ศาสนา ลัทธิ ความเชื่อ นิกาย พิธีกรรม >>
พุทธประวัติ ฉบับสำหรับยุวชน
พุทธทาสภิกขุ แปลและเรียบเรียงจาก ฉบับภาษาอังกฤษ ของ ภิกษุสีลาจาระ (J.F. Mc kechnie)
ตอนที่ 2
วัยกุมาร
ตามที่พระฤษีผู้สูงอายุและนักปราชญ์ทั้งหลาย
ผู้ได้ประชุมกันวันขนานนามของพระสิทธัตถะ
ได้มีความเห็นพ้องกันว่าพระโอรสของพระเจ้าสุทโธทนะองค์นี้
มิได้เป็นกุมารตามธรรมดานั้น คำกล่าวข้อนี้ได้ปรากฏเป็นความจริงยิ่งขึ้นทุกวันๆ
เมื่อได้รับการทะนุถนอมจาก พระเจ้าแม่น้า
ผู้รักพระกุมารอย่างกะว่าเป็นพระโอรสของพระองค์เอง
มาจนกระทั่งพระกุมารมีพระชนมายุได้ 8 พรรษา พระราชาได้ประทานครูบาอาจารย์
เพื่อให้การศึกษาแก่พระกุมารในการอ่านการเขียนและวิชาคำนวณ
โดยอาศัยการแนะนำของครูอาจารย์เหล่านี้
พระกุมารได้ศึกษาวิชาความรู้ทุกอย่างที่ควรศึกษานั้น ได้อย่างรวดเร็ว
ว่าโดยที่แท้แล้ว พระกุมารทรงศึกษาได้อย่างรวดเร็วและอย่างดียิ่ง
จนเป็นที่ฉงนสนเท่ห์ของคนทุกคน
รวมทั้งครูอาจารย์ทั้งพระราชบิดาและพระมารดาเลี้ยงด้วย
เรื่องใดที่พระองค์จักต้องทรงศึกษาเรื่องนั้นไม่มีความยากลำบากแก่พระองค์เลย
ได้รับการบอกการแนะนำวิชาอย่างใดๆ เพียงครั้งเดียว ก็จำได้ทันทีไม่มีลืม
และลักษณะอย่างนี้ มีมากเป็นพิเศษขนาดที่เรียกว่าผิดธรรมดา
ในการเรียนวิชาคำนวณของพระองค์ ทุกๆ คนเห็นชัดได้โดยง่ายว่าพระองค์ทรงมีอะไรๆ
เหนือคนธรรมดาสามัญมากมายจริงๆ
แม้พระองค์จะทรงมีอัจฉริยลักษณะอันสูงสุดในการศึกษาถึงเพียงนี้
ทั้งยังอยู่ในสถานะมกุฎราชกุมารผู้จะครองบัลลังก์ในอนาคตก็ตาม
พระองค์ไม่ได้ทรงละเลยที่จะแสดงความเคารพนอบน้อมในฐานะเป็นศิษย์ต่อครูบาอาจารย์ทั้งหลาย
เพราะทรงระลึกสำนึกอยู่ว่า โดยอาศัยบรรดาครูบาอาจารย์ทั้งมวลนี่เอง
คนเราจึงได้รับสิ่งซึ่งมีค่าสูงสุด กล่าวคือวิชาความรู้
พระกุมารมีปรกติสุภาพเรียบร้อยเป็นนิสัย ทรงประพฤติต่อทุกๆ คน
และโดยเฉพาะต่อครูบาอาจารย์เป็นพิเศษ ในการแสดงความสุภาพอ่อนโยนเคารพนบนอบ
ในทางกำลังกายก็เหมือนกัน
พระองค์ทรงประกอบไปด้วยคุณสมบัติไม่น้อยกว่าคุณสมบัติในทางจิตและทางมรรยาท
ไม่ต้องกล่าวถึงความสุภาพทางกิริยาอาการ
ไม่ต้องกล่าวถึงข้อที่พระองค์เป็นสุภาพบุรุษเต็มตามความหมายที่ดีที่สุดของคำๆ
นี้ พระองค์ยังเป็นผู้ที่กล้าหาญ
ไม่ครั่นคร้ามในการแสดงฝีมือทางกีฬาสำหรับผู้ชายแห่งประเทศของพระองค์ด้วย
ในฐานะที่ได้รับการอบรมมาอย่างผู้มีกำเนิดในวรรณะกษัตริย์คือนักรบ
พระองค์ทรงเป็นนักขี่ม้าที่ใจเย็นและห้าวหาญ
ทั้งเป็นนักขับรถที่สามารถและเชี่ยวชาญมาแต่เล็ก ในการกีฬาอย่างหลังนี้
เคยแข่งชนะคู่แข่งที่ดีที่สุดในประเทศของพระองค์
แม้กระนั้นเมื่อถึงคราวเอาจริงเอาจังในการที่จะชนะการแข่งขัน
พระองค์ก็ยังมีเมตตากรุณาต่อม้าของพระองค์
ที่เคยช่วยให้พระองค์มีชัยชนะอยู่เสมอๆ โดยทรงยอมให้พระองค์เป็นฝ่ายแพ้เสีย
แทนที่จะขับเคี่ยวม้าให้มากเกินกำลังของมันไปเพื่อเห็นแก่ความชนะถ่ายเดียว
พระองค์ใช่จะทรงปรานีเฉพาะแต่ม้าของพระองค์เท่านั้นก็หาไม่ แม้สัตว์อื่นๆ
ทุกชนิด ก็ได้รับความเอื้อเฟื้อและความเมตตากรุณาอย่างเดียวกัน
พระองค์เป็นโอรสของพระเจ้าแผ่นดินไม่เคยทรงประสพความทุกข์
ความลำบากอย่างใดเลยก็จริง
แต่น้ำพระทัยของพระองค์ก็ยังทรงหยั่งทราบถึงจิตใจของสัตว์เหล่าอื่น
ด้วยความเห็นใจว่าสัตว์ทั้งหลายย่อมไม่ปรารถนาความเจ็บปวดเช่นเดียวกัน
ไม่ว่าสัตว์นั้นๆ จะเป็นสัตว์มนุษย์หรือสัตว์เดรัจฉาน
แม้เมื่อพระองค์ยังเป็นกุมารเล็กๆ อยู่
ก็มีลักษณะที่แสดงให้เห็นว่าพระองค์ทรงหลีกเลี่ยงทุกอย่างทุกทาง
ในการที่จะก่อความทุกข์ให้เกิดขึ้นแก่สัตว์อื่นอย่างมากที่สุดที่พระองค์จะทรงทำได้
ในที่ทุกแห่งและโอกาส
และทรงพยายามที่จะปลดเปลื้องความทุกข์ของสัตว์ที่กำลังได้รับทุกข์อยู่ทุกวิถีทาง
ครั้งหนึ่ง เมื่อพระองค์เสด็จออกไปเที่ยวเล่นนอกเมืองกับพระญาติ
ลูกเรียงพี่เรียงน้องของพระองค์นามว่า เทวทัต ผู้ซึ่งได้พาคันศรและลูกศรติดไปด้วย
เจ้าชายเทวทัต ได้ยิงหงส์ซึ่งกำลังร่อนผ่านมาบนศีรษะตัวหนึ่ง
ลูกศรถูกปีกหงส์ทำให้มันต้องถลาตกลงมายังพื้นดิน มีแผลใหญ่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด
เจ้าชายทั้งสองพระองค์ต่างก็วิ่งไปเก็บมัน แต่เจ้าชายสิทธัตถะไปถึงหงส์ตัวนั้นก่อน
และได้อุ้มมันขึ้นอย่างระมัดระวัง พระองค์ได้ทรงชักลูกศรออกจากปีกนก
ทรงยัดใบไม้มีรสเย็นเข้าไปในบาดแผลเพื่อให้โลหิตหยุดไหล
และทรงลูบประคองไปมาอย่างเบาๆ เพื่อบรรเทาความเจ็บและความกลัวของนกนั้น
เจ้าชายเทวทัตรู้สึกขัดเคืองพระทัยเป็นอันมาก
ในการที่พระญาติของพระองค์มาแย่งเอานกไปเสียดั่งนี้
จึงได้เรียกร้องให้พระสิทธัตถะคืนนกให้แก่พระองค์ในฐานะที่พระองค์เป็นผู้ยิงมันตกด้วยลูกศรของพระองค์เอง
อย่างไรก็ตาม เจ้าชายสิทธัตถะได้ทรงปฏิเสธที่จะมอบนกเจ็บตัวนั้นให้ โดยตรัสตอบว่า
ถ้านกตาย มันจึงจะเป็นของผู้ยิง แต่เมื่อมันยังมีชีวิตอยู่เช่นนี้
มันก็ต้องเป็นของผู้ที่พยายามช่วยชีวิตมันไว้ ดังนั้น พระองค์จึงไม่มอบให้
ฝ่ายเจ้าชายเทวทัตก็ยังคงยืนกรานว่า
มันต้องเป็นของพระองค์ผู้ที่ยิงมันตกลงมาด้วยน้ำมือเอง ในที่สุด
เจ้าชายสิทธัตถะเป็นฝ่ายเสนอขึ้นว่าข้อพิพาทรายนี้ควรจักต้องนำไปเพื่อรับการพิพากษาตัดสินชี้ขาดในที่ประชุมแห่งนักปราชญ์ของประเทศ
ฝ่ายเจ้าชายเทวทัตก็ยินยอม
ณ ที่ประชุมสำหรับวินิจฉัยเรื่องต่างๆ
ในวันนั้น ได้มีปัญหาเรื่องหงส์ตัวนี้ขึ้น มีการถกเถียงกันมา ในที่ประชุมนั้น
บางท่านมีความเห็นอย่างหนึ่ง บางท่านมีความเห็นเป็นอย่างอื่น บางท่านว่า
นกควรเป็นของพระสิทธัตถะ บางท่านว่า ควรเป็นของเจ้าชายเทวทัต โดยมีเหตุผลต่างๆ กัน
ไม่เป็นที่ยุติลงไปได้ แต่ในที่สุดมีบุรุษผู้หนึ่ง
ซึ่งไม่เคยมีใครในที่ประชุมนั้นรู้จักมาก่อน ได้ลุกขึ้นยืน และกล่าวว่า โดยแท้จริง
ชีวิตต้องเป็นของผู้ที่พยายามจะช่วยชีวิตนั้นไว้
ชีวิตต้องไม่เป็นของผู้ที่พยายามแต่จะทำลายมัน นกที่กำลังบาดเจ็บนี้
เมื่อกล่าวโดยสิทธิอันชอบธรรมแล้ว
ต้องตกเป็นของบุคคลที่พยายามช่วยชีวิตมันไว้แต่ฝ่ายเดียว ดังนั้น
ขอให้นกตัวนี้ตกเป็นของผู้ที่พยายามช่วยเหลือ คือเจ้าชายสิทธิธัตถะเถิด
ทุกคนในที่ประชุม ลงความเห็นด้วยกับถ้อยคำอันมีเหตุผลเที่ยงธรรมนี้
การตัดสินก็เป็นว่า
ให้เจ้าชายสิทธัตถะเป็นผู้รับเอานกตัวซึ่งพระองค์ได้ทรงพยายามช่วยชีวิตนั้นไป
พระองค์ทรงเอาพระทัยใส่ในนกนั้นอย่างเอื้อเฟื้อที่สุด จนกระทั่งแผลของมันหายสนิท
และได้ทรงปล่อยมันสู่ความเป็นอิสระกลับไปยังฝูงของมัน
มีความสุขอยู่ในสระกลางป่าลึกสืบไป
» วัยกุมาร
» เทวทัต