เทคโนโลยี นวัตกรรม สิ่งประดิษฐ์ วิศวกรรม เกษตรศาสตร์ >>
มลพิษจากฟาร์มเลี้ยงสัตว์
มลพิษทางอากาศ
ความหมายของมลพิษทางอากาศ (Air Pollution)
มลพิษทางอากาศ หมายถึง การมีสารมลพิษในอากาศอย่างหนึ่งอย่างใด หรือหลายอย่าง เช่น ฝุ่น กลิ่น ควัน ไอ ในลักษณะ ปริมาณ และภายในช่วงเวลาที่จะก่อให้เกิดผล กระทบกระเทือนในทางลบต่อมนุษย์ สัตว์ พืช หรือวัตถุอื่นๆ
มลสารที่ทำให้อากาศเสีย
1) คาร์บอนไดออกไซด์ เป็นก๊าซไม่มีรส ไม่มีกลิ่น หนักกว่าอากาศและละลายน้ำได้ ในปริมาณที่มีอากาศดีจะมีอยู่ในระดับ 300 ppm. ส่วนในคอกสัตว์ที่มีอากาศถ่ายเทดีจะมีค่าประมาณ 2,000 ppm. ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถูกปล่อยจากลมหายใจของสัตว์และเกิดจากการย่อยสลายของมูลสัตว์ ก๊าซส่วนใหญ่จะเกิดจากมูลสัตว์ในบ่อพักซึ่งอยู่ในรูปของเปียก ตัวก๊าซเองไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพสัตว์(1) แต่ปริมาณที่เพิ่มขึ้นจึงทำให้สัตว์ขาดออกซิเจน ดังนั้นอาการของสัตว์ที่ได้รับคาร์บอนไดออกไซด์มากๆ จึงเป็นอาการของการขาดออกซิเจน เช่น วิงเวียนศีรษะ เดินโซเซ และหมดสติ
2) แอมโมเนีย เป็นก๊าซไม่มีสี มีกลิ่นฉุนแสบจมูก มีน้ำหนักมากกว่าอากาศ ปกติไม่ติดไฟ(2) แต่ถ้ามีปริมาณมากๆ เช่น ที่ความเข้มข้น 16-25 % โดยปริมาตร หรืออุณหภูมิ 650 องศาเซลเซียส สามารถลุกติดไฟได้ และอาจทำให้เกิดระเบิดได้ แอมโมเนียส่วนมากเกิดจากมูลสด โดยเฉพาะในที่อับชื้นและมีอุณหภูมิสูงถึง 100-200 องศาเซลเซียส สัตว์ที่ได้รับแอมโมเนียมากๆ จะทำให้สัตว์จาม น้ำลายยืด และการกินอาหารลดลง ในไก่พบว่าจะทำให้อัตราการเจริญเติบโตลดลง และทำให้เกิดเยื่อตาขาวอักเสบ
3) ไฮโดรเจน เป็นก๊าซที่มีกลิ่นคล้ายไข่เน่า เกิดจากการหมักหมมของมูลสัตว์ ในสภาพไม่มีอากาศ(3) ในโรงเรือนที่มีการระบายอากาศไม่ดี ก๊าซนี้จะมีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และพบว่ามีปริมาณสูงขณะที่มีการขนย้ายมูลสัตว์ พบว่าในปริมาณ 20 ppm. จะทำให้สัตว์เกิดความผิดปกติของระบบประสาท กลัวแสง ในสุกรทำให้อาเจียน และท้องร่วงได้ ถ้าปริมาณก๊าซเพิ่มสูงถึง 800 ppm. จะทำให้หมดสติ และเสียชีวิต เนื่องจากระบบหายใจเป็นอัมพาต
4) คาร์บอนมอน็อกไซด์ เป็นก๊าซที่เกิดจากการเผาไหม้จากการทำงานของเครื่องจักร เช่น เครื่องปั่นไฟ หรืออุปกรณ์ทำความร้อนที่ใช้ก๊าซหรือน้ำมันเป็นเชื้อเพลิง โดยเฉพาะในปริมาณที่มีอ๊อกซิเจนต่ำ
5) มีเทน เป็นก๊าซที่มีกลิ่น และติดไฟได้ พบมากในมูลสัตว์ที่ถูกย่อยสลายโดยจุลินทรีย์ในสภาพที่มีอากาศ(4) สัตว์ที่ต้องสูดดมก๊าซนี้เป็นประจำ จะทำให้เกิดความผิดปกติ หรือโรคในระบบทางเดินหายใจ สัตว์อ่อนแอ อัตราการเจริญเติบโตต่ำ และติดโรคได้ง่าย
ผลกระทบที่เกิดจากมลพิษทางอากาศ
1) ปรากฏการณ์เรือนกระจก (Greenhouse Effect) เป็นปรากฏการณ์ที่อุณหภูมิของโลกสูงขึ้น เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นผลให้เกิดปัญหาความแห้งแล้งอย่างต่อเนื่อง และผลผลิตทางการเกษตรได้รับความเสียหาย
2) ฝนกรด (Acid Rain) ฝนกรดเกิดจากการที่อนุมูลของกรดต่างๆ เช่น กรดกำมะถัน กรดไนตริก หรือแม้แต่กรดอินทรีย์ต่างๆ เจือปนอยู่ในน้ำฝน ทำให้น้ำฝนบริสุทธิ์มีคาร์บอนไดออกไซด์เจือปนอยู่โดยธรรมชาติ และกรดคาร์บอนิคจากก๊าซนี้อาจทำให้ความเป็นกรดของน้ำฝนบริสุทธิ์มีค่า pH ประมาณ 5.6 ได้ ส่วนกรดอื่นๆ เช่น ซัลเฟต และไนเตรต เกิดจากการกระทำของมนุษย์ซึ่งใช้เชื้อเพลิงทำการถลุงแร่ ฝนกรดโดยทั่วไปมีช่วง pH 2.1-5.0 ฝนกรดนอกจากจะทำความเสียหายกับสิ่งก่อสร้างแล้ว ยังมีผลทำให้ดินเกิดเป็นดินเปรี้ยวไม่เหมาะต่อการเพาะปลูก และทำความเสียหายต่อพืชและผลิตผลทางการเกษตร
3) หมอกควัน (Smog) เป็นปรากฏการณ์ของภาวะมลพิษทางอากาศซึ่งเกิดเป็นประจำ และเป็นปัญหาหนักมากในเมืองใหญ่หรือในเมืองอุตสาหกรรมผลกระทบที่สำคัญจากมลพิษทางอากาศต่อประชากร คือ ผลกระทบต่อสุขภาพอนามัย โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้มีอาการระบบทางเดินหายใจเรื้อรังและโรคหัวใจ ได้รับผลกระทบจากมลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะฝุ่นละออง ทั้งการเพิ่มจำนวนการเจ็บป่วย การหยุดเรียนหรือขาดงาน และการเสียชีวิต (5)
หลักการจัดการมลพิษทางอากาศ
หลักการจัดการมลพิษทางอากาศมีวิธีต่างๆ ดังนี้
1. การลดปริมาณมลสารจากแหล่งกำเนิด ได้แก่
- การเลือกใช้กระบวนการผลิตที่มีมลสารน้อย เช่น การเปลี่ยนเครื่องจักรที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงมาเป็นเครื่องจักรที่ใช้ไฟฟ้า เปลี่ยนวัตถุดิบที่ทำให้เกิดมลสารทางอากาศได้ง่าย มาเป็นวัตถุดิบที่ทำให้เกิดมลสารที่มีปริมาณน้อยหรือไม่มี เช่น เชื้อเพลิงที่มีกำมะถันต่ำ หรือไม่มีสารตะกั่ว เป็นต้น
- การเลือกผลิตภัณฑ์ทดแทน เช่น การใช้สเปรย์น้ำแทนสเปรย์ที่มีสารซีเอฟซี
- การปรับปรุงประสิทธิภาพหรือบำรุงรักษาเครื่องยนต์ เครื่องจักรกล ให้ทำงานอย่างสมบูรณ์
2. การควบคุมปริมาณมลสารจากแหล่งกำเนิด ไม่ให้เกินมาตรฐานที่กำหนด คือ การติดตั้งอุปกรณ์ดักจับมลสาร ได้แก่ ถุงกรองฝุ่นของโรงหลอมเหล็ก เครื่อง Scrubber ฉีดละอองน้ำ ดักจับไอระเหย กรด-ด่าง ฯลฯ
3. การลดการแพร่กระจายของมลพิษ เช่น การปลูกต้นไม้เป็นแนวกำบังรอบแหล่งกำเนิดมลพิษ การกำหนดเขตพื้นที่ประกอบการอุตสาหกรรม ฯลฯ