ศาสนา ลัทธิ ความเชื่อ นิกาย พิธีกรรม >>

หอพระไตร

โอวาทสี่ของเหลี่ยวฝาน
โดย :: เจือจันทน์ อัชพรรณ (มิสโจ)

ข้อที่สาม วิธีสร้างความดี

      โอวาทข้อที่สองนั้น ท่านเหลี่ยวฝานได้สอนวิธีแก้ไขความผิดในชีวิตปัจจุบัน แต่การที่ไม่ทำผิดในชาตินี้ ยังไม่สามารถที่จะทำให้ชีวิตเสวยผลดี มีสุขได้ตลอดไปเพราะเหตุว่า แม้ชาตินี้จะมิได้ก่อกรรมทำเข็ญเพิ่มขึ้น แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่า ชาติก่อนๆ นั้นเราทำความไม่ดีอะไรไว้บ้าง ซึ่งจะต้องมีแน่ๆ เพียงแต่มากหรือน้อยเท่านั้น ที่เราไม่อาจจะทราบได้ ซึ่งก็จะต้องได้รับวิบากแห่งกรรมในชาตินี้ต่อไป ฉะนั้น ไม่เพียงแต่ เราจะต้องละการทำชั่วแล้ว เรายังต้องสร้างกรรมดีให้เพิ่มพูนยิ่งๆ ขึ้น โอวาทข้อที่สามนี้ท่านเหลี่ยวฝานจึงสอนให้ลูกท่านรู้จักวิธีสร้างความดี
        ลูกจะต้องอ่านคัมภีร์เอ็กเก็งให้เข้าใจอย่างทะลุปรุโปร่ง เพราะเป็น คัมภีร์ที่ดีมากเล่มหนึ่ง เพียงหน้าแรก ก็ให้กำลังใจแก่ผู้อ่านอย่างมหาศาล โดยกล่าวไว้ว่า ครอบครัวที่สั่งสมแต่ความดี ไม่เพียงแต่หัวหน้าครอบครัว จะได้รับผลดีเท่านั้น แม้ลูกหลานเหลนโหลน ก็พลอยได้เสวยผลแห่งความดีนั้นด้วย เพราะเหตุนี้ท่านตาของท่านขงจื๊อ นักปราชญ์ผู้เลื่องชื่อของจีน ท่านจึงยกลูกสาวของท่าน ให้กับท่านพ่อของท่านขงจื๊อ เพราะท่านได้พิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้วว่า ชายที่จะมาเป็นบุตรเขยท่านนั้น ไม่เพียงแต่จะเป็นผู้ประพฤติดีปฏิบัติชอบเท่านั้น ยังต้องมีบรรพชน ที่ประพฤติดีปฏิบัติชอบมาหลายชั่วอายุคนด้วย และก็เป็นความจริง ตระกูลนี้ได้ให้กำเนิดนักปราชญ์ที่ชาวจีนทั้งประเทศต้องสักการะบูชา เป็นปูชนียบุคคลที่หายากในโลกผู้หนึ่ง คือท่านขงจื๊อไงล่ะลูก ต่อมา ท่านขงจื๊อได้สรรเสริญท่านตี้ซุ่น ที่พ่อได้กล่าวให้ลูกฟังไว้ทีหนึ่งแล้ว ว่าท่านตี้ซุ่นเป็นผู้ที่มีความกตัญญูอย่างยอดเยี่ยม หาใครเปรียบได้ยาก บรรพชนของท่านตี้ซุ่น จะต้องยินดีปรีดาที่มีลูกหลานที่ดีเซ่นไหว้บูชา ส่วนลูกหลานที่กระทำตนไม่ดีนั้น แม้จะเซ่นไหว้บูชาบรรพชน บรรพชนก็ไม่ยินดีด้วย และไม่ยอมรับการเซ่นไหว้บูชาด้วย ลูกศึกษาประวัติศาสตร์สมัยชุนชิวแล้ว ลูกก็จะเข้าใจดีว่า ลูกหลานของท่านตี้ซุ่น ก็คือแคว้นเฉินทั้งหมด ได้มีความรุ่งเรือง อยู่นานหลายชั่วอายุคนทีเดียว อดีตจึงเป็นตัวอย่างอันดี ที่ลูกจะได้ศึกษา ทำความเข้าใจให้รู้แจ้งเห็นจริง และจดจำมาแต่สิ่งที่ดีงาม เพื่อประยุกต์ใช้ ในชีวิตประจำวันของลูกเอง
        มีขุนนางตำแหน่งพระอาจารย์ท่านหนึ่ง มีหน้าที่ถวายพระอักษรฮ่องเต้ เมื่อยังทรงพระเยาว์ ท่านผู้นี้มีบรรพชน ที่ยึดอาชีพแจวเรือจ้างมาหลายชั่วคน มีอยู่ครั้งหนึ่ง ตั้งแต่พระอาจารย์ยังไม่เกิด ฝนตกนานจนท่วมตลิ่ง กระแสน้ำได้พัดพาชีวิตผู้คนและทรัพย์สินลอยตามน้ำมามากมาย ชาวเรือจ้างต่างก็สาละวนเก็บทรัพย์สินขึ้นเรือเป็นของตน มีแต่ท่านทวด และท่านปู่ของพระอาจารย์ท่านนี้เท่านั้น ที่ไม่ยอมแตะต้องสิ่งของใดๆ เลย ตั้งหน้าตั้งตาช่วยชีวิตคนที่ลอยตามกระแสน้ำอันเชี่ยวกรากมา ใครๆ ก็พากันหัวเราะเยาะว่าท่านทั้งสองโง่ ไม่รู้จักฉวยโอกาสหาความร่ำรวยใส่ตน แต่การณ์หาเป็นเช่นนั้นไม่ เมื่อท่านปู่ได้ลูกชายคือท่านบิดาของพระอาจารย์นี้ ความเป็นอยู่ของท่านกลับไม่ลำบากดังแต่ก่อน ครอบครัวมีความสุขสบายขึ้น ท่านทวดสิ้นบุญไปแล้ว ต่อมาท่านปู่ก็ถึงแก่กรรมลง มีเต้าหยินท่านหนึ่ง ซึ่งเชื่อกันมาว่าเป็นเทวดาแปลงร่างมาปรากฏ ได้แนะนำให้ท่านพ่อของพระอาจารย์ นำศพของท่านทวดและท่านปู่ไปฝังรวมกันในที่แห่งหนึ่งใกล้บ้าน ซึ่งมีชัยภูมิดีมาก เป็นมงคลแก่ลูกหลานต่อไป ทุกวันนี้ฮวงซุ้ยกระต่ายขาวนี้ เป็นที่เลื่องลือกล่าวขวัญกันทั่วทุกทิศ สดุดีในเกียรติคุณของคนแจวเรือจ้าง ที่เป็นท่านทวดและท่านปู่ของอาจารย์ เมื่อพระอาจารย์ถือกำเนิดมา พออายุได้ ๒๐ ปี ก็สอบไล่ได้ตามขั้นตอนทั้งหมด ได้รับราชการเป็นขุนนาง จนได้เป็นพระอาจารย์ถวายอักษรแก่ฮ่องเต้ เมื่อฮ่องเต้ทรงทราบถึง คุณงามความดีของท่านทวด และท่านปู่ของพระอาจารย์ ก็ได้โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศขุนนางให้กับท่านทวด ท่านปู่ และท่านพ่อของพระอาจารย์อีกด้วย เพื่อเป็นการแสดงให้ปรากฏว่าการทำความดีงามนั้น ย่อมได้รับสิ่งดีงาม สมควรเป็นแบบอย่างแก่บุคคลทั่วไป แม้ลูกหลานของพระอาจารย์ ก็ได้รับราชการเป็นใหญ่เป็นโต ตราบจนทุกวันนี้มากมาย


        มีเสมียนอำเภอท่านหนึ่ง แม้จะมีตำแหน่งเล็กๆ แต่จิตใจนั้นเปี่ยมด้วยเมตตาธรรม เป็นคนรักษาระเบียบวินัย ของราชการอย่างเคร่งครัด มีความยุติธรรมเป็นที่ตั้ง ไม่ทำสิ่งไรที่ผิดศีลธรรม ส่วนนายอำเภอนั้น เป็นคนดุร้าย อยู่มาวันหนึ่งนายอำเภอ สั่งเฆี่ยนผู้ต้องหาที่ไม่ยอมรับสารภาพ ตีจนเนื้อแตกเลือดไหลนองพื้น ก็ยังไม่หายโกรธ เสมียนอำเภอทนเห็นความทารุณไม่ไหว จึงคุกเข่าต่อหน้านายอำเภอ ขอให้ปรานีนักโทษ หยุดตีเสียที นายอำเภอตอบว่า ปรานีน่ะได้ แต่ผู้ต้องหาคนนี้ ไม่รักษากฎหมาย ไม่มีศีลธรรม จะไม่ให้โกรธกระไรได้ เสมียนอำเภอ จึงโขกศีรษะลงกับพื้น พลางพูดว่า ผู้ที่เป็นขุนนาง ถ้าไม่ชำระความตามเหตุผล ข้อเท็จจริง เอาแต่อารมณ์ตนเป็นใหญ่ ราษฎรย่อมไม่มีตัวอย่างอันดีงาม ให้ประพฤติปฏิบัติตาม จิตใจของราษฎรหาที่ยึดเหนี่ยวเป็นสรณะไม่ได้ การชำระความนั้น แม้จะสอบสวนได้ความจริงออกมาแล้ว ก็ไม่ควรดีใจ จะทำให้เกิดความประมาทเลินเล่อ ไม่ได้ความจริงที่อยู่ลึกกว่าความจริงธรรมดา ทำให้การชำระความผิดพลาดได้ง่าย แม้จะได้ความจริงทั้งหมดออกมาแล้ว ก็ยังไม่ควรดีใจ ควรจะเสียใจและสงสารที่เขาทำผิดไปโดยความจงใจก็ดี เพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี ยังต้องนําเมตตาธรรม มาร่วมกับการวินิจฉัยคดีความด้วย ทางใดที่จะผ่อนหนักเป็นเบาได้ ควรให้โอกาสเขาได้กลับตัวกลับใจ เป็นคนดีต่อไป ถ้าแสดงความโกรธมากมายเช่นนี้ ผู้ต้องหาเกรงอาญา ก็จะรีบยอมรับเสียก่อน ทั้งๆ ที่ตนมิได้ทำผิดดังที่ถูกกล่าวหา จะมิเป็นการปรักปรำราษฎรไปหรือ ดีใจยังเป็นการไม่บังควร จักโกรธได้ที่ไหน นายอำเภอสำนึกในคำพูด ของเสมียนอำเภอ แต่นั้นมาก็ไม่กล้าแสดงความโกรธ ความดีใจ ในขณะที่ชำระความอีกเลย
        เสมียนอำเภอท่านนี้มีความยากจนมาก เพราะมีแต่เงินเดือนขั้นต่ำ ไม่เคยขูดรีดราษฎร ไม่ยอมรับของกำนัลจากใคร มีแต่ช่วยเหลือผู้ต้องหาและนักโทษ วันหนึ่ง มีผู้ต้องหาหลายคนที่ไม่มีข้าวจะกิน อดอยากมาตลอดทางจากหัวเมืองไกล หน้าตาซีดเซียว หมดเรี่ยวหมดแรง หน้าหาสีเลือดไม่ได้แล้ว เป็นที่น่าสงสารยิ่งนัก บังเอิญที่บ้านของเสมียนอำเภอท่านนี้ ข้าวสารก็กำลังจะหมด เหลืออยู่มื้อสุดท้ายเท่านั้น ถ้านำมาให้ผู้ต้องหาเหล่านี้แล้ว ท่านและภรรยา ก็จะต้องอดข้าวมื้อนั้นด้วย ท่านจึงปรึกษากับภรรยา เพื่อให้ภรรยาเป็นผู้ตัดสินใจ ตกลงทั้งสองคนยอมเสียสละข้าวมื้อนั้น นำมาต้มข้าวต้มเลี้ยงผู้ต้องหาทั้งหมด ต่อมา ภรรยาของท่านก็ให้กำเนิดบุตรชายสองคน ล้วนแต่ได้เป็นขุนนางผู้ใหญ่ ในเวลาต่อมา และหลานของท่านอีกสองคนก็ได้เป็นขุนนางผู้ใหญ่เช่นกัน

หน้าถัดไป >>

ประวัติท่านเหลี่ยวฝาน
ข้อที่หนึ่ง การสร้างอนาคต
ข้อที่สอง วิธีแก้ไขความผิดพลาด
ข้อที่สาม วิธีสร้างความดี
ข้อที่สี่ ความถ่อมตน

แชร์ไปที่ไหนดี แชร์ให้เพื่อนสิ แชร์ให้เพื่อนได้ แชร์ให้เพื่อนเลย