เทคโนโลยี นวัตกรรม สิ่งประดิษฐ์ วิศวกรรม เกษตรศาสตร์ >>
การปลูกองุ่น
การขยายพันธุ์
องุ่นเป็นพืชที่ขยายพันธุ์ได้ง่าย และรวดเร็ว สามารถขยายพันธุ์ได้หลายวิธี เช่น
1. การปักชำ เป็นวิธีการที่ง่ายและเหมาะสมวิธีหนึ่ง
กิ่งที่ใช้ปักชำควรเป็นกิ่งที่มีอายุประมาณ 7-12 เดือน
กิ่งที่แก่หรืออ่อนเกินไปจะออกรากไม่ค่อยดี ควรเลือกกิ่งขนาดไม่ใหญ่หรือเล็กเกินไป
มีข้อถี่ๆ และมีตาโปนเห็นเด่นชัด เวลาทำการปักชำให้ตัดกิ่งองุ่นเป็นท่อนๆ ยาว 15-20
เซนติเมตร หรือมีข้อประมาณ 4-5 ข้อ ปักชำลงในกระบะทรายผสมขี้เถ้าแกลบ (อัตราส่วน
1:1) ถ้ามีฮอร์โมนช่วยในการเร่งราก ควรนำกิ่งปักชำมาจุ่มเสียก่อน
จะช่วยให้ออกรากได้มากและแข็งแรงแล้วจึงปักชำในวัสดุที่เตรียมไว้ลึก 1 ใน 3 ของกิ่ง
รดน้ำให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอหลังจากการปักชำแล้วประมาณ 15-20 วัน
กิ่งที่ปักชำจะเริ่มแตกรากและแตกใบอ่อน เมื่ออายุประมาณ 1 เดือนก็นำลงปลูกได้
นอกจากการปักชำในกระบะแล้ว ใต้ต้นองุ่นในแปลงปลูกมีร่มรำไรอยู่เสมอ
สามารถปรับปรุงใช้เป็นแปลงปักชำกิ่งองุ่นได้ดีเช่นเดียวกัน
2. การตอน เป็นวิธีการที่ชาวสวนนิยมทำกันมากอีกวิธีหนึ่งเพราะสะดวก รวดเร็ว
และตรงตามพันธุ์ กิ่งที่ใช้ตอนนั้นควรเป็นกิ่งที่ไม่อ่อนไม่แก่เกินไป
กิ่งที่เหมาะสมในการตอนควรมีอายุประมาณ 3 เดือน
ควรเลือกกิ่งที่สมบูรณ์ขนาดเท่าแท่งดินสอ
ปราศจากโรคและแมลงในกิ่งเดียวกันสามารถตอนได้หลายช่วง โดยแต่ละช่วงมีประมาณ 3-4 ข้อ
การตอนกิ่ง
เมื่อเลือกกิ่งที่เหมาะสมได้แล้ว จึงควั่นกิ่งให้รอยควั่นห่างกัน 0.5 เซนติเมตร
ลอกเปลือกออกแล้วใช้สันมีดขูดเยื่อเจริญออก
จากนั้นหุ้มด้วยตุ้มขุยมะพร้าวที่เตรียมไว้
หรือจะใช้ดินเหนียวอย่างเดียวแล้วใช้พลาสติกหุ้มก็ได้
แต่ต้องคอยตรวจดูอย่าให้ตุ้มตอนแห้ง อีก 15 วันต่อมา จะเห็นรากองุ่นสีขาวออกมา 3-4
ราก รีบตัดนำไปชำในถุงพลาสติกซึ่งบรรจุทรายและขี้เถ้าแกลบในอัตราส่วน 1:1)
หลังจากนั้นอีก 15 วัน เมื่อกิ่งตอนแข็งแรงดีแล้วก็สามารถนำไปปลูกในแปลงได้
ข้อควรระวัง คือ ในระหว่างการเพาะชำในถุงพลาสติกนั้น
ควรพ่นด้วยสารกำจัดเชื้อรา เช่น แคปแทน หรือเบนเลท ทุก 7 วันและเมื่อชำไว้แล้ว
ควรรีบนำไปปลูกขณะที่รากยังขาวอยู่ ไม่ควรปล่อยให้รากเป็นสีน้ำตาลเหมือนพืชอื่น
เพราะจะทำให้ชะงักการเจริญเติบโตและตายง่ายขึ้น
3. การติดตา จุดประสงค์ของการติดตาเพื่อให้ได้ต้นองุ่นที่ให้ผลผลิตดี
และมีระบบรากแข็งแรงทนทาน
เพราะองุ่นพันธุ์ดีอาจอ่อนแอหรือถูกรบกวนด้วยศัตรูในดินได้ง่าย
แต่องุ่นพันธุ์ป่าบางพันธุ์มีระบบรากแข็งแรง ทนทานต่อโรคแมลงในดินได้ดี
ก็จะเอาพันธุ์นั้นเป็นต้นตอแล้วนำตาพันธุ์ดีมาติดให้เป็นส่วนยอด
เนื่องจากองุ่นมีเปลือกไม้ที่ลอกออกยาก ดังนั้นวิธีการติดตาองุ่นที่ใช้กันคือ
การติดตาแบบชิบ (Chip budding) โดยเลือกตาพันธุ์ดีที่มีสีน้ำตาล
ตาไม่บอดปราศจากโรคและแมลง เฉือนตาให้ติดเนื้อไม้
และเฉือนต้นตอให้เป็นรูปอย่างเดียวกับที่เฉือนตาพันธุ์ดี แล้วนำไปติดกับต้นตอ
เอาพลาสติกพันเว้นให้ส่วนตาโผล่ออกหรือพันปิดตาก็ได้
4. การเสียบยอด การเสียบยอดกิ่งองุ่นเป็นวิธีที่นิยมกันมากเช่นกัน
โดยการปลูกพันธุ์องุ่นป่าไว้ในภาชนะหรือแปลงเพาะชำเสียก่อนจนตั้งตัว
หรืออาจจะปลูกพันธุ์องุ่นป่าเป็นต้นตอไว้ในแปลงอย่างน้อย 1 ปี แล้วจึงทำการเสียบยอด
กิ่งพันธุ์องุ่นที่นำมาเสียบยอดควรมีขนาดเท่ากันกับต้นตอ
หรือขนาดใกล้เคียงกันกับต้นตอ วิธีการให้เฉือนต้นตอเป็นรูปปากฉลาม
และเฉือนกิ่งพันธุ์ดีเป็นรูปลิ่ม แล้วจึงนำมาเสียบเข้าด้วยกัน
พันด้วยพลาสติกให้แน่นกิ่งพันธุ์ดีที่นำเข้ามาเสียบให้มีตาเพียงตาเดียว
กิ่งที่มีหลายตาจะแห้งง่ายทำให้ต่อไม่ติด
เมื่อกิ่งติดกันดีแล้วก็จะแตกเป็นต้นใหม่ต่อไป
5. การเสริมราก การเสริมรากไม่ใช้วิธีการขยายพันธุ์โดยตรง
แต่เป็นการทำให้มีระบบรากที่แข็งแรงขึ้น ใช้ในกรณีที่ปลูกองุ่นพันธุ์ดีอยู่แล้ว
แต่ต้องการให้มีระบบรากที่แข็งแรง หาอาหารได้เก่ง
ต้นองุ่นที่จะนำมาเสริมมักใช้ต้นองุ่นป่า วิธีการคือปลูกต้นองุ่นป่าใกล้ๆ
กับต้นพันธุ์ดีที่มีอยู่แล้ว เมื่อต้นองุ่นป่าเจริญเติบโตแข็งแรงดีแล้ว
เฉือนที่องุ่นพันธุ์และเฉือนปลายกิ่งองุ่นป่าเป็นรูปปากฉลาม
แล้วนำมาประกบกันให้สนิทพันด้วยพลาสติกให้แน่น ก็จะได้ต้นองุ่นที่มี 2 ขา หรือ 2
โคน ถ้าต้องการให้มี 3 ขา ก็ต่อก้านตรงข้ามกับอีกต้นหนึ่ง ขนาดของต้นองุ่นพันธุ์
และองุ่นป่าที่นำมาเสริมรากไม่จำเป็นต้องเท่ากันก็ได้ เมื่ออยู่ไปหลายๆ ปี
โคนต้นทั้งสองก็จะเจริญเติบโตจนมีขนาดใกล้เคียงกัน
»
พันธุ์
» การขยายพันธุ์
»
การปลูกและการดูแลรักษา
»
การเก็บเกี่ยว
»
การพักตัวของต้นองุ่น
»
โรคขององุ่น
»
แมลงศัตรูขององุ่น