เทคโนโลยี นวัตกรรม สิ่งประดิษฐ์ วิศวกรรม เกษตรศาสตร์ >>
มลพิษจากฟาร์มเลี้ยงสัตว์
มลพิษทางน้ำ
มลพิษทางน้ำ หมายถึง สภาวะที่น้ำเสื่อมคุณภาพ หรือมีคุณสมบัติ เปลี่ยนแปลงไป
เนื่องจากมีสิ่งแปลกปลอมที่ไม่พึงปรารถนาปนเปื้อน เช่น สารเคมี เชื้อโรค
สารกัมมันตรังสี ความร้อน เป็นต้น
ทำให้เกิดความเสียหายต่อการใช้ประโยชน์ที่พึงประสงค์
น้ำเสีย หมายถึง น้ำที่ผ่านกิจกรรมการใช้ประโยชน์ด้านต่างๆ แล้ว จาก ชุมชน
บ้านเรือน สถานประกอบการต่างๆ ตลอดจนอุตสาหกรรมต่างๆ
ลักษณะของน้ำเสีย
1) น้ำเสียทางกายภาพ (Physical Waste Water) สังเกตได้จาก
อุณหภูมิ (Temperature) อุณหภูมิของน้ำที่สิ่งมีชีวิตจะอยู่ได้อย่างปกติในน้ำจะขึ้นอยู่กับความสามารถในการทนได้ของสิ่งมีชีวิตนั้นๆ สัตว์น้ำในประเทศไทยจะอยู่ในน้ำได้ระหว่างอุณหภูมิ 20-35 องศาเซลเซียส ถ้าร้อนหรือเย็นกว่านี้อาจทำให้ตายได้
- สีและความขุ่น (Color and Turbidity) น้ำเสียจะมีสีของน้ำเปลี่ยนแปลงไปจากธรรมชาติจนมีสีดำ สีแดง สีเขียว หรือสีอื่นๆ เนื่องจากสารแขวนลอยและสารละลายรวมทั้งสารอินทรีย์ที่ละลายในน้ำ
- กลิ่น (Odor) น้ำที่มีกลิ่นมักเป็นน้ำเสีย ซึ่งอาจจะมีสารเคมีหรือ สิ่งเน่าเปื่อยปะปนอยู่ จนทำให้มีกลิ่น กลิ่นของน้ำขึ้นอยู่กับปริมาณสิ่งปฏิกูลที่ละลายอยู่ในน้ำ
- การนำไฟฟ้า (Electrical Conductivity) หมายถึง ความสามารถของน้ำในการเป็นสื่อนำไฟฟ้า การวัดการนำไฟฟ้าสามารถอธิบายถึงความเข้มข้นของแร่ธาตุหรือสารประกอบต่างๆ ถ้าสารละลายปนอยู่มากจะทำให้ค่าการนำไฟฟ้ามากด้วย
- ของแข็งในน้ำ (Total Solids) หมายถึง ของแข็งที่อยู่ในรูปสารที่ละลายและสารแขวนลอยในน้ำ ถ้านำน้ำที่มีของแข็งเกินกว่า 1,000 มิลลิกรัม/ลิตร ไปใช้ผลิตน้ำประปาแล้ว จะเสียค่าใช้จ่ายสูงมาก
- ลักษณะทางกายภาพอื่นๆ เช่น ความหนาแน่น และความหนืด ซึ่งจะเปลี่ยนไปตามอุณหภูมิ ความกดดันของบรรยากาศ ความลึก ความเข้มข้นของสารแขวนลอย หรือความเค็มของน้ำ
2) น้ำเสียทางเคมี สังเกตหรือตรวจสอบได้จาก
- ความกระด้าง(6) (Hardness) เป็นสภาพที่ไม่เกิดฟองกับสบู่
- ความเป็นกรดด่างของน้ำ (pH value of water) ค่าที่เหมาะสมสำหรับน้ำดื่มจะอยู่ระหว่าง 6-8 ถ้าน้อยหรือมากกว่า 5.0-9.0 แล้ว สิ่งมีชีวิตในน้ำนั้นจะได้รับอันตราย
- ปริมาณออกซิเจนละลาย (Dissolved Oxygen หรือ DO)
ออกซิเจนที่ละลายน้ำเป็นแหล่งออกซิเจนสำหรับจุลินทรีย์ในน้ำในการหายใจและย่อยสารอินทรีย์ในน้ำ
ดังนั้นออกซิเจนที่ละลายในน้ำจึงช่วยลดปริมาณสารอินทรีย์และแบคทีเรียบางชนิดได้
และยังช่วยทำให้ น้ำมีรสดีขึ้นด้วย น้ำธรรมชาติที่มีคุณภาพดีมี DO อยู่ประมาณ
5-7 มิลลิกรัม/ลิตร หากน้ำเสียจะมี DO น้อยกว่า 3 มิลลิกรัม/ลิตร
แต่มาตรฐานคุณภาพน้ำทำให้ปลาและสัตว์น้ำมีชีวิตอยู่ได้ต้องไม่น้อยกว่า 2
มิลลิกรัม/ลิตร ความต้องการออกซิเจนมี 2 กรณี คือ
1) ความต้องการออกซิเจนทางชีวเคมี (Biochemical Oxygen Demand : BOD) เป็นค่าที่ใช้วัดปริมาณออกซิเจนที่ใช้โดยแบคทีเรีย ในการย่อยสลายสารอินทรีย์ในน้ำ สามารถบอกความสกปรกของน้ำได้ ซึ่งพระราชบัญญัติน้ำทิ้งจากโรงงานอุตสาหกรรมกำหนดไว้ว่า น้ำทิ้งก่อนปล่อยลงสู่แม่น้ำลำคลองต้องมี BOD ไม่เกิน 20 มิลลิกรัม/ลิตร(7)
2) ความต้องการออกซิเจนทางเคมี (Chemical Oxygen Demand : COD) เป็นปริมาณออกซิเจนทั้งหมดที่ต้องการเพื่อใช้ในการออกซิไดซ์สารอินทรีย์ในน้ำให้กลายเป็นคาร์บอนไดออกไซด์และน้ำ โดยอาศัยหลักว่า สารอินทรีย์เกือบทั้งหมดสามารถที่จะถูกออกซิไดซ์ โดยตัวเติมออกซิเจนอย่างแรงภายใต้สภาวะที่เป็นกรด ปกติค่า COD จะสูงกว่าค่า BOD
- โลหะหนัก (Heavy Metals) โลหะหนักที่มีบทบาทต่อสิ่งแวดล้อม มากที่สุด คือ ปรอท ตะกั่ว แคดเมียม สารหนู ลักษณะของการเป็นพิษ เกิดเนื่องจากโลหะหนักมักสะสมอยู่ในห่วงโซ่อาหาร และในกระบวนการทางชีวภาพ
3. น้ำเสียทางชีววิทยา (Biological Wastewater)
สภาพน้ำเสียทางชีววิทยา หมายถึง น้ำมีสิ่งที่มีชีวิตเป็นพิษเป็นภัยต่อมนุษย์ สัตว์
และพืช การตรวจวัดความสกปรกของน้ำทางด้านชีววิทยา จะตรวจโดยการหาปริมาณของโคลิฟอร์ม
แบคทีเรีย ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ที่อยู่ในลำไส้ของสัตว์เลือดอุ่น
สามารถทนต่อสภาพแวดล้อมได้ดี มีอยู่ในอุจจาระประมาณ 95% และตามแหล่งน้ำธรรมชาติ 5%
ผลกระทบจากมลพิษทางน้ำ
มลพิษทางน้ำก่อให้เกิดผลเสียหลายประการ เช่น
1. การสาธารณสุข น้ำเสียเป็นอันตรายต่อสุขภาพอนามัยของมนุษย์ โรคระบาดหลายชนิด เช่น อหิวาตกโรค ไข้ไทฟอยด์ โรคบิด ฯลฯ เกิดจากน้ำสกปรก ถ้าน้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรมมีสารพิษเจือปนจะทำให้เกิดโรคร้ายแรงทำลายสุขภาพของมนุษย์ทั้งทางตรงและทางอ้อม
2. การประมง ทำให้สัตว์น้ำต่างๆ ลดจำนวนลง เนื่องจากไม่สามารถดำรงชีวิตและแพร่พันธุ์ได้ตามธรรมชาติ
3. การผลิตน้ำเพื่ออุปโภคและบริโภค น้ำเสียกระทบกระเทือนต่อกระบวนการผลิตน้ำเพื่อใช้อุปโภคบริโภค ทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในการแยกสิ่งเจือปนที่ไม่ต้องการออก นอกจากนี้ยังทำให้ต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมเครื่องจักรอุปกรณ์ที่เสียหายจากการใช้น้ำที่ไม่ได้คุณภาพ
4. การเกษตร น้ำเสียก่อให้เกิดผลเสียหายต่อการเกษตร ส่วนใหญ่เป็นน้ำเสียที่มีความเป็นกรดและด่างสูง น้ำเสียเหล่านี้เกิดจากการปล่อยน้ำทิ้งจากโรงงานอุตสาหกรรมลงสู่แหล่งน้ำ โดยไม่ผ่านการบำบัดให้สะอาดเสียก่อน ทำให้แหล่งน้ำมีคุณสมบัติไม่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของพืชผักที่ปลูก นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการเกษตร เช่น ยาฆ่าแมลง ยากำจัดศัตรูพืชต่างๆ ยังทำให้เกิดปัญหาเรื่องสารเป็นพิษในแหล่งน้ำ กระทบกระเทือนต่อการดำรงชีวิตของปลาและสัตว์อื่นๆ
5. ความสวยงามและการพักผ่อนหย่อนใจ แม่น้ำลำธาร ตลอดจนแหล่งน้ำที่สะอาด สถานที่ที่เป็นความสวยงามตามธรรมชาติ ซึ่งมนุษย์ได้ใช้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจได้ ถ้าแหล่งน้ำเหล่านี้สกปรก ความสวยงามย่อมหมดไป การพัฒนาแหล่งน้ำให้สะอาด สวยงาม จะช่วยส่งเสริมสุขภาพอนามัยของประชาชน และแสดงถึงความเจริญทางวัฒนธรรมของบ้านเมือง และยังเป็นสิ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวอีกด้วย
6. ผลกระทบอื่นๆ ผลกระทบที่กล่าวมาเป็นผลกระทบใหญ่ๆ ที่เห็นได้ชัดเจน ยังมีผลกระทบที่ปัจจุบันเป็นปัญหาเล็กน้อย แต่ในอนาคตจะทวีความรุนแรงมากขึ้น เช่น การสูญพันธุ์ของสัตว์น้ำและพืชพรรณบางชนิด การลดลงของแหล่งอาหารของมนุษย์ เป็นต้น
การจัดการปัญหามลพิษทางน้ำ
1)
ส่งเสริมการเกษตรแบบธรรมชาติเพื่อหลีกเลี่ยงการใช้ปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลงหรือใช้โดยไม่ก่อให้เกิดผลเสียต่อแหล่งน้ำ
2) แนะนำให้เกษตรกรใช้ระบบการเกษตรแบบผสมผสาน
ซึ่งจะมีทั้งการปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์เพื่อให้เกิดของเสียน้อย
โดยการนำมูลสัตว์ไปเป็นปุ๋ย
3) กำหนดให้เกษตรกรสร้างถังหรือบ่อเก็บน้ำโสโครก
4) ปลูกพืชคลุมดินเพื่อช่วยลดตะกอนและสารพิษที่จะไหลลงสู่แหล่งน้ำ
5) การทำระบบบำบัดน้ำเสียในฟาร์ม