ศาสนา ลัทธิ ความเชื่อ นิกาย พิธีกรรม >>
ตำนานการอุบัติของดาวพระเคราะห์
ตามคัมภีร์เฉลิมไตรภพได้กล่าวไว้ว่า เมื่อโลกถูกไฟบรรลัยกัลป์เผาผลาญ เหลือแต่ความว่างเปล่า บรรดาพระเวท พระธรรมศาสตร์ ได้รวมตัวกันเข้า เกิดเป็นพระอิศวร พระอิศวรจึงสร้างโลกใหม่ให้บังเกิดมี มนุษย์ สัตว์ และพืช ขั้นแรกสร้างพระอุมาภควดี พระนารายณ์ และพระพรหมธาตุขึ้นก่อน แล้วสำรอกเนื้องอกออกจากท้องเกิดเป็นแผ่นดิน ถอดจุฑามณีออกจากผม แล้วบันดาลให้เป็นเขาสุเมรุราช และบันดาลให้เกิดธาตุทั้งปวงขึ้นในโลก บังเกิดฝนตกลงมาห่าใหญ่ เมื่อฝนหายแล้ว ลมหอบเอาไอดินหอมขึ้นไปถึงพรหมโลก บรรดาพรหมหอมกลิ่นไอดินก็เกิดอยากเสพง้วนดิน จึงแปลงเพศเป็นนางพรหมรวมเจ็ดองค์ลงมากินง้วนดิน เมื่อกินง้วนดินไปแล้วก็มีเทพบุตร และเทพธิดาจุติลงมาเกิดในครรภ์ของนางพรหมทั้งเจ็ด ต่อมาได้คลอดบุตรเป็นชายหนึ่งคนเป็นหญิงหกคน เป็นต้นวงศ์ของมนุษย์ในโลก
พระอิศวรมีดำริว่า เมื่อโลกมีมนุษย์ และสัตว์เกิดขึ้นแล้ว สมควรจัดให้มีแสงสว่างส่องโลก จึงได้ตั้งจักรราศีไว้ 12 ราศี ประกอบด้วยดาวฤกษ์ 27 ฤกษ์ มีวิมานนพเคราะห์ 9 วิมาน เวียนรอบจักรราศีตามกำหนดเวลา กำหนดให้มีสัตว์ 12 นักษัตรขึ้นเป็นนามมี คือ หนูเป็นนามปีชวด วัวเป็นนามปีฉลู เสือเป็นนามปีขาล กระต่ายเป็นนามปีเถาะ งูใหญ่เป็นนามปีมะโรง งูเล็กเป็นนามปีมะเส็ง ม้าเป็นนามปีมะเมีย แพะเป็นนามปีมะแม ลิงเป็นนามปีวอก ไก่เป็นนามปีระกา สุนัขเป็นนามปีจอ และหมูเป็นนามปีกุน
จากนั้นได้สร้างพระอาทิตย์ (1) จากราชสีห์ 6 ตัว พระอาทิตย์ จึงมีกำลัง 6
ทรงราชสีห์เป็นพาหนะ
สร้างพระจันทร์ (2) จากนางฟ้า 15 พระจันทร์จึงมีกำลัง 15 มีม้าเป็นพาหนะ
สร้างพระอังคาร (3) จากกระบือ 8 ตัว พระอังคารจึงมีกำลัง 8 มีกระบือเป็นพาหนะ
สร้างพระพุธ (4) จากช้าง 17 ตัว พระพุธจึงมีกำลัง 17 มีช้างเป็นพาหนะ
สร้างพระพฤหัสบดี (5) จากฤาษี 19 ตน พระพฤหัสบดีจึงมีกำลัง 19 มีกวางทองเป็นพาหนะ
สร้างพระศุกร์ (6) จากโค 21 ตัว พระศุกร์จึงมีกำลัง 21 มีโคเป็นพาหนะ
สร้างพระเสาร์ (7) จากเสือ 10 ตัว พระเสาร์จึงมีกำลัง 10 มีเสือเป็นพาหนะ
สร้างพระราหู (8) จากหัวผีโขมด 12 หัว พระราหูจึงมีกำลัง 12 มีครุฑเป็นพาหนะ
สร้างพระเกตุ (9) จากพญานาค 9 ตัว พระเกตุจึงมีกำลัง 9 มีนาคเป็นพาหนะ
พระอิศวรจัดให้เทวดานพเคราะห์ทั้งเก้าโคจรรอบจักรราศี โดยมีเขาพระสุเมรุราชเป็นหลักของโลก เทวดาพระเคราะห์ทั้งเก้า ก็โคจรรอบเขาสุเมรุราช พระอิศวรปรารภว่า เขาพระสุเมรุราชประกอบด้วย เหลี่ยมใหญ่ประจำทิศทั้งแปด ยังไม่มีผู้ใดรักษา จึงได้มอบให้ พระอาทิตย์ (1) รักษาทิศอีสาน พระจันทร์ (2) รักษาทิศบูรพา พระอังคาร (3) รักษาทิศอาคเณย์ พระพุทธ (4) รักษาทิศทักษิณ พระเสาร์ (7) รักษาทิศหรดี พระพฤหัสบดี (5) รักษาทิศประจิม พระราหู (8) รักษาทิศพายัพ พระศุกร์ (6) รักษาทิศอุดร ส่วนพระเกตุ (9) ให้ประจำอยู่ในทิศท่ามกลาง
การเข้าครองทิศของเทวดาอัฐเคราะห์ให้ตั้งต้นที่ทิศทักษิณก่อน แล้วนับตั้งแต่ทิศทักษิณเป็นต้นไปเท่ากับกำลังของตน โดยทางทักษิณาวัตร คือเวียนขวา จากทักษิณไปหรดี เช่นพระอาทิตย์มีกำลัง 6 ก็นับเริ่มต้นที่ทิศทักษิณเวียนขวาไปตามลำดับ ถึงลำดับ 6 ตกทิศอิสาน ดังนั้นพระอาทิตย์ (1) จึงประจำอยู่ที่ทิศอิสาน ดาวพระเคราะห์อื่น ๆ ก็ทำนองเดียวกันจนครบแปดดวง ทำให้เกิดภูมิพยากรณ์ และตำรามหาทักษา สำหรับใช้พิจารณาชะตาชีวิตในวิชาโหราศาสตร์เบื้องต้น คือวิชาหมอดูนั่นเอง
ตำนานการอุบัติของดาวพระเคราะห์
การแบ่งจักรราศีตามแบบโหราศาสตร์
ดาวพระเคราะห์ครองธาตุตามหลักทักษา
ดาวพระเคราะห์ครองธาตุตามหลักโหราศาสตร์
คู่มิตร คู่ศัตรู ตามตำนานชาติเวร
การพิจารณาดาวเคราะห์จร
ดาวพระเคราะห์ครองทิศตามหลักโหราศาสตร์
ตำรามหาทักษา
คัมภีร์กาลโยค
ลัคนา และดวงชาตา
อันโตนาที
การวางลัคนาผูกดวงชาตากำเนิด
มาตรฐานดาวเคราะห์
อุจจ์และนิจ
อุจจาวิลาสและอุจจาภิมุข
คำทำนายตามปีเกิด
ทายกาลชะตากำเนิด (วันเกิด) เจ็ดวัน
พยากรณ์ฐานวันทั้งเจ็ดวัน
พยากรณ์ฐานเดือนเกิดทั้งสิบสองเดือน
การหาเวลาวางลัคน์และการเรียงยาม
การนับยามตามห้วงเวลาในรอบ 24 ชั่วโมง ของแต่ละวัน
สมพงษ์ในดวงชาตา
พระเคราะห์โคจรต้องกัน
ตำราทายเศษชาตากำเนิดพระจอมเกล้า
ตำราปลูกเรือน
อภิไทโภธิบาทว์
ตำรายามสามตา
ตำราพิชัยสงคราม
ตำราทำนายฝันตามคัมภีร์สารัตถสังคหะ
ตำราทำนายฝัน
นิมิตพระยาปัตถเวน 16 ข้อ
ทายยามตกฟาก