เทคโนโลยี นวัตกรรม สิ่งประดิษฐ์ วิศวกรรม เกษตรศาสตร์ >>
การผลิตเมล็ดพันธุ์ผัก
»
การผลิตเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีน
» การปลูกข้าวโพดหวานเพื่อผลิตเมล็ดพันธุ์
»
การปลูกผักกาดหอมเพื่อผลิตเมล็ดพันธุ์
»
การปลูกแตงกวาเพื่อผลิตเมล็ดพันธุ์
การปลูกข้าวโพดหวานเพื่อผลิตเมล็ดพันธุ์
โรคที่สำคัญของข้าวโพดหวาน
1. โรคราน้ำค้างหรือโรคใบลาย
สาเหตุ เกิดจากเชื้อราเพอโรโนสเคอโรสปอร่า ชอใจ (Peronosclerspora
sorghi) ซึ่งสามารถติดไปกับเมล็ดพันธุ์ได้
ลักษณะอาการ ในระยะต้นกล้าจะสังเกตได้จากใบมีทางสีขาวเขียวอ่อนหรือเหลือง เห็นได้ชัดจากฐานใบถึงปลายใบ ทำให้ต้นกล้าตายได้ แต่ถ้าเป็นระยะที่ข้าวโพดเติบโตแล้วต้นข้าวโพดจะแห้งตายก่อนออกดอกและฝัก โรคนี้จะระบาดมากในฤดูฝนตั้งแต่เดือนพฤษภาคมไปจนถึงสิ้นสุดฤดูฝน
การป้องกันกำจัด
- หมั่นตรวจไร่ข้าวโพดตั้งแต่เริ่มปลูก ถ้าพบข้าวโพดแสดงอาการให้ถอนเผาทำลายทันที เพื่อป้องกันการระบาดของเชื้อโรค
- ใช้พันธุ์ต้านทานปลูก เช่น พันธุ์ซุปเปอร์สวีท ดีเอ็มอาร์
- ใช้สารเคมีป้องกันโรค เช่น เอพรอน
35 เอสดี คลุกเมล็ดก่อนปลูกในอัตรา 7 กรัมต่อเมล็ด
1 กิโลกรัม จะสามารถป้องกันโรคราน้ำค้างได้
2. โรคใบไหม้แผลเล็ก
สาเหตุ เกิดจากเชื้อราเฮลมินโทสปอเรี่ยม เมย์ดิส (Helminthosporium
maydis) ซึ่งสามารถติดไปกับเมล็ดจากแหล่งหนึ่งไปยังอีกแหล่งอื่นๆ ได้
ลักษณะอาการ ระยะแรกจะเกิดจุดเล็ด
ๆ สีเขียวฉ่ำน้ำ ต่อมาจุดจะขยายออกตามความยาวของใบ โดยจำกัดด้านกว้างของแผลขนานไปตามเส้นใบ ตรงกลางแผลจะมีสีเทา ขอบแผลมีสีน้ำตาลขนาดของแผลไม่แน่นอน แผลใหญ่เต็มที่ขนาดกว้าง
6-12 มิลลิเมตร ยาว
6-27 มิลลิเมตร อาการของโรคเมื่อเกิดกับต้นกล้าอาจจะทำให้ต้นกล้าแห้งตายภายใน
3-4 สัปดาห์หลังปลูก โรคนี้ระบาดในฤดูฝนเช่นกัน และสร้างคอนิเดีย
๖(conidia) ปลิวไปตามลมทำลายต้นอื่นต่อไป
การป้องกันกำจัด
- หมั่นตรวจแปลงเสมอตั่งแต่ระยะกล้า เมื่อพบโรคเริ่มระบาดให้ถอนทิ้งแล้วเผาทำลาย
- หลีกเลี่ยงการใช้เมล็ดจากแหล่งที่มีโรคระบาดมาทำพันธุ์
- ใช้สารเคมีไซเนบ โปรบิเนบ หรือมาเนบ ในอัตรา 20 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทุก
7 วัน จำนวน 4 ครั้ง
3. โรคใบไหม้แผลใหญ่
สาเหตุ เกิดจากเชื้อราเฮลมินโทสปอเรียม เทอชิคัม
(Helminthosporium
turcicum) ซึ่งมีชีวิตข้ามฤดูได้ในซากของข้าวโพดที่ทิ้งอยูในไร่ทำให้เป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคในฤดูกาลต่อไป
ลักษณะอาการ ระยะแรกจะเกิดเป็นแผลขนาดใหญ่สีเทาหรือสีน้ำตาลยาวไปตามใบ หัวท้ายเรียวคล้ายรูปกระสวย แผลมีขนาด
2.5-5 เซนติเมตร จะเกิดที่ใบล่างๆ ก่อนแล้วลุกลามไปยังใบบนทั่วต้นเมื่อมีอาการรุนแรงแผลจะขยายตัวรวมกันเป็นแผลใหญ่ ทำให้ใบไหม้และแห้งตายในที่สุด โรคนี้จะระบาดในที่ๆมีความชื้นสูง อุณหภูมิประมาณ
20-22 องศาเซลเซียส มักพบในฤดูหนาวทางภาคเหนือของประเทศไทย การแพร่กระจายขของกลุ่มสปอร์จะปลิวไปโดยลมเข้าทำลายต้นอื่นต่อไป
การป้องกันกำจัด
- หลีกเลี่ยงการปลูกข้าวโพดในแหล่งที่มีโรคระบาดโดยเฉพาะในช่วงเดือนพฤศจิกายน-มกราคม ซึ่งเป็นช่วงที่มีอากาศหนาวเย็นและมีน้ำค้างมาก
- ใช้สารเคมีในการป้องกันกำจัดเช่นเดียวกับโรคใบไหม้แผลเล็ก
4. โรคสมัทหรือราเขม่าสีดำ
สาเหตุ เกิดจากเชื้อยูสทิลลาโก เมย์ดิส (Ustilago
maydis) พบระบาดมากในสภาพที่แห้งแล้ง อุณหภูมิระหว่าง
25-34 องศาเซลเซียส เชื้อโรคมักเข้าทำลายพืชทางบาดแผล เช่น บาดแผลที่เกิดจากเครื่องมือในการเขตกรรมหรือการถอดยอดเกสรตัวผู้ในแปลงผลิตเมล็ดพันธุ์
ลักษณะอาการ ส่วนใหญ่จะพบบนฝัก รองลงมาพบบนเกสรตัวผู้และลำต้นโดยเฉพาะตรงข้อ เชื้อราจะสร้างปมขนาดใหญ่อาการระยะแรกจะมีสีขาวทั้งภายนอกและภายใน หลังจากปมแก่ภายในจะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำ จนในที่สุดจะมีลักษณะดำทั้งปม เมื่อแก่เต็มที่ผนังหุ้มปมจะแตกมองเห็นสปอร์สีดำของเชื้อราซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวแพร่กระจายโรคโดยปลิวไปกับลมและสปอร์นี้จะสามารถทนทานกับสภาพที่แห้งแล้งหรือมีความร้อนสูงได้
การป้องกันกำจัด
- เผาทำลายต้นที่พบว่าเป็นโรคเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรคต่อไป
- ระมัดระวังอย่าให้ต้นข้าวโพดเกิดบาดแผลเพราะเชื้อโรค แล้วปลูกพืชอื่นหมุนเวียนประมาณ
1-2 ปี แล้วจึงเปลี่ยนมาปลูกข้าวโพดใหม่
»» โรคที่สำคัญของข้าวโพดหวาน
»»
แมลงศัตรูที่สำคัญของข้าวโพดหวาน
»»
การตรวจแปลงปลูก
»»
การเก็บเกี่ยวฝักแก่และการคัดฝัก
»»
การจัดการหลังการเก็บเกี่ยว
»»
การปรับปรุงสภาพเมล็ดพันธุ์