาคพันธุ์เกิดในไข่
  2. ชลาพุชะพญานาค เป็นนาคพันธุ์เกิดในครรภ์
  3. สังเสทชะพญานาค เป็นนาคพันธุ์เกิดจากเงื่อไคล
  4. โอปปาติกะพญานาค เป็นนาคพวกกายทิพย์ผุดเกิดจากบุญบารมี

รวมแล้วเป็นพญานาคทั้งหมด 256 ชนิด ในแต่ละชนิดยังแบ่งออกเป็นสองพวกคือ

  1. ชลชะพญานาค เป็นนาคที่เกิดในนำ
  2. ถลชะพญานาค เป็นนาคที่เกิดบนบก

พญานาคนั้นจะแสดงธาตุแท้ออกมาในสถานการณ์ดังนี้

  1. เวลาปฏิสนธิรูปจะเป็นนาค
  2. เวลาลอกคราบรูปจะเป็นนาค
  3. เวลาเสพเมถุนธรรมรูปจะเป็นนาค

พญานาคเป็นสัตว์ในนิยาย มีรูปร่างคล้ายงู แต่มีความสำคัญกับเทพเจ้ามาก เช่นเดียวกับ พญาครุฑ คือมีความสำคัญกับพระนารายณ์ ในฐานะเป็นที่ประทับ ณ เกษียรสมุทร

ความเชื่อในพุทธประวัติ

เริ่มแรกก็นับถือกันในฐานะสัตว์เทพเจ้า เรียกในนามว่า นาค หรือ พญานาค และเมื่อพุทธศาสนากำเนิดเกิดขึ้นที่อินเดียเหนือ (ประเทศเนปาลปัจจุบัน) เผยแพร่อิทธิพลสู่อินเดียใต้ จึงทำให้ชาวอินเดียใต้รวบรวมความเชื่อเรื่องนาคให้ผสมกลมกลืนกับพุทธศาสนา โดยแทรกอยู่ในทศชาติชาดกและพุทธประวัติ

ทศชาติชาดกก็มีเรื่องราวอยู่ว่า พระพุทธองค์ทรงเสวยชาติเป็นพญานาคถึง 2 พระชาติ คือ พญานาคภูริทัตตนาคราช และพญานาคจำปานาคราช ก่อนที่จะมาทรงถือกำเนิดเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ พญานาคที่เกี่ยงข้องในพุทธประวัติก็คือ เมื่อหลังการตรัสรู้ของพระพุทธองค์ในสัปดาห์ที่ 4 กาลนั้นพระพุทธองค์ประทับอยู่ที่สระมุจจลินท์ ก็มีฝนตกลงมาอย่างหนัก พญานาคมุจจลินท์จึงได้ขึ้นมาจากสระแล้วขนดกาย 7 รอบ แผ่พังพานเหนือพระเศียรเพื่อป้องกันลมฝนมนต้องพระวรกาย จึงเป็นต้นกำเนิดพระพุทธรูปปางนาคปรกขึ้นด้วย

ในทางคติความเชื่อของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู นาคก็แทรกเข้าไปอยู่ในความเชื่อด้วยเช่นกัน ดังว่า พญานาคเป็นเจ้าบาดาล อีกทั้งยังเป็นบัลลังก์ของพระนารายณ์ซึ่งมีชื่อว่าพญาอนันตนาคราชต้นกำเนิดของตำนานนารายณ์บรรทมสินธุ์ และพญานาคยังเป็นสร้อยสังวาลของของพระศิวะโดยมีชื่อว่าพญานาควาสุกรี

 

อิทธิพลความเชื่อพญานาคส่งอิทธิพลมายังดินแดนสุวรรณภูมิ พร้อมกับศาสนาพราหมณ์-ฮินดู และพุทธศาสนา และความเชื่อเรื่องพญานาคก็ได้ผสมกลมกลืน และได้รับการรวบรวมกับความเชื่อดั้งเดิมในท้องถิ่นจนทำให้เกิดความเชื่อและตำนานนิทานปรัมปราต่างๆขึ้นอีกมากมาย ดินแดนอาณาจักรเขมร เชื่อว่าพญานาคเป็นบรรพบุรุษและผู้สร้างเมืองให้แก่พวกเขา รวมถึงความเชื่อตำนานพญานาคในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ที่กล่าวในข้างต้น และแม้แต่ทะเลสาบเขมรกลางกรุงพนมเปญก็มีตำนานกล่าวว่า พญานาคเป็นผู้ขุดให้และคอยปกป้องคุ้มครองชาวเมืองอีกด้วย

ความเชื่อในดินแดนต่างๆ ของไทย

ในด้านของดินแดนสยามหรือประเทศไทยของเรานั้น ก็มีความเชื่อเรื่องนาคปรากฏอยู่มากมายไม่แพ้ที่อื่น

ภาคเหนือเองก็มีตำนานเกี่ยวกับพญานาคอยู่เช่นกัน ดังในตำนานสิงหนวัติซึ่งเป็นตำนานเก่าแก่ของทางภาคเหนือเอง “เมื่อเจ้าเมืองสิงหนวัติอพยพคนมาจากทางเหนือ พญานาคแปลงกายมาช่วยชี้ที่ตั้งเมืองใหม่ และขอให้อยู่ในทศพิธราชธรรม พอตกกลางคืนก็ขึ้นมาสร้างคูเมืองเป็นเมืองนาคพันธุ์สิงหนวัติ ต่อมายกทัพปราบเมืองอื่นได้และรวมดินแดนเข้าด้วยกันจึงเปลี่ยนชื่อเป็น แคว้นโยนกนคร ต้นวงศ์ของพญามังรายผู้ก่อกำเนิดอาณาจักรล้านนานั่นเอง”

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นาคล้วนมีส่วนร่วมในตำนานอย่างชัดเจน เช่น ผู้คนที่อาศัยอยู่บริเวณลุ่มแม่น้ำโขงเชื่อว่า แม่น้ำโขงเกิดจากการแถตัวของพญานาค นอกจากนี้ยังรวมถึงบั้งไฟพญานาค โดยมีตำนานว่าในวันออกพรรษาหรือเป็นวันที่พระพุทธเจ้าเสด็จจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ พญานาคแห่งแม่น้ำโขงต่างชื่นชมยินดี จึงเฮ็ด(จุด)บั้งไฟถวายการเสด็จกลับของพระพุทธเจ้าจนกลายเป็นประเพณีทุกปี

และเนื่องจากเชื่อว่าพญานาคเป็นเจ้าบาดาล เป็นผู้ให้กำเนิดน้ำ ดังนั้นเมื่อชาวนาจะทำพิธีแรกไถนา จึงต้องดูวัน เดือน ปี และทิศที่จะบ่ายหน้าควายเพื่อไม้ให้ควายลากไถไปในทิศที่ทวนเกร็ดนาค ไม่อย่างนั้นการทำนาจะเกิดอุปสรรคต่างขึ้น

แชร์ไปที่ไหนดี แชร์ให้เพื่อนสิ แชร์ให้เพื่อนได้ แชร์ให้เพื่อนเลย