เทคโนโลยี นวัตกรรม สิ่งประดิษฐ์ วิศวกรรม เกษตรศาสตร์ >>

ข้อมูลการเกษตร

ไม้ผล ไม้ยืนต้น

การปลูกหม่อนเลี้ยงไหม

กองส่งเสริมพืชสวน กรมส่งเสริมการเกษตร

การเลี้ยงไหม

โรคและแมลงศัตรูไหม

โรคไหม หมายถึง อาการผิดปกติของตัวหนอนไหม เช่น ระบบทางเดินอาหาร ระบบหายใจ ระบบหมุนเวียนโลหิต เป็นต้น ซึ่งมีผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของไหม ตลอดจนคุณภาพและผลผลิตของรังไหมด้วย
สาเหตุของการเกิดโรค

  • เกิดจากสิ่งไม่มีชีวิต ได้แก่ สภาพแวดล้อม พิษจากสารเคมีต่าง ๆ คุณภาพและปริมาณใบหม่อน หรือ
    การปฏิบัติอันทำให้เกิดบาดแผล เป็นต้น
  • เกิดจากสิ่งมีชีวิต ได้แก่ เชื้อจุลินทรีย์ต่าง ๆ เช่น เชื้อรา แบคทีเรีย โปรโตซัว ไวรัส รวมถึงสัตว์อื่น ๆ เช่น แมลงวันลาย มด จิ้งจก เป็นต้น

การนำเชื้อโรคเข้าสู่ห้องเลี้ยงไหมและตัวไหม มี 2 ลักษณะ คือ การอาศัยลมพัดพา เช่น สปอร์ของเชื้อราต่าง ๆ นอกจากนี้มนุษย์ยังเป็นตัวนำเชื้อโรคโดยจะติดไปกับร่างกาย เครื่องนุ่งห่ม ใบหม่อนหรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ที่มนุษย์นำเข้าไป ทำให้หนอนไหมแสดงอาการผิดปกติต่าง ๆ เช่น เบื่ออาหาร เจริญเติบโตผิดปกติ สำรอกน้ำย่อย เป็นต้น อาการผิดปกติดังกล่าวจะแสดงให้เห็นมากหรือน้อยย่อมขึ้นอยู่กับเชื้อสาเหตุ วัยของไหม พันธุ์ไหมและ สภาพแวดล้อมขณะเกิดโรค

โรคไหมที่สำคัญ

1. โรคเพบริน เกิดจากเชื้อโปรโตซัว จะติดต่อเข้าทางปากและทางไข่ อาการที่ปรากฎคือ ไหมจะแคระแกร็น เจริญเติบโตไม่สม่ำเสมอ ดังนั้นเกษตรกรควรใช้ไข่ไหมที่ผ่านการรับรองว่าปลอดโรคเพบรินแล้วมาเลี้ยง

2. โรคแอสเปอร์จิลลัส เกิดจากเชื้อราในกลุ่มแอสเปอร์จิลลัส โดยจะเข้าสู่ตัวหนอนไหมทางผิวหนัง อาการที่ปรากฏ เช่น ลอกคราบไม่ออกหรือออกไม่หมด ลอกออกแต่มีสีสนิมติดอยู่ อาจมีอวัยวะขับถ่ายยื่นออกมาหรือมีรอยแผลสีดำ บริเวณที่เชื้อเข้าทำลาย หลังจากที่หนอนไหมตายแล้วจะมีเชื้อราปกคลุมซากอยู่ โรคนี้จะระบาดรุนแรงในช่วงที่มี ความชื้นและอุณหภูมิสูง

3. โรคมัสคาดีน (มัมมี่) เกิดจากเชื้อราในกลุ่มมัสคาดีน มีทั้งสีขาว สีเขียว สีเหลืองและสีดำ เข้าทำลายทางผิวหนังเช่นกัน อาการที่ปรากฏ เช่น เกิดรอยแผลหรือตกกระ ถ่ายมูลเหลว สำรอกน้ำย่อย ทำให้เกิดความเสียหายในหนอนไหมวัยแก่มาก หลังจากหนอนไหมตายใหม่ ๆ ซากจะแข็ง ต่อมาจะมีเชื้อราปกคลุมโดยมีสีตามเชื้อราสาเหตุ

4. โรคแกรสเชอรี่ (โรคเต้อ, กะทิ) เกิดจากเชื้อไวรัสติดต่อได้โดยทางปาก ระบาดได้เร็วมาก อาการที่เห็นคือผิวเป็นมันวาว ข้อปล้องบวม หนังบางแตกง่าย มีน้ำเหลืองไหล ไม่กินอาหาร มักเดินออกนอกบริเวณเลี้ยง และตายในที่สุด

5. โรคแฟคเชอรี่ (เน่าเละ) เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ติดต่อได้โดยทางปาก อาการที่เห็นคือสำรอกน้ำย่อย ถ่ายมูลเหลว ลำตัวอ่อนปวกเปียกหรือเกร็งเป็นอัมพาต เวลาตายซากจะเละเน่าเหม็น

6. โรคไส้ขาว เกิดจากไวรัส อาการที่ปรากฏค่อนข้างช้า การเจริญช้ากว่าปกติ สำรอกน้ำย่อย ท้องร่วงถ่ายมูลมีสีขาว ถ้าผ่าลำตัวหนอนไหมดูจะพบว่าลำไส้มีสีขาว

หลักการป้องกันและกำจัดโรคไหม

กรณีที่หนอนไหมเป็นโรคแล้วไม่สามารถรักษาให้หายเป็นปกติได้ เนื่องจากหนอนไหมมีชีพจักรสั้นและโรคที่เกิด ขึ้นจะแสดงอาการอย่างรวดเร็วในเวลา 2-3 วัน ไหมก็จะตาย ถ้าหากละเลยก็จะแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ทำให้สูญเสียรายได้ เพราะไหมจะตายในที่สุด จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องป้องกันมิให้เกิดโรค ซึ่งมีหลักการป้องกัน ดังนี้

  1. ทำลายเชื้อโรคให้หมดไปจากโรงเลี้ยงและอุปกรณ์ก่อนที่จะเลี้ยงไหมในรุ่นถัดไป โดยการฉีดอบด้วย สารเคมีเพื่อกำจัดเชื้อโรคและศัตรูอื่น ๆ รวมทั้งมีการทำความสะอาดก่อนเข้าห้องเลี้ยงไหม
  2. ป้องกันมิให้เชื้อโรคจากภายนอกเข้าสู่ภายในห้องเลี้ยง เช่น ล้างมือล้างเท้าให้สะอาดก่อนเลี้ยงไหมทุกครั้ง ไม่ควรวางอุปกรณ์บนพื้น เป็นต้น
  3. ปฏิบัติเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดโรค เช่น ใช้พันธุ์ไหมที่แข็งแรงและไข่ไหมที่ปราศจากโรค ให้ใบหม่อนที่มี คุณภาพและเหมาะสมตามวัยของไหม ปรับสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมในแต่ละวัย เก็บคัดไหมที่ผิดปกติทิ้ง
  4. ควรหลีกเลี่ยงการยืมอุปกรณ์การเลี้ยงไหมจากผู้อื่น

» การเตรียมการก่อนการเลี้ยงไหม
» ไข่ไหม
» การเก็บรังไหม
» โรคและแมลงศัตรูไหม
» อุปกรณ์การเลี้ยงไหม
» วงจรชีวิตของตัวไหม
» วิธีเลี้ยงไหม
» การจำหน่ายผลผลิตไหม
» แมลงและศัตรูอื่น ๆ ที่สำคัญ

แชร์ไปที่ไหนดี แชร์ให้เพื่อนสิ แชร์ให้เพื่อนได้ แชร์ให้เพื่อนเลย