ประวัติศาสตร์  ภูมิศาสตร์ บุคคลสำคัญ ประเทศและทวีป >>

ประชุมพงศาวดาร

พระราชพงศาวดารเหนือ
พระราชพงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐ
ศิลาจารึก
พงศาวดารเขมร
พงศาวดารมอญพม่า
พงศาวดารล้านช้าง

พงศาวดารล้านช้าง

1 | 2 | 3 | 4 | 5

ปริเฉทที่ 1

เก็บความได้ดังนี้

พระยายักษ์แต่เมืองลงกามาเป็นใหญ่ในนครศรีสัตนาคนหุต แต่ปฐมหัวที มีพระยายักษ์ตนหนึ่งชื่อนันทา เมียชื่อพระมหาเทวี ลูกชื่อนางกางริ (คือเมรี) ได้สืบเชื้อสายกันมาหลายชั่วคน ยังมีฤาษีสองตนพี่น้องมาเทศนาสั่งสอนธรรม แล้วฤาษีสองพี่น้องจึงแปลงเมืองบ้านล้านช้างขึ้นก่อน เมืองนี้ได้ชื่อว่า เชียงทอง เหตุเอาต้นทองเป็นนิมิตร ชื่อว่า เชียงคง เหตุเอานามคงเป็นนิมิตร ชื่อว่า ล้านช้าง เหตุเอาภูช้างเป็นนิมิตร แลเมืองนี้เรียกชื่อว่า ศรีสัตนาคนหุต เหตุเอานาคทั้งเจ็ดเป็นนิมิตร จึงเรียกศรีสัตนาคนหุตราชธานีเชียงคงเชียงทอง กาลล่วงมายังมีผู้หนึ่งอยู่เวียงจันทรพานิชซา ขึ้นมาค้าขายในเมืองเชียงคงเชียงทอง คืนหนึ่งฝันว่ามือขวาป่ายพระอาทิตย์ มือซ้ายป่ายพระจันทร์ สองตีนยันกงรถพระสุริยา พ่อค้าจึงไปหามหาเถรให้ช่วยทำนายฝัน มหาเถรทำนายว่า จะได้เงินทอง แก้วแหวน ช้างม้า เป็นอันมาก พ่อค้ามาเชียงทองเห็นเงินทองหลากสองฝั่งแม่น้ำโขง จึงเอามาให้ทานแก่คนยากจนเป็นอันมาก ชาวเมืองจึงยกให้เป็นพระยาในเชียงคงเชียงทอง ทำการสร้างบ้านแปงเมืองสืบราชวงศ์ ต่อมา

ยังมีผู้หนึ่งชื่อ ขุนชวามาสร้างบ้านแปงเมือง ในเชียวคงเชียงทอง จึงได้ชื่อว่า เมืองชวา ขุนชวามีลูกคนหนึ่งชื่อ ยี่บา ได้ครองเมืองต่อมา ยี่บามีลูกคนหนึ่งชื่อ วิริยา ขุนวิริยามีลูกชื่อกันฮาง ขุนกันฮางมีลูกชื่อลูกลิง ขุนลูกลิงมีลูกชื่อระวัง ขุนระวังมีลูกชื่อยี่ผง เขาแปดคนพ่อลูกหลานเหลน ยังเป็นขุนนางผู้ใหญ่อยู่กินบ้านล้านช้าง



ปริเฉทที่ 2

เมื่อกาลก่อนนั้น ก็เป็นดินเป็นหญ้าเป็นฟ้าเป็นแถน ฝีแลคนเที่ยวไปมาหากันมิได้ขาด

ยังมีขุนใหญ่สามคน คนหนึ่งชื่อ ขุนคาน อยู่สร้างบ้านเมืองลุ่ม กินปลาทำนา เมืองลุ่มกินเข้า แถนจึงใช้ให้มากล่าวแก่คนทั้งหลายว่า ในเมืองลุ่มนี้จะทำการอะไรก็ให้บอกแก่แถน แต่คนทั้งหลายไม่ฟังคำแถน แถนจึงให้น้ำท่วมเมืองลุ่ม คนทั้งหลายก็ฉิบหายกันมาก

ดังนั้น บู่ลางเชิงและขุนเด็ก ขุนคาน รู้ว่าแถนโกรธ จึงเอาไม้มาทำแพ แล้วเอาลูกเมียขึ้นมาอยู่บนแพนั้น แล้วน้ำก็พัดแพไปเมืองฟ้าเบื้องบน พระยาแถนจึงถามว่าขึ้นมาด้วยเหตุอันใด พวกเขาจึงเล่าเหตุการณ์ทั้งปวงที่เกิดขึ้น พระยาแถนจึงว่าได้ใช้ให้ไปบอกกล่าวแล้วหลายครั้ง แต่ไม่ฟัง

ครั้งนั้น พระยาแถนจึงให้พวกเขาไปอยู่ที่บึงดอนแถนลอ ต่อจากนั้น น้ำจึงแห้ง พวกเขาจึงขอพระยาแถนไปอยู่เมืองลุ่มลิดเลียง เมืองเพียงพักยอม พระยาแถนจึงให้เอาลงมาส่ง ทั้งให้ควายแก่เขาด้วย จึงมาตั้งอยู่ที่นาน้อยอ้อยหนู แต่นั้นมาเขาก็เอาควายมาทำนา อยู่มาสามปีความก็ตาย เขาทิ้งซากความไว้ที่นาน้อยอ้อยหนู อยู่มาไม่นานก็เกิดน้ำเต้าสามลูก เมื่อน้ำเต้าแก่คนทั้งหลายก็เกิดมาอาศัยอยู่ในน้ำเต้า

ปู่ลางเชิงจึงเผาเหล็กแดงเจาะผลน้ำเต้า คนทั้งหลายก็เบียดกันออกมาจากรูนั้นอย่างคับคั่ง ขุนคามจึงเอาสิ่วไปเจาะรูให้กว้าง คนทั้งหลายก็พากันออกมานานประมาณสามวันสามคืนจึงหมด ผู้ที่ออกมาทางรูเหล็กแดงนั้น แบ่งออกเป็นสองพวก พวกหนึ่งเรียกชื่อว่า ไทยลม พวกหนึ่งเรียกไทยลี ผู้ที่ออกมาทางรูสิ่วแบ่งออกเป็นสามพวก พวกหนึ่งเรียกไทยลิง พวกหนึ่งเรียกไทยลอ พวกหนึ่งเรียกไทยควาง

ปู่ลางเชิงจึงสอนพวกเหล่านั้นให้ทำนา ทอผ้า แล้วให้แต่งงานมีบ้านเรือน มีลูกหญิงชายมาก แล้วสอนให้พวกเขารักพ่อรักแม่ ยำเกรงผู้เฒ่าผู้แก่

คนทั้งหลายที่เกิดจากน้ำเต้า ผู้ที่ออกมาทางรูสิ่วนั้นให้เป็นไทย ผู้ที่ออกมาทางรูเหล็กให้เป็นข้า เมื่อคนมีจำนวนมากไม่มีท้าวพระยา ปูลางเชิงขุนเด็กขุนด่านสอนก็ไม่มีใครเชื่อคำ ขุนทั้งสามจึงขึ้นไปหาพระยาแถนขอท้าวพระยา พระยาแถนจึงให้ขุนครู และขุนครอง ลงมาเป็นท้าวพระยาของเขาเหล่านั้น

อ่านต่อ หน้า 2 >>>

แชร์ไปที่ไหนดี แชร์ให้เพื่อนสิ แชร์ให้เพื่อนได้ แชร์ให้เพื่อนเลย