ศาสนา ลัทธิ ความเชื่อ นิกาย พิธีกรรม >>
พุทธประวัติ ฉบับสำหรับยุวชน
พุทธทาสภิกขุ แปลและเรียบเรียงจาก ฉบับภาษาอังกฤษ ของ ภิกษุสีลาจาระ (J.F. Mc kechnie)
ตอนที่ 15
พระนางมหาปชาบดี
ครั้งหนึ่ง พระเจ้าสุทโธทนะพระพุทธบิดาได้ประชวรหนัก
พระพุทธองค์ได้ทรงพาพระนันทะน้องต่างมารดาของพระองค์
และพระอานนท์ลูกเรียงพี่เรียงน้องของพระองค์ ซึ่งบัดนี้ได้ผนวชเป็นภิกษุแล้ว
พร้อมทั้งพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะเสด็จไปสู่นครกบิลพัสดุ์ เพื่อการเยี่ยมเยียน
ในตอนแรก ด้วยการได้เห็นพระพุทธองค์ซึ่งเป็นโอรสสุดที่รักอีกครั้งหนึ่ง
พระเจ้าสุทโธทนะได้ค่อยทรงทุเลาขึ้น และทุกๆ คนคิดว่า พระองค์จะต้องทรงหายประชวร
แต่อาการทุเลานี้ได้เป็นไปชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น
พระองค์ทรงมีความชรามากเกินไปกว่าที่จะมีกำลังต้านทานความเจ็บไข้
ในสองสามวันต่อมาได้กลับประชวรหนักยิ่งขึ้นไปอีก
และได้สิ้นพระชนม์ลงในท่ามกลางความโศกเศร้าของคนทั้งหลาย
เมื่อพระราชสวามีสิ้นพระชนม์ลงดั่งนี้ พระนางมหาปชาบดี
ผู้เป็นพระมารดาเลี้ยงของพระพุทธองค์
ซึ่งได้เลี้ยงพระองค์มหาราวกะว่าเป็นโอรสของพระนางเองนั้น
ไม่ทรงประสงค์ที่จะอยู่เป็นฆราวาสอีกต่อไป
พระนางทรงมีความโศกเศร้าในการสิ้นพระชนม์ของพระสวามี
ประกอบกับความพอพระทัยในการประพฤติพรหมจรรย์
จึงมีพระประสงค์จะออกผนวชเป็นบรรพชิตในสำนักของพระองค์
เพื่อรับคำแนะนำสั่งสอนโดยใกล้ชิด พระนางได้ทรงพาสุภาพสตรีอีกจำนวนหนึ่ง
ซึ่งไม่ยอมอยู่โดยปราศจากพระนางโดยจะติดตามไปในที่ทุกหนทุกแห่งด้วยกัน
ไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าและทูลขอร้องให้ทรงเมตตากรุณายินยอมรับสตรีบวชเป็นบรรพชิต
อยู่ภายใต้การแนะนำสั่งสอนของพระองค์โดยใกล้ชิด เช่นเดียวกับภิกษุทั้งหลาย
แต่แม้พระนางจะได้ทรงวิงวอนถึง 3 ครั้ง 3 หน
ให้พระองค์ทรงรับพระนางและสุภาพสตรีเหล่านั้นเข้าบวช เป็นนักบวชสตรีอยู่กับพระองค์
พระองค์ก็ได้ทรงปฏิเสธโดยทรงขอร้องอย่าให้พระนางทูลขออนุญาตเช่นนั้นกับพระองค์เลย
พระนางมหาปชาบดีทรงโศกเศร้าเป็นอันมากในการที่พระพุทธองค์ทรงปฏิเสธ
พระนางและสุภาพสตรีเหล่านั้น ได้พากันร้องไห้เพราะเหตุนั้น
เมื่อทรงปลงพระศพพระเจ้าสุทโธทนะสิ้นสุดลงแล้ว
พระพุทธองค์ได้เสด็จจากนครกบิลพัสดุ์ ทรงจาริกไปตามสถานที่ต่างๆ
จนกระทั่งสมัยหนึ่งได้เสด็จถึงเมืองเวสาลี และประทับอยู่ ณ ป่ามหาวัน
พระนางมหาปชาบดีได้ตัดพระเกศาของพระนางออก ทรงครองผ้าอย่างนักบวช
พร้อมด้วยสุภาพสตรีจำนวนหนึ่งดังที่กล่าวแล้ว
ได้เสด็จไปตามหนทางที่จะไปสู่เมืองเวสาลี ทรงดำเนินด้วยพระบาททีละเล็กละน้อย
ล่วงเวลาเป็นอันมาก จนกระทั่งถึงป่ามหาวัน
อันเป็นที่ซึ่งพระพุทธองค์กำลังประทับอยู่
เมื่อเสด็จถึงที่นั้นแล้ว มีฝ่าพระบาทบวมพอง เพราะการเดินทางไกล
มีฝุ่นจับทั่วทั้งองค์ ซูบเศร้า และอ่อนเพลีย
พระนางได้ประทับยืนกันแสดงอยู่ข้างนอกพระวิหาร
พระอานนท์ได้มาพบพระนางซึ่งกำลังยืนอยู่ในพระอาการที่น่าสมเพชอย่างยิ่งเช่นนั้น
ได้ทูลถามถึงต้นเหตุเพื่อทราบว่า ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น และพระนางกันแสงเพราะเหตุใด
พระนางได้ตรัสตอบว่า ท่านอานนท์
พระผู้มีพระภาคเจ้าไม่ทรงอนุญาตให้สตรีละจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต
อยู่ประพฤติธรรมวินัยกับพระองค์ อิฉันไม่ปรารถนาจะเป็นอย่างอื่น
ปรารถนาจะบวชแต่อย่างเดียวจึงต้องร้องไห้
พระอานนท์ได้ตอบว่า
พระบุตรีแห่งราชวงศ์โคตมะจงรอก่อน ถ้าเรื่องเป็นดังนี้
อาตมาจักวิงวอนขอร้องให้พระผู้มีพระภาคเจ้าโปรดประทานพระอนุญาตให้สตรีได้บวชประพฤติธรรมวินัยในสำนักของพระองค์
เช่นเดียวกับภิกษุทั้งหลาย
พระอานนท์ได้พยายามกระทำตามที่ได้ให้สัญญาแก่พระนางมหาปชาบดี
เมื่อได้ไปถึงที่ประทับของพระพุทธองค์แล้ว
ได้ทำการวิงวอนด้วยความเคารพนอบน้อมอย่างสูงสุด
เพื่อให้ทรงเมตตาแก่สตรีทั้งหลายโดยโปรดประทานอนุญาตให้บวชได้
โดยทำนองเดียวกับบุรุษ
พระดำรัสตอบของพระพุทธองค์ต่อพระอานนท์ในขณะนั้นมีว่า อย่าเลย ! อานนท์,
อย่าเลย ! อย่าขอสิ่งเช่นนี้กับเราเลย พระอานนท์ก็มิได้หมดความพยายามหรือท้อถอย
ได้ทูลวิงวอนแล้ววิงวอนอีก เป็นครั้งที่สองและที่สาม ด้วยคำวิงวอนอย่างเดียวกัน
และทุกครั้งพระองค์ได้ทรงปฏิเสธด้วยคำปฏิเสธอย่างเดียวกัน
พระอานนท์ได้ทรงรำถึงอยู่ในใจว่า พระพุทธองค์ไม่ประทานพระอนุญาต
เมื่อถูกทูลขอตรงๆ แต่บางทีพระองค์อาจจักทรงอนุญาต ถ้าเราจักใช้วิธีอื่น
ดังนั้นท่านจึงได้กราบทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า
ถ้าหากว่าสตรีได้สละเหย้าเรือนแล้ว
ออกบวชประพฤติพรหมจรรย์ในธรรมวินัยของพระตถาคตอย่างเคร่งครัดแล้ว
เธอเหล่านั้นจะสามารถบรรลุธรรมวิเศษทั้งสี่ชั้น
ตามลำดับแห่งอัฏซังคิกมรรคเพื่อลุถึงนิพพานได้หรือไม่ พระเจ้าข้า
พระพุทธองค์ได้ตรัสตอบว่า อานนท์ ถ้าสตรีสละเหย้าเรือน
ออกบวชในธรรมวินัยนี้ ก็อาจเป็นพระอรหันต์
ลุถึงนิพพานได้ในชาติอันเป็นปัจจุบันนี้เหมือนกัน
พระอานนท์ได้กราบทูลว่า ถ้าเช่นนั้นแล้ว
ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าได้โปรดพิจารณาดูเถิด พระนางมหาปชาบดีแห่งราชวงศ์โคตมะ
ได้เป็นผู้มีพระคุณต่อพระผู้มีพระภาคเจ้าอย่างสูงสุด
พระนางเป็นพระกนิษฐภคินีแห่งพระมารดาของพระผู้มีพระภาคเจ้าเอง
และทรงเป็นพระมารดาบุญธรรมเป็นผู้ฟูมฟักทะนุถนอม
และถวายนมแทนพระมารดาแก่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระนางได้ทรงเลี้ยงดู
และได้ทรงอบรมสั่งสอนพระผู้มีพระภาคเจ้ามาตั้งแต่พระมารดาสิ้นพระชนม์
ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ขอพระองค์ได้โปรดประทานพระอนุญาตเพื่อเห็นแก่พระนาง
ให้สตรีทั้งหลายที่สละเหย้าเรือนได้บวชเป็นบรรพชิตประพฤติพรหมจรรย์
ในธรรมวินัยของพระผู้มีพระภาคเจ้าอย่างเดียวกับบุรุษ เพื่อบรรลุถึงธรรมอันประเสริฐ
ที่พระองค์มีไว้โปรดประทานแก่ชาวโลกในชั้นสูงสุดนั้นเถิดพระเจ้าข้า
พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสว่า เอาละ อานนท์
ถ้าพระนางมหาปชาบดีแห่งราชตระกูลโคตมะเต็มพระทัยจะถือกฎอันเฉียบขาด 8 ประการ
ต่อไปนี้อย่างเคร่งครัดแล้ว ก็ให้ถือว่านั่นแหละ
เป็นการบรรพชาอุปสมบทของพระนางเถิด
ต่อจากนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสแก่พระอานนท์ถึงกฎ 8 ประการนั้นว่า
- สตรีผู้บวชแล้ว แม้นานเท่าใดก็ต้องทำความเคารพแก่ภิกษุผู้บวชแล้ว แม้วันเดียว
- ต้องไม่อยู่อาศัยในถิ่นที่ซึ่งไม่มีภิกษุอยู่ด้วย
- ต้องรับคำสั่งสอนจากภิกษุซึ่งสงฆ์ได้มอบหมายหน้าที่ ให้เป็นผู้สั่งสอนทุกๆ กึ่งเดือน
- ต้องปวารณาเปิดโอกาสให้สงฆ์ทั้งฝ่ายภิกษุและภิกษุณี ว่ากล่าวตักเตือนชี้โทษได้ ในวันปวารณา
- ถ้ามีอาบัติโทษอันชั่วหยาบ จักต้องได้รับการพิจารณาโทษและออกจากอาบัติในสงฆ์ทั้งสองฝ่ายคือทั้งฝ่ายภิกษุและภิกษุณี
- ก่อนบวชเป็นภิกษุณี ต้องอยู่ประพฤติวัตร เป็นสิกขมานา เพื่อการทอดลองเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 2 ปี แล้วจึงบวชได้ในสำนักแห่งสงฆ์ทั้งสองฝ่าย
- ต้องไม่พูดคำหยาบอย่างใดอย่างหนึ่งแก่ภิกษุและ
- ต้องไม่ทำตนเป็นผู้ว่ากล่าวตักเตือนภิกษุ แต่จักต้องเป็นผู้รับคำว่ากล่าวตักเตือนจากภิกษุ
อานนท์,ถ้าหากว่าพระนางมหาปชาบดีแห่งราชวงศ์โคตมะทรงเต็มพระทัยที่จะรับถือกฎอันเฉียบขาด
8 ประการนี้ อย่างเคร่งครัด จนตลอดพระชนมายุแล้ว
ก็ให้ถือว่าพระนางเป็นภิกษุณีแล้วโดยสมบูรณ์เถิดพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงยืนยันในที่สุด
พระอานนท์ได้รับเอาพระพุทธานุญาตนั้นแล้ว กลับออกมาทูลแก่พระนางมหาปชาบดี
ตามที่พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสทุกประการ
พระนางมหาปชาบดีทรงรู้สึกปลาบปลื้มและดีพระทัย ตรัสแก่พระอานนท์ว่า ท่านอานนท์,
เปรียบเหมือนคนหนุ่มคนสาวรักการแต่งตัว อาบน้ำชำระกายและศีรษะของตนแล้ว
ยกพวงมาลัยอันประกอบด้วยดอกไม้สีสวยสดและกลิ่นหอม ขึ้นด้วยมือทั้งสอง
แล้ววางลงบนศีรษะของตนอันเป็นอวัยวะสูงสุดกว่าอวัยวะทั้งหลาย
ด้วยความระมัดระวังฉันใด แม้อิฉันจักเทิดทูนกฎ 8
ประการนั้นไว้เหนือศีรษะไม่ประพฤติล่วงละเมิด
จนตลอดชีวิตของอิฉันด้วยความระมัดระวังอย่างเดียวกัน
พระอานนท์ ได้กลับเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า
ถวายความเคารพแล้วกราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า
พระนางมหาปชาบดีแห่งราชตระกูลโคตมะทรงยอมรับสมาทานกฎ 8 ประการ
ซึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงบัญญัติให้แก่พระนางอย่างเคร่งครัด
พระน้าของพระผู้มีพระภาคเจ้าได้เป็นภิกษุณีสมคามพระประสงค์แล้วพระเจ้าข้า
แต่พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสว่า อานนท์เอ๋ย
ธรรมวินัยซึ่งมีสตรีรับเอาไปประพฤติร่วมอยู่ด้วย จักไม่ตั้งมั่นยืนนาน
เปรียบเหมือนตระกูลที่มีผู้หญิงมาก มีผู้ชายน้อย
ไม่สามารถผจญต่อโจรผู้ร้ายผู้เบียดเบียนนี้ฉันใด
ธรรมวินัยของเราที่สตรีรับเอาไปประพฤติ ย่อมไม่ตั้งอยู่นานฉันนั้น
มันเหมือนกับนาข้าวสาลีหรือสวนอ้อย ซึ่งถูกเพลี้ยลงจับ ย่อมไม่เจริญงอกงามไปได้นาน
ฉันใดก็ฉันนั้น เหตุการณ์ได้เป็นไปตามที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพยากรณ์ไว้ทุกประการ
การบวชของภิกษุณี ซึ่งมีพระนางมหาปชาบดีเป็นองค์แรกนั้น มีอายุยืนยาว 500 ปี
แล้วก็จบสูญไป
» วัยกุมาร
» เทวทัต