ศาสนา ลัทธิ ความเชื่อ นิกาย พิธีกรรม >>
เรื่อง สำนึกสร้างปัญญา
วันอาทิตย์ที่ 20 มีนาคม 2520
2
ความสำนึกในรูปอย่างนี้ อาจจะเกิดขึ้นเพราะอะไรก็ได้
เช่นเกิดขึ้นเพราะได้เห็นซากศพ เกิดเพราะเห็นการกระทำของคนอื่นที่ไม่เหมาะไม่ควร
แล้วก็เกิดความสำนึกว่า มันไม่ดีในการที่จะทำเช่นนั้น
ทำแล้วเกิดความทุกข์ความเดือดร้อน แล้วก็เปลี่ยนจิตเปลี่ยนใจไม่ทำเรื่องนั้นต่อไป
หรือว่าตัวอย่างเห็นง่ายๆ เช่นว่า บางคนเคยเสพสุรามึนเมาเป็นอาจิณ ดื่มตลอดเวลา
คนดื่มเหล้ามันก็แปลก อาตมานั่งสังเกตดู วานซืนนี้มาจากเมืองตราด เมื่อวันศุกร์นี้
ก็มาฉันเพลที่อำเภอแกลง ตลาดสามแยก ตรงนั้นแหละก็ไม่ได้ฉันอะไรมาก ข้าวราดแกงสองจาน
เพราะว่าเวลามันใกล้เที่ยงเต็มทีแล้ว บอกว่าเอาข้าวราดแกงก็แล้วกัน
แล้วมานั่งฉันที่โต๊ะหนึ่ง มีคนนั่งอยู่สี่คน มันรินเหล้ากินคุยกันเฮฮา
พระเข้าไปมันก็ไม่ได้หยุดคุย เพราะมันเมาแล้ว
นั่งมองๆ นึกดูว่ามันเรื่องอะไรกัน ทำไมจึงกินเหล้าในเวลาเที่ยงๆ อย่างนั้น
ไม่กินข้าวแต่ไปสั่งเหล้ากินกัน กินแล้วก็ออกไปเฉยๆ ไม่ได้กินอะไรอื่นอีก
ก็นึกในใจว่าทำไมมันเป็นอย่างนั้น มนุษย์เราทำไมชอบฆ่าตัวตาย เขาเรียกว่า
ตายผ่อนส่ง แบบนี้ ทุกแก้วที่เราดื่มนั้นคือผ่อนส่งเรื่อยไป พญายมก็นั่งยิ้ม
ว่าไม่เท่าใดกูได้จดชื่ออ้ายนี่อีกแล้ว จดชื่อไว้เรื่อยๆ ไป
แล้วไม่เท่าใดก็เอาตัวมาลงกระทะทองแดงกันต่อไป พญายมแกนั่งยิ้ม พญายม
คือเจ้าแห่งความตาย คือความตายเขาเรียกว่ายะมะ
ความตายก็ยิ้มหัวเราะคนนั้นว่าเออไม่เท่าใดก็ตาย กินแบบนี้ กินอยู่ได้
นี่คือยังไม่มีความสำนึกขึ้นในใจ ยังคิดไม่ได้ ว่าควรกินหรือไม่ ควรดื่มหรือไม่
มันจำเป็นหรือไม่ คิดไม่ได้ เลยเขาดื่มสนุกเฮฮาไปตามเรื่อง เป็นเรื่องของเขา
ยังนึกไม่ได้
ถ้าสมมติว่าคนจำพวกเหล่านั้น ได้มาได้ยินฟังอะไรมันมากระทบใจอย่างแรงกล้า
สำนึกได้เปลี่ยนใจได้เหมือนกัน เคยมีนายทหารคนหนึ่งเมื่อสองสามปีมานี้
เขามาในงานบวชนาคในวัดนี้ ก่อนบวชนาคก็เทศน์ให้ฟังนิดหน่อย
แต่ว่าวันนั้นมันมีอารมณ์เหล้าเกิดขึ้นในใจ เพราะว่าคนที่มานั่งใกล้ๆ
นั้นมันส่งกลิ่นบางยี่ขันขึ้นมา ก็เลยพูดเรื่องเหล้ามากไปหน่อย แต่ว่ามันก็ได้ผล
การพูดในวันนั้นเพราะนายทหารชั้นนายพันเอกมานั่งอยู่คนหนึ่ง
แกเป็นคนชอบดื่มเหล้าเช้าเย็น เรียกว่า สุรานิสัย กินเป็นนิสัยเสียแล้ว
แต่ว่าวันนั้นได้ฟังแล้ว เกิดสำนึกขึ้นในใจ กลับไปถึงบ้านบอกลูกหญิงชาย
บอกแม่บ้านว่า ไปบวชนาควัดชลประทานนี้ ท่านเจ้าคุณแกว่าเจ็บแสบเหลือเกิน
พ่อสำนึกได้แล้วว่ามันไม่ดี เลิกแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
บอกเมียบอกลูกว่าช่วยจำไว้ด้วยนะ พ่อไม่ดื่มแล้ว
แล้วไม่ดื่มวันนั้นกลับถึงบ้านก็ไม่ดื่มเหล้า
ที่ได้หยุดไปนั้นเพราะเหตุไรความสำนึกมันเกิดขึ้น
พอเกิดความสำนึกอะไรมันตามมาความละอายเกิดตามมา ความกลัวเกิดตามมา
ความยับยั้งชั่งใจก็เกิดตามมา มันก็เกิดผลขึ้นแก่บุคคลผู้นั้น อันนี้เขาเรียกว่า
ผู้ร้ายกลับใจ โจรผู้ร้ายกลับใจได้ หรือว่าคนที่ทำผิดไม่ดีไม่งามกลับใจได้
เพราะความสำนึกขึ้นมาอย่างนี้ คนเราบางทีได้พบอะไรเป็นเครื่องเตือนใจ
มันก็อย่างนั้น ได้พบแล้วมันก็ผ่านไปเฉยๆ ไม่มีความสำนึกอะไรเกิดขึ้นในใจ
ที่เขาเรียกว่า มันยังไม่สุก บุญบารมียังไม่มี แต่ว่าคนบางคนเขาเรียกว่า มันสุกรอบ
คล้ายกับผลไม้มันสุกหล่นได้ทันที พอได้อะไรเหมาะก็หล่นทันที
คนบางคนมันเป็นอย่างนั้น พอได้ยินได้ฟังอะไรก็สำนึกขึ้นมาได้ เลิกเลย
เปลี่ยนชีวิตใจเข้าหาความงาม บางคนอาจจะไม่ได้มาฟังเฉพาะหน้า
ฟังวิทยุกระจายเสียงก็สำนึกได้ เปลี่ยนจิตใจได้ก็มีเหมือนกัน
มีทหารเรือคนหนึ่งอยู่ที่สัตตหีบ ก็ฟังเทศน์วิทยุยานเกราะ
สมัยนั้นก็เทศน์อยู่ พูดไปเรื่องอะไรก็ไม่รู้จำไม่ได้แต่ว่าแกฟังอยู่
ฟังแล้วก็เกิดความสำนึกขึ้นมา ตัดสินใจเลิกเลย เลิกจากการดื่ม จากการยิงนกตกปลา
ไม่ใช่ว่าไปยิงเอามากิน สนุกเห็นนกกะปูดนั่งอยู่บนต้นไม้ยิง แล้วก็เตะมันทีหนึ่ง
เอามากินก็ไม่ได้มันเหม็นคาวสาบ ต้มอย่างไรๆ ก็ไม่ได้ ไม่เมาจัดกินไม่ลงมันเหม็น
ไม่กินหรอก ยิงเล่นแล้วก็เตะมันทีหนึ่ง ให้สมน้ำหน้า ว่ามึงเที่ยวร้องกะปูดๆ
ในตอนใกล้รุ่งกูนอนไม่สบาย มันคิดไปอย่างนั้น ยิงเล่น ยิงค่างเล่น ยิงเล่น
แล้วก็ชอบดื่มของเมา วันนั้นฟังไม่ทราบว่ามันกระทบอย่างไร เกิดสำนึกขึ้นมา
ตัดสินใจเลิกเลย แล้วเขียนจดหมายมาขอบพระคุณ บอกว่า แหมถ้าไม่ได้ขึ้นกับเขาเลย
คือตกร่องลึกมันขึ้นไม่ได้
คล้ายกับคนเราตกลงไปในร่องน้ำแล้วมาได้เพราะได้ฟังเสียงพระ อันนี้เป็นตัวอย่าง
ก็เรียกว่า เกิดความสำนึก
พระองคุลีมาลนั้นก็เหมือนกัน
ที่เป็นโจรได้เกิดความสำนึกขึ้นมาเพราะพระพุทธเจ้า พูดง่ายๆ ว่า เราหยุดแล้ว
ท่านยังไม่หยุด พูดอย่านี้มันกระทบกระเทือนใจเราหยุดแล้ว ท่านไม่หยุด
คือพูดคือพูดว่าหยุดในภาพเห็นยังวิ่งอยู่ พระพุทธเจ้ายังวิ่งอยู่ ก็นึกว่า
เอ๊ะหยุดอย่างไร วิ่งอยู่ก็เลยสงสัย แล้วก็บอกว่า หยุดเถอะเราไม่ทำร้าย
พอหยุดก็จ่อหน้ากันอยู่ตรงนั้นเอง ก็เลยถามว่า ที่ท่านพูดว่าท่านหยุดแล้ว
แต่กระผมไม่หยุดนี้หมายความว่าอย่างไร พระพุทธเจ้าบอกว่า
เราหยุดจากการกระทำความชั่วแล้ว แต่ท่านยังไม่หยุดจากการพูดในเรื่องชั่ว
เกิดสำนึกขึ้นในใจทันทีว่า กูนี่เป็นคนชั่ว เป็นคนใช้ไม่ได้
เลยเลิกทีเดียวก้มลงกราบพระพุทธเจ้าแทบพระบาท แล้วก็ทิ้งดาบไว้ข้างหนึ่ง
แล้วก็แสดงตนเป็นพุทธมามกะ นี้เขาเรียกว่าเกิดความสำนึกขึ้นในใจ
คนเราถ้าเกิดความสำนึกแล้ว รักษาความสำนึกอันนั้นไว้ในใจตลอดเวลา
รับรองว่าจะพ้นจากบาป อกุศล ไม่มีความเสียหายแก่ชีวิตต่อไป
อันนี้แหละเรื่องที่สำคัญ ทีนี้จะทำอย่างไรจะให้คนเกิดสำนึก
นี่แหละเรื่องที่ต้องช่วยกันแล้ว คือช่วยให้ธรรมะนี่มันดังบ่อยๆ
ให้มันดังออกไปบ่อยๆ ให้ได้ยินได้ฟังกันบ่อยๆ เวลานี้เสียงธรรมะมันดังน้อยไป
แต่ว่าเสียงที่ไม่ใช่ธรรมะชักจะดังมากกว่า ดังก้องไปทั่วบ้านทั่วเมือง
เช่นเสียงเพลงเร้าใจกิเลสมนุษย์มันดังมาก ดังกันแพร่หลาย ดังกันจนถึงในวัดในวา
ก็เคยพูดกับสมภารเจ้าวัดหลายแห่ง เวลามีงานอะไรแล้วก็ชอบสนุก ชอบมีหนังมีดนตรี
ชอบมีอะไรต่ออะไร โยมสังเกตไหมป้ายโฆษณางานวัด
ว่าในงงานนี้ดนตรีคณะนั้น มีอะไรคณะนี้ มีอะไรต้องติดไว้เสมอ
และไม่เห็นว่างานวัดไหนปิดป้ายโฆษณาว่า ในงานวัดเรานี้มีการแสดงธรรม มีการสนทนาธรรม
มีการเผยแผ่ธรรมะ ถ้ามีก็ไปเรื่องอื่น เช่น มีพุทธาภิเษกลงเลขลงยันต์
ไปเสียอย่างนั้น นี่เขาเรียกว่า เสียงมันไม่เป็นธรรม ไม่ใช่เสียงปลุกคนให้ตื่น
แต่ว่าทำให้หลงใหลให้หลับต่อไป เป็นเพลงกล่ออารมณ์ให้มัวเมาให้หลงใหลให้เคลิบเคลิ้ม
แล้วให้หลับต่อไป ไม่ลืมหูลืมตา ไม่เห็นอะไร นี่มันเสียหาย
สังคมมันวุ่นวายก็เพราะเรื่องอย่างนี้
ทีนี้เราจะต้องช่วยกันปลุกให้ตื่น อย่าช่วยกันทำคนตื่นให้หลับ
แต่ว่าทำคนหลับให้ตื่น ให้ได้เกิดความรู้ความเข้าใจในเรื่องอะไรถูกต้อง
นี่จะทำอย่างไร คือต้องช่วยกันเผยแผ่ธรรมะให้ประชาชนได้เกิดความเข้าใจ
ถ้าว่ามีการพูดทางวิทยุเราได้ฟัง เพื่อนฝูงยังไม่ได้ฟังก็ช่วยกันหน่อย บอกว่า
แหมเวลานั้นดีนะ หกโมงเย็นทุกวันอาทิตย์ ยานเกราะ 880 น่าฟัง
ท่านปัญญาแกไปพูดอยู่นะเราเปิดฟังนะ เพื่อนว่า เอ๊ะลองไปเปิดฟังหน่อย
เราได้ช่วยแนะเพื่อนคนหนึ่ง ให้ได้เปิดเครื่องวิทยุฟัง
ก็เท่ากับได้ปลุกให้เขาตื่นแล้ว ให้เขาลืมหูลืมตาขึ้นมา เขาก็จะได้เสียงนั้น
แล้วเขาก็จะสบายใจ
อาตมามีความสบายใจเมื่อได้เมื่อได้พบคนบางคน
เช่นมีนายทหารคนหนึ่งเดินทางไปตราด เกิดอุบัติเหตุ รถจักยานต์มันพุ่งมาชนรถเรา
ชนข้างก้น แต่รถเราต้องจ่ายค่าเสียหายให้มันร้อยบาท ค่าที่มันมาชน ก็นึกในใจว่า
ผู้ถูกชนนี่ต้องเสียเงินด้วย มันก็แปลก แต่ว่ารีบให้มันเพราะต้องรีบไปอีก
ไม่มีเวลาที่จะไปคว้าความกันอยู่ มันจะเอาก็ให้มันไปจะได้หมดเรื่องราว
แล้วก็หมดเรื่องกันไป
ก็มีนายทหารชั้นพันเอก เห็นอาตมายืนอยู่ก็หยุดรถ
แล้วก็ถามว่าหลวงพ่อจะไปไหน จะไปตราด นึกว่าเข้าในเมือง ผมจะพาไปด้วย
แล้วก็เลยบอกว่า ผมฟังทุกเย็นวันอาทิตย์
ใต้เท้าพูดดีมีประโยชน์แก่ชาติแก่บ้านเมืองมาก ได้ฟังอย่างนั้นมันก็สบายใจ
ไม่ใช่ตรงเขายอว่าท่านพูดดีไม่ใช่อย่างนั้น แต่สบายใจตรงที่เขาฟังเท่านั้นเอง
แล้วมันจะเป็นประโยชน์ต่อไป
เพราะฉะนั้นเราต้องโฆษณาบอกใครๆ ให้ได้รับฟังกัน
เช่นเราเป็นหัวหน้าอยู่ในสำนักงานองค์การใหญ่ๆ มีคนมากมาย ก็ป่าวร้องลูกน้อง
ว่าช่วยกันฟังวิทยุบ้าง หรือนานๆ ก็นิมนต์พระไปเทศน์ที่สำนักงานเสียหน่อย
พูดกับคนงานทั้งหลายให้มันรู้สึกสำนึกตัว
คือให้รู้ว่าเรามีความเกี่ยวข้องกับงานอย่างไร ชีวิตเรากับงานอย่างไร
เราควรจะทำตนอย่างไรจึงจะถูกต้อง คนบางคนมันไม่รู้ ทำแต่งานทำไปๆ
แต่ไม่รู้ว่าทำทำไม ทำไปแล้วไม่รู้ว่าจะได้อะไร
งานอันนี้มันสำคัญแก่ชาติบ้านเมืองอย่างไร เขาไม่รู้ไม่เข้าใจ
เราอย่างคิดว่าคนทุกคนมันจะเข้าใจไปหมด รู้ในหลักวิชาที่เรียนเท่านั้น
เช่นวิศกรก็รู้เรื่องไฟฟ้า เรื่องเครื่องยนต์ แต่บางทีมันก็คิดไม่ได้
เรื่องคิดได้หรือไม่ได้นี้เป็นเรื่องที่จะต้องมีคนคอยกระตุ้น คอยเตือน
การกระตุ้นเตือนนี้เป็นเรื่องสำคัญ เพราะฉะนั้นแม่ทัพที่พาทหารออกรบ
เขาจึงต้องเตือนให้เกิดความรู้สึกในการที่จะรบ ที่จะได้ไปต่อสู้ต่อไป
นโปเลียนแกนำทัพข้ามเขาใหญ่เล็ก เหนื่อยเมื่อยล้าเต็มที เห็นว่าทหารอิดโรยมามากแล้ว
ก็ขึ้นบนยอดเขาแล้วชี้ไปบอกว่าโน่นเมืองที่เราจะตี
อาหารสมบูรณ์อะไรสมบูรณ์ผู้หญิงก็สวยๆ เราต้องรีบเดินไปหน่อยตีเช้าๆ มันจะได้แตก
แล้วก็จะได้ไปกินข้าวกันที่นั้น นี่เป็นวิธีที่ทำให้คนตื่นตัวขึ้น
แล้วก็รักหน้าที่การงาน
พระเจ้าตากสินของเราเข้าตีเมืองจันทบุรี กินข้าวแต่ไม่สว่าง
ทุบหม้อข้าวหมดเลย ไปกินกันในเมืองวันนี้ทหารก็ต้องยอมรบ หม้อข้าวหมดแล้วจะกินอะไร
ถ้ารบไม่ชนะก็ไม่กินข้าวกันในวันนี้ รบกันเลยแต่เช้า หิวข้าวเห็นช้างเท่าหมู
รถชนประตูกำแพงเข้าไปเลย นี่เขาเรียกว่า ปลุกใจ
ทีนี้เราจะมาปลุกให้คนตื่นตัวต้องใช้ธรรมะ ธรรมะปลุกนี่ตื่นนาน
ใช้เรื่องอื่นปลุกมันตื่นประเดี๋ยวประด๋าวแล้วก็หลับต่อ
แต่ถ้าคนเข้าถึงธรรมะแล้วมันตื่นนาน เพราะเขารู้จักคือชีวิตคืออะไร การงานคืออะไร
อะไรมันเป็นอะไร เข้าใจถูกต้องในเรื่องอะไรต่างๆ สิ่งทั้งหลายมันก็จะดีขึ้น
พ่อแม่ก็สำคัญ นี่หน้าร้อนลูกไม่ไปโรงเรียนเพราะโรงเรียนปิด
เราจะทำอย่างไรกับลูกในโรงเรียนปิดนี้ พ่อแม่ต้องมีเวลากับลูกบ้าง
อย่าเอาเวลาไปทำอะไรๆ มากเกินไป จะเกิดความเสียหาย
คือไม่ได้รับการอบรมลูกเต้านี่มันเสียหาย เสียหายแก่อนาคตของครอบครัว
แก่ชาติแก่บ้านเมือง จึงใคร่ขอเตือน ว่าขณะโรงเรียนปิดภาค
พ่อแม่ต้องเอาใจใส่ลูกเต้า มันไปไหน ไปกับใคร ไปที่ใด ไปแล้วมันได้อะไรมาบ้าง
คอยสังเกตดูกิริยาท่าทาง ผิวพรรณวรรณะของมัน ในระหว่างปิดภาคเรียนนี้
ว่ามันเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหน บางทีปิดภาคมันไปเที่ยวกับเพื่อน
ชวนไปเที่ยวสนุกสนานเบิกบานใจ มันเยอะแยะในเมืองไทยเรานี้
ของชั่วมันมากเราต้องคอยระวัง ไปไหนกลับมาต้องเรียกมาคุยด้วย ไปไหนมา
เป็นอย่างไรลูกสนุกไหมลองถาม อย่าไปดุเขาเดี๋ยวเขาไม่ตอบ
เราต้องถามเป็นเชิงสนุกไปด้วยกับเขา
แล้วเขาเล่าให้ฟังว่าไปที่นั่นเป็นอย่างนั้นอย่างนี้
เราก็หัวเราะกระซิกกระซี้ไปกับเขาด้วย ให้เขาเพลินใจ ทีหลังค่อยวกเข้ามา
เข้าทีดีที่ลูกไป แต่มันไม่เหมาะสมที่อย่างนั้น เพื่อนอย่างนั้น
เราก็พูดแนะแนวให้เขาเข้าใจ ค่อยพูดค่อยจา อย่าไปพูดให้เขาตกอกตกใจ
ทีหลังเขาไม่พูดกับเราเสียอีก เราค่อยพูดค่อยจา
แนะนำพร่ำเตือนเขาให้เข้าใจเรื่องราวที่ถูกที่ชอบ เวลาโรงเรียนปิดเด็กมักเกเร
ชอบเที่ยวชอบเตร่ พ่อแม่ต้องเอาใจใส่ดูแล ลูกคนไหนที่พอฟังธรรมะรู้เรื่อง
วันอาทิตย์เรามาวัดก็ชวนมาด้วย มานั่งใกล้ให้เขาได้ยินได้ฟัง
มันผ่านเข้าไปในหูบ้างมันก็ยังดี ยังประพฤติไม่ได้
ต่อไปมันนึกได้ก็จะได้เปลี่ยนจิตใจ เรียกว่าสำนึกขึ้นได้ภายหลัง
คนเรามันมีเชื้อแล้วมันเกิด เช่นว่า พ่อเป็นคนมีศีลธรรมประจำจิตใจ
บางทีลูกเตลิดไปสักพักหนึ่ง ทีหลังมันสำนึกขึ้นได้
สิ่งนั้นมันกลับมาเป็นสิ่งที่เป็นเชื้อเดิม กลับเข้าวัดเข้าวารักษาศีลฟังธรรม
ประพฤติดีประพฤติชอบต่อไป กลับมาหาสิ่งเหล่านี้
แต่นั่นมันกลับมาเองโดยมีสิ่งกระตุ้นเตือนมันช้า เราต้องมีการกระตุ้นเตือน
ปลุกปลอบประเล้าประโลมจิตใจเขา ให้มีความสำนึกรู้สึกตัวไว้ในทางดีทางควร
จะได้เป็นคนดีของชาติบ้านเมืองต่อไป
เวลานี้เราต้องช่วยเหลือกันแล้ว โยมต้องสำนึกอันหนึ่งไว้ในใจว่า
ประเทศชาติของเรากำลังมีภัยอันหนึ่งเฉพาะหน้า ข่าวอันหนึ่งอาตมาอ่านแล้วสลด
คือข่าวเจ้ามหาชีวิตประเทศลาวถูกจับ แล้วก็ศาลตัดสินประหารชีวิต
แต่ศาลยังไม่ประหารจะขึ้นศาลประชาชนก่อน ประชาชนนั้นพวกเมคขึ้นทั้งนั้น
พอเราถามว่าคนคนนี้มีความผิดควรประหารชีวิตหรือไม่ พวกนั้นก็ยกมือว่าควรแล้วๆ
นี่ที่สงสัยเพราะอะไร เพราะเจ้ามหาชีวิตเป็นสุภาพบุรุษ เป็นคนเรียบร้อย
ท่านไม่ยุ่งกับใคร ความจริงท่านอยู่เฉยๆ การเมืองท่านไม่ยุ่ง ท่านไม่ค่อยไปไหน
อยู่แต่ในวัง ไม่น่าจับท่านไปฆ่า คนอย่างนี้ไม่มีพิษมีภัย ท่านอยู่เฉยๆ
แล้วท่านมีแผนทางการเมืองแล้วท่านจะอยู่ทำไม ท่านหนีไปในวันโน้นก็แล้วกัน
ท่านไม่หนีท่านอยู่ที่นั่น ท่านคิดว่าจะตายในประเทศลาว
แต่ว่าพวกนั้นเห็นว่าตายช้าไป จึงจับไปยิงให้ตายไวๆ หน่อย
นี่แหละคือความไม่มีธรรมะในจิตใจคนมันเป็นอย่างนี้
นี่คือสิ่งที่เรามองเห็นว่ามันเป็นพิษเป็นภัย เราอย่าเฉยเมย
ต้องช่วยกันรักษาชาติบ้านเมือง
การรักษาชาติบ้านเมืองก็คือ การรักษาตัวเราไม่ให้ตกไปสู่ความชั่วร้าย
รักษาครอบครัวให้อยู่ในสภาพดีงาม อะไรๆ มันก็จะดีตามไปด้วย พูดง่ายๆ
ว่าช่วยกันประพฤติธรรม แล้วประเทศชาติจะอยู่รอด ถ้าไม่ประพฤติธรรมแล้วชาติจะไม่รอด
เขาจะอ้างว่าคนไทยไม่มีธรรมะ ต้องเอาธรรมะมาให้ แต่ธรรมะที่เขาเอามามันแย่
ถ้าเปรียบเหมือนร่มก็รั่ว กางแล้วฝนรดหัวเปียกโชกไปเลย มันเดือดร้อนอย่างนี้
ญาติโยมคิดให้ดีเถิด ช่วยกันประพฤติชอบตามสมควรแก่ฐานะ
ดังที่ได้กล่าวมาเป็นเครื่องชี้แนะแนวทางเตือนจิตสะกิดใจแก่ญาติโยมทั้งหลาย
ก็สมควรแก่เวลา
ขอยุติการกล่าวปาฐกถาธรรม ไว้แต่เพียงนี้.
<< ย้อนกลับ
» ไม่มีอะไรได้ดังใจเหมือนม้ากาบกล้วย
» วันนี้เจ้าอยู่กับฉันพรุ่งนี้มันไม่แน่
» หลักใจ
» เกิดดับ
» มรดกธรรม