เทคโนโลยี นวัตกรรม สิ่งประดิษฐ์ วิศวกรรม เกษตรศาสตร์ >>
แมลงที่เป็นประโยชน์ทางการเกษตร
แมลงที่ให้ผลผลิต
แมลงที่ให้ผลผลิตที่เป็นประโยชน์มีน้อยชนิด แต่ผลิตผลที่แมลงให้นั้นมีคุณค่ามหาศาล จนทำให้มนุษย์หันมาเลี้ยงแมลงเพื่อเอาผลิตผลจากแมลงมาจำหน่ายเป็นสินค้า ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสมัยใหม่ทำให้การเลี้ยงแมลงซึ่งเดิมทำกันในยามว่างเป็นอาชีพเสริมในครัวเรือน กลายเป็นอาชีพหลักที่ทำรายได้ให้เกษตรกรผู้เลี้ยงเป็นจำนวนมาก และในปัจจุบันได้พัฒนาจนเป็นอุตสาหกรรมที่มีการส่งผลิตผลเหล่านี้ไปขายยังต่างประเทศเป็นสินค้าออกที่สำคัญ
ผลิตผลอันมีคุณค่ามหาศาลที่ได้รับจากแมลง ได้แก่
น้ำผึ้ง
น้ำผึ้งเป็นอาหารบริสุทธิ์จากธรรมชาติที่มนุษย์ทุกชาติทุกภาษานิยมรับประทานสมัยก่อนใช้น้ำผึ้งแทนน้ำตาลในการปรุงรสอาหารปัจจุบันน้ำผึ้งได้ถูกนำมาใช้ประกอบเป็นอาหารมากมายหลายอย่าง
รวมทั้งการรับประทานเปล่า ๆ ด้วย เชื่อว่าเป็นยาบำรุงกำลังที่ดี
ส่วนประกอบของน้ำผึ้งส่วนใหญ่คือน้ำตาล
จึงจัดว่าเป็นอาหารที่ให้พลังงาน (คาร์โบไฮเดรท)
น้ำผึ้งจะให้พลังงานออกมามากกว่าอาหารที่ให้พลังงานชนิดอื่น ๆ
ทั่วไปในปริมาณน้ำหนักแห้งที่เท่ากันเมื่อย่อยสลายในร่างกายแล้ว
จึงจัดว่าเป็นอาหารจำพวกที่ให้พลังงานที่ดีที่สุดชนิดหนึ่ง
น้ำผึ้งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากรวงผึ้ง
ซึ่งเกิดจากผึ้งงานไปดูดน้ำหวานจากดอกไม้หรือน้ำหวานที่ผลิตออกมาจากแมลงจำพวกเพลี้ยนำมาเก็บสะสมในรวงรังแล้วทำการบ่มด้วยการให้น้ำค่อยระเหยไปจนน้ำหวานนั้นมีการเปลี่ยนแปลงทั้งทางกายภาพและทางเคมี
กลายเป็นน้ำผึ้งที่มีความเข้มข้นสูงมากจนมีน้ำเหลืออยู่ไม่ถึง 20 เปอร์เซนต์
น้ำผึ้งจึงเก็บไว้ได้นาน ไม่เสียโดยไม่ต้องแช่ตู้เย็น เพราะเชื้อโรคต่าง
ๆ ไม่สามารถขึ้นได้ น้ำผึ้งจะมีรส กลิ่นและสีแตกต่างกันตามชนิดของพืชอาหารของผึ้ง
เช่น น้ำผึ้งจากดอกลิ้นจี่ น้ำผึ้งจากดอกลำไย น้ำผึ้งจากดอกส้ม
น้ำผึ้งจากดอกสาบเสือ เป็นต้น ความนิยมน้ำผึ้งของผู้บริโภคต่างกันไป
กลุ่มประเทศทางตะวันตกนิยมน้ำผึ้งสีจาง รสนุ่มนวลกลิ่นไม่แรงจัด
ส่วนทางประเทศแถบเอเซีย
นิยมน้ำผึ้งที่มีสีน้ำตาลเข้ม รสและกลิ่นค่อนข้างรุนแรงน้ำผึ้งที่มีขายในประเทศทางยุโรปและอเมริกาส่วนมากเป็นน้ำผึ้งที่ได้มาจากผึ้งพันธุ์ที่เลี้ยงกันเป็นอาชีพ
แต่ในประเทศไทยน้ำผึ้งที่มีขายนั้นเป็นน้ำผึ้งจากผึ้งชนิดอื่นด้วย เช่นผึ้งมิ้ม
ผึ้งโพรงและผึ้งหลวง อย่างไรก็ตาม
น้ำผึ้งที่ได้จากสภาพธรรมชาติของผึ้งไม่ว่าจะเป็นผึ้งชนิดใดก็ตามไม่มีความแตกต่างกันแต่อย่างใด
เพราะล้วนแต่ได้มาจากน้ำหวานของดอกไม้ทั้งสิ้น
ไขผึ้งหรือขี้ผึ้ง
เป็นสารที่ผึ้งงานผลิตขึ้นมาเพื่อใช้สร้างรัง ซ่อมแซมและปิดฝาหลอดรวงรังผึ้ง
โดยผลิตออกมาจากต่อมไข ซึ่งอยู่ที่ปล้องท้องของผึ้งงาน
ไขผึ้งที่ผลิตออกมาจะเป็นเกล็ดบางๆ สีขาวเหมือนสีน้ำนม
ผึ้งงานจะใช้กรามเคี้ยวในขณะที่ใช้เกล็ดไขนี้สร้างรวงและมักจะผสมกับเม็ดสีที่ติดมากับละอองเกสร
ทำให้รวงผึ้งมีสีเหลืองอ่อน ไขผึ้งที่บริสุทธิ์จะมีกลิ่นคล้าย ๆ น้ำผึ้ง
และหลอมเหลวที่อุณหภูมิประมาณ 65 องศาเซลเซียส
ไขผึ้งหรือขี้ผึ้งนั้นใช้ทำประโยชน์ได้หลายอย่าง เช่น ใช้ทำเทียนไข ขี้ผึ้ง
สารสำหรับขัดเขาหรือขัดมัน หมึก หุ่น แม้ว่าปัจจุบันมีขี้ผึ้งสังเคราะห์ขึ้นมากมาย
แต่ขี้ผึ้งจากรังผึ้งเมื่อใช้ทำเทียนจะไม่มีควันไม่หยดและมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ด้วย
จึงเป็นที่นิยมกันมากและมีราคาแพงกว่าขี้ผึ้งสังเคราะห์หลายเท่า
นอกจากนี้ในอุตสาหกรรมทำเครื่องสำอางยังใช้ขี้ผึ้งเป็นส่วนผสมของครีมทาหน้ารองพื้น
ครีมนวดผิวและลิปสติกอีกด้วย ที่สำคัญคือ
การเลี้ยงผึ้งเป็นอุตสาหกรรมในปัจจุบันใช้ไขผึ้งมารีดทำเป็นแผ่นฐานรวงหรือรังเทียม
เพื่อให้ผึ้งใช้เป็นฐานในการสร้างรวงผึ้งต่อออกไป เป็นการประหยัดพลังงานของผึ้งงาน
ไม่ต้องสร้างรวงรังใหม่หมด เพราะฐานรวงนี้สามารถนำมาใช้ซ้ำได้
หลังจากสกัดน้ำผึ้งออกจากรวงแล้ว
ในประเทศไทย ไขผึ้งที่มีจำหน่ายอยู่นั้น เป็นผลพลอยได้จากการเลี้ยงผึ้ง
คือหลอมมาจากฝาปิดหลอดรวงผึ้งที่ถูกปาดสกัดน้ำผึ้งออกไปแล้ว
และได้จากการหลอมเศษรวงหรือรวงผึ้งเก่า ๆ
ดังนั้นการพัฒนาการเลี้ยงผึ้งให้เจริญก้าวหน้าก็จะช่วยให้มีผลพลอยได้คือไขผึ้งนี้ออกมาจำหน่ายมากขึ้น
เป็นการเสริมรายได้ของเกษตรกรเพราะไขผึ้งนั้นจำหน่ายได้ราคาสูงกว่าน้ำผึ้งเสียอีก
อาหารตัวอ่อนผึ้งหรือโรยัลแยลลี่
เป็นอาหารสำหรับเลี้ยงตัวอ่อนผึ้ง
ซึ่งผลิตโดยต่อมคู่หนึ่งที่อยู่ที่ส่วนหัวของผึ้งงาน
ผึ้งงานในวัยที่ทำหน้าที่เป็นผึ้งพี่เลี้ยงจะผลิตสารนี้ซึ่งมีสีขาวครีมคล้ายครีมนม
แล้วขับออกมาทางปาก ป้อนให้กับตัวอ่อนของผึ้งในรัง
ตัวอ่อนของผึ้งที่เจริญเป็นผึ้งแม่รังจะได้รับอาหารชนิดนี้มากเป็นพิเศษ
ทำให้ตัวอ่อนของผึ้งแม่รังเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว มีการพัฒนาทางโครงสร้างและรูปร่างเป็นพิเศษ
ดังจะเห็นว่าผึ้งแม่รังมีขนาดใหญ่และแข็งแรงกว่าประชากรอื่นๆ ในรังผึ้ง
อาหารตัวอ่อนผึ้ง ซึ่งเรียกกันว่า นมผึ้ง นี้ประกอบด้วยสารหลายชนิด คือ น้ำ โปรตีน
ไขมัน แร่ธาตุ วิตามินชนิดต่าง ๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีวิตามินบีค่อนข้างสูงและมีวิตามินซีและวิตามินดีด้วยผู้บริโภคในหลายประเทศเชื่อว่าอาหารตัวอ่อนผึ้งมีคุณสมบัติทางด้านบำรุงกำลัง
เป็นยาอายุวัฒนะ เป็นสารกระตุ้นสมรรถนะทางเพศ
นอกจากนั้นยังช่วยลบรอยเหี่ยวย่นของผิวหนังและช่วยเสริมสร้างความงามทำให้ผู้เลี้ยงผึ้งในปัจจุบันมุ่งให้ความสนใจในการผลิตโรยัลแยลลี่กันมากขึ้น
เพราะความต้องการของตลาดมีมากทั้งในประเทศและต่างประเทศและยังสามารถขายได้ในราคาที่สูงมากอีกด้วย
ชันครั่ง
ชันครั่งเป็นผลิตผลที่ได้จากครั่ง ซึ่งเป็นแมลงตัวเล็ก ๆ ขนาดเท่าไรไก่
ตัวอ่อนของครั่งเมื่อฟักออกจากไข่จะหากิ่งอ่อนของต้นไม้ที่เหมาะสม
ยึดเกาะและดูดกินน้ำเลี้ยงจากพืชเป็นอาหาร และจะไม่เคลื่อนย้ายที่อยู่อีกต่อไป
ครั่งตัวเมียที่ผสมพันธุ์แล้วจะขับสารชนิดหนึ่งที่เรียกว่า" ชัน" ออกมาหุ้มตัวเอง
ครั่งตัวเมียขับสารชนิดนี้ออกมามากเท่าใด ชันครั่งหรือรังครั่งก็จะยิ่งเจริญเติบโต
ขึ้นจนในที่สุดก็จะเกาะติดกันเป็นพืด มีลักษณะเป็นก้อนสีน้ำตาลเข้มติดอยู่รอบ ๆ
กิ่งไม้ที่ครั่ง อาศัย
รังครั่งนี้คือครั่งดิบที่เป็นสินค้าที่มีคุณค่ามากในทางเศรษฐกิจเพราะครั่งดิบสามารถนำไปใช้
เป็นวัตถุดิบป้อนโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น โรงงานไฟฟ้า
โรงงานผลิตตู้เย็นและเครื่องไฟฟ้า
ใช้เป็นส่วนประกอบของกาวสำหรับเชื่อมหลอดไฟฟ้ากับขั้วทองเหลือง หลอดวิทยุ
โทรทัศน์ การติดกระดาษทรายน้ำทำผ้าน้ำมัน หมึกพิมพ์ชนิดกันน้ำ น้ำมันชักเงา
ทำกระดาษพิมพ์ แผนที่ ทำฟันปลอม ยาทาเล็บ ยาย้อมผม
เคลือบเม็ดยาเป็นสมุนไพรใช้บำรุงโลหิต ทำสีย้อมผ้า ไหม และผ้าขนสัตว์
สีผสมอาหาร ใช้ประทับตราไปรษณีย์ และทำหมึก เป็นต้น นอกจากนี้ยัง
สามารถแปรสภาพครั่งดิบเป็นครั่งเม็ด
เพื่อใช้ในตลาดภายในประเทศและส่งออกไปจำหน่ายยัง ตลาดต่างประเทศได้ด้วย
ปัจจุบันประเทศผู้ผลิตและส่งออกครั่งที่สำคัญของโลกมีอยู่เพียง2 ประเทศเท่านั้น
คือประเทศไทยและอินเดีย
และประเทศไทยเป็นผู้ครองสัดส่วนตลาดครั่งเม็ดมากที่สุดในโลกการเพาะเลี้ยงครั่งในประเทศไทยเป็นอาชีพสำคัญอย่างหนึ่งของราษฎรในภาคเหนือ
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางตอนเหนือ
เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้จะเป็นผู้คัดเลือกแม่พันธุ์ครั่งจากกิ่งไม้ที่มีครั่งจับดีแล้วมาแจกจ่ายให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงครั่งเพื่อนำไปขยายพันธุ์
พร้อมทั้งให้คำแนะนำวิธีการเพาะเลี้ยงครั่งที่ถูกต้องตามหลักวิชาการเพื่อให้เกษตรกรสามารถยึดการเลี้ยงครั่งเป็นอาชีพที่ทำรายได้ให้กับครอบครัวอย่างเพียงพอสำหรับพรรณไม้ที่ใช้เพาะเลี้ยงครั่งได้ดี
เรียงลำดับจากคุณภาพดีของครั่งที่ผลิตได้ คือ ตะกร้อ ทองกวาว สะแก จามจุรี ปันแถ
เปล้า ฉนวน ถั่วแระ พุทรา สีเสียดแก่น มะเดื่อ ยวนผึ้ง พะยูงและหลังดำ
ครั่ง อาจถือได้ว่าเป็นแมลงที่ให้โทษในทางการเกษตร
เพราะทำให้ต้นพืชที่ครั่งไปเกาะอาศัย โดยเฉพาะไม้ผลต่าง ๆ ทรุดโทรมลงและผลผลิตตกต่ำ
แต่ครั่งก็เป็นแมลงที่เป็นประโยชน์ในแง่ที่ผลิตสารที่มีคุณค่า
ซึ่งเป็นสินค้าออกที่ทำรายได้มาสู่ประเทศมากพอสมควร
เส้นไหม
ได้มาจากตัวไหมซึ่งเป็นแมลงพวกเดียวกับผีเสื้อทั้งหลาย
ไหมถูกมนุษย์เลี้ยงมาช้านานแล้ว จึงกลายเป็นสัตว์เลี้ยงไป
คือไม่สามารถดำรงชีวิตได้ด้วยตนเองในธรรมชาติ
ไหมไม่แข็งแรงพอจะเกาะกินบนพืชอาหารในธรรมชาติได้ และไม่สามารถบนไปผสมพันธุ์ได้
ต้องอาศัยมนุษย์เป็นผู้เลี้ยงดู ผลผลิตที่มนุษย์ได้จากไหมคือ
เส้นใยไหมที่นำมาทอเป็นผืนผ้าใช้เป็นเครื่องนุ่งห่ม
ใยไหมนี้สาวออกมาจากรังไหมที่หนอนไหมสร้างขึ้นหุ้มตัวเอง
หนอนไหมนั้นเมื่อเจริญเติบโตเต็มที่แล้วจะสร้างรังหุ้มตัวเองเพื่อเตรียมตัวเข้าดักแด้
โดยการคายสารที่เป็นใยไหมออกมาจากต่อมสร้างไหมที่อยู่ในตัวหนอน
สารที่เป็นใยไหมนี้ประกอบด้วยโปรตีน 2 ชนิดคือ ไฟโบรอิน (fibroin) ซึ่งมีอยู่ถึง
3/4อยู่ด้านในของใยไหม และ เซริเซน (sericin)
หุ้มอยู่ด้านนอกสารประเภทโปรตีนนี้มีลักษณะโปร่งใสและมีความเหนียวมากจะเปลี่ยนสภาพจากของเหลวไปเป็นเส้นใย
เมื่อหนอนไหมคายออกมา หนอนไหมจะโยกหัวกลับไปกลับมาระหว่างจุด 2 จุด ขณะคายใยไหม
ทำให้ได้ใยไหมที่มีความยาวมากเชื่อมโยงระหว่างจุดทั้งสอง
ซึ่งในที่สุดก็จะประกอบขึ้นเป็นรังไหมหุ้มหนอนไหมไว้ภายใน
หนอนไหมแต่ละตัวจะชักใยได้ยาวไม่เท่ากัน ใยไหมที่สาวออกมาแล้วอาจมีความยาวตั้งแต่
350 เมตร ถึง 1,200 เมตร ใยไหมที่ยังไม่ได้เอาสารพวก เซริเซน ออกจะไม่สวย
ดังนั้นจึงต้องมีกรรมวิธีในการสาวใยไหม
เส้นไหมที่ได้จึงจะเรียบเป็นมันเลื่อมและนิ่มสวยงามมาก
จากนั้นจึงนำไปทอเป็นอาภรณ์เครื่องนุ่งห่มต่อไป
กล่าวกันว่าผ้าไหมเป็นผ้าที่มีคุณภาพสูงกว่าผ้าชนิดอื่นๆ
ทั้งหมด ทั้งนี้เพราะใยไหมนอกจากจะมีความมันเลื่อมสวยงามมากแล้ว
ยังสามารถย้อมเป็นสีต่าง ๆ ได้ทุกสี มีความยืดหยุ่นพอสมควร
เก็บรักษาความอบอุ่นได้ดี ดูดซับความชื้นและปล่อยระเหยไปได้ดี
และผ้าไหมนั้นมีมากมายหลายชนิด เช่น ผ้าไหมยกดอกเงินและทอง
ผ้าไหมแพร ผ้ามัสลินและผ้าซาติน เป็นต้น
ที่สำคัญที่สุดคือผ้าไหมมีความคงทนเป็นเยี่ยม
นอกจากไหมบ้านหรือไหมบอมบิกซ์ ซึ่งกินต้นหม่อนเป็นอาหาร
ยังมีหนอนผีเสื้ออีกหลายชนิดที่สามารถสร้างเส้นใยได้
แม้ว่าเส้นใยจะมีคุณสมบัติแตกต่างจากเส้นใยที่ไหมบ้านสร้าง
แต่ก็สามารถนำมาทำเครื่องนุ่งห่มได้เช่นกัน หนอนไหมป่าอีรี เป็นหนอนไหมอีกชนิดหนึ่งซึ่งมีการเลี้ยงเป็นอุตสาหกรรม
เพื่อนำเส้นใยมาทำผ้าและ
เครื่องนุ่งห่ม แม้ว่าคุณภาพของเส้นใยจะไม่ละเอียดอ่อนสวยงามเท่าเส้นใยของไหมบ้าน
แต่ผ้าที่ได้จะมีความหนาและสวยงามไปอีกแบบหนึ่ง เหมาะสำหรับสวมใส่ในหน้าหนาว
ไหมป่าชนิดนี้กินพืชอาหารหลายชนิด และมีแนวโน้มว่าจะมีการเลี้ยงกันมากขึ้นทุกที
» แมลงที่ให้ผลผลิต
»
แมลงที่ใช้เป็นอาหาร
»
แมลงผสมเกสร
»
แมลงตัวห้ำและแมลงตัวเบียน
»
แมลงช่วยสร้างเสริมความอุดมสมบูรณ์ของดิน