ศาสนา ลัทธิ ความเชื่อ นิกาย พิธีกรรม >>
สมถะวิปัสสนา
กังขาวิตรณวิสุทธิ
พระโยคาวจรตั้งอยู่ในสมถยานิกะแล้วพึงพิจารณากำหนดให้เห็นปัจจัยแห่งนมรูปทั้งสองนั้นจงแท้ว่าสิ่งใดกำหนดเป็นคุนูปการแก่นามรูป พึงเห็นโทษกล่าวอเหตุ วิสมเหตุ และเหตุอันเป็นกุศลและอกุศล พิจารณาดูก็จะพ้นจากทุกข์นั้น ดุจหมดยาเห็นโรคแห่งคนไข้แน่แล้ว แสวงหายามารักษาโรคแห่งคนไข้นั้น พรโยคาวจรเจ้าเมื่อพิจารณาเห็นด้วยวิปัสสนาญาณแสวงหาเหตุปัจจัยแห่งนามและรูปนั้น ก็เห็นธรรมทั้งหลาย สี่ประการ คือ อวิชชา ตัณหา อุปาทาน กรรม ทั้ง ๔ ตัวนี้เป็นเหตุ เหตุว่าเป็นปัจจัย บังเกิดขึ้นแห่งรูปธรรม แลเห็นซึ่งอาหารเป็นปัจจัยอุปถัมภ์ค้ำชู เหตุว่าอาหารนี้เป็นปัจจัยอุปถัมภ์ค้ำชูให้นาม แล รูป เจริญไป พระโยคาวจรเจ้าก็กระทำกำหนดในปัจจัยแห่งรูปดังนี้ว่า ธรรม ๓ ประการ คือ อวิชชา ตัณหา อุปาทาน ประดุจดังมารดาเป็นที่อาศัยบังเกิดขึ้นแห่งทารก กรรม นี้เหมือนกับบิดาให้ทารกบังเกิด อาหารนี้ เหมือนแม่นมที่เลี้ยงรักษา ทารกให้เจริญไพบูลย์ไป
พระโยคาวจรพึงเห็นปัจจัยแห่งนามกายด้วยนัยเป็นต้นนี้แล้ว ว่าจักษุอาศัยซึ่งรูปทั้งหลายแล้วบังเกิดขึ้น แลจักษุวิญญาณอันรู้ด้วยจักษุบังเกิด พระโยคาวจรเมื่อพิจารณาด้วยวิปัสสนาเข้าใจแล้ว ว่าธรรมทั้งหลายเหล่านี้ในอดีตอนาคต ปัจจุบัน เป็นไปเพราะปัจจัยดังนี้ พระโยสคาวจรพิจารณาเห็นปัจจัยแห่งนามรูปฉะนี้แล้ว ปัญญาแลวิปัสสนาปรารภซึ่งอวิชชา อันปิดบังในเบื้องต้นว่า อาตมาเกิดตายมาในอดีตกาลช้านาน ได้เสวยทุกขเวทนานับไม่ถ้วน เมื่อพิจารณาไป วิจิกิจฉา ความสงสัย 16 ประการ อันปรารภอันเหตุ อันช้าทั้ง สาม คือ อันช้า ในอดีต อนาคต ปัจจุบัน